[รีวิว] ตำนานวีรบุรุษยิงอินทรี ตอน สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร (The Legend of The Condor Heroes: The Dragon Tamer) [Movie] ตำนานวีรบุรุษยิงอินทรี ตอน สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร (2021) ตำนานวีรบุรุษยิงอินทรี ตอน สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร (The Legend of The Condor Heroes: The Dragon Tamer, 射雕英雄传之降龙十八掌) ภาพยนตร์จีนที่ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์เรื่อง 射鵰英雄傳 / The Legend of the Condor Heroes หรือที่รู้จักกันในบ้านเราก็คือ มังกรหยก ผลงานสุดอมตะจากปลายปากกาของ Jin Yong (Louis Chan / กิมย้ง) สามารถรับชมได้ทางช่อง iQiy และ Mono Max (ช่องโมโนแม็กซ์ในชื่อเรื่องภาษาไทยว่า มังกรหยก ตอน ศึกชิงคัมภีร์เก้าอิม) กำกับโดย Zhu Ling Feng และ Diao Yu Eddy Geng (Geng Ye-ting) รับบทเป็น Guo Jin (กัวจิ้ง / ก๊วยเจ๋ง) Stella Didy (หลินเหยียนโหรว / Lin Yan-rou / 林妍柔) รับบทเป็น Huang Rong (หวงหรง / อึ้งย้ง) Alex To รับบทเป็น Ouyang Feng (โอหยางเฟิง / อาวเอี้ยงฮง / พิษประจิม) Eddie Kwan รับบทเป็น Huang Yao Shi (หวงเหยาซือ / อึ้งเอี๊ยะซือ / มารบูรพา) Yue Dong Feng รับบทเป็น Hong Qi Gong (หงชีกง / อั้งชิกง / ยาจกอุดร) Lam Chi Chung รับบทเป็น Zhou Bai Tong (โจวปั๋วทง / จิวแป๊ะทง) Kevin Chu รับบทเป็น Ouyang Ke (โอหยางเค่อ / อาวเอี๊ยงเค้ก) 20 ปีก่อน ห้ายอดฝีมืออันประกอบไปด้วย มารบูรพา, พิษประจิม, ราชันย์ทักษิณ, ยาจกอุดร และ เทพมัชฌิม ได้ทำการประลองยุทธ์กันที่เขาฮว่าซานเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน โดยมีคัมภีร์นพเก้าเป็นของเดิมพัน ในการประลองยุทธ์ครั้งนั้น หวังฉงหยาง (เทพมัชฉิม) เป็นผู้ชนะและได้คัมภีร์นพเก้าไปครอบครอง แต่โชคร้ายที่ในปีถัดมา หวังฉงหยาง ก็ได้เสียชีวิตจากไป ส่วนคัมภีร์นพเก้าก็ถูก โจวปั๋วทง ศิษย์น้องของ หวังฉงหยาง ขโมยไปและหายสาบสูญไปในยุทธภพ 20 ปีผ่านไป ตัดมาที่ กัวจิ้ง เด็กหนุ่มที่เริ่มต้นออกเดินทางท่องยุทธภพหลังจากที่เขาได้ฝึกวิชาอยู่กับเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานมาตั้งแต่เด็ก และจากการเดินทางเข้าสู่จงหยวนเป็นครั้งแรกนี้ทำให้เขาได้พบกับขอทานน้อยคนหนึ่ง ระหว่างที่กำลังจะแยกย้ายจากกันไป หลังจากที่ทั้งสองได้ผูกสัมพันธ์เป็นสหายกันแล้วนั้น ทั้งคู่ได้พบคนของเขาอูฐขาวกำลังลักพาตัวเด็กทารกในเมืองไป เมื่อเห็นดังนั้น กัวจิ้ง จึงต้องการจะรีบไปช่วยทารกน้อยเหล่านั้น แต่ขอทานน้อยได้ห้ามเอาไว้ก่อนและเสนอแผนอุบายแฝงตัวเข้าไปยังงานเลี้ยงที่คนของเขาอูฐขาวจัดขึ้น เพื่อแอบเข้าไปช่วยทารกน้อยเหล่านั้นได้ง่ายกว่า และที่งานเลี้ยงนั่นเอง ที่ทำให้ กัวจิ้ง ได้รู้ว่า ขอทานน้อยที่เขารู้จักนั้นไม่ใช่ผู้ชาย แต่เธอคือ หวงหรง บุตรีของ หวงเหยาซือ 1 ในยอดฝีมือแห่งจงหยวนผู้มีฉายาว่า มารบูรพา และแล้วการผจญภัยในยุทธภพของ กัวจิ้ง ก็ได้เริ่มต้นขึ้น นี่น่าจะเป็นครั้งแรกหรือเปล่าไม่แน่ใจนะฮะ ที่มีการหยิบเอาบทประพันธ์เรื่องมังกรหยกเกือบทั้งเรื่องมาสร้างเป็นหนังให้จบภายใน 1 ภาคด้วยระยะเวลาความยาวของหนังเพียง 1 ชั่วโมง 34 นาที เพราะจากที่เคยมีการสร้างฉบับภาพยนตร์กันมาในอดีต ส่วนใหญ่ถ้าไม่แบ่งหนังออกเป็นหลายภาค ก็มักจะหยิบเอาตอนใดตอนหนึ่งของบทประพันธ์มาเล่า ซึ่งกับเวอร์ชั่นนี้ไม่ใช่อย่างนั้น แม้ชื่อเรื่องจะเหมือนว่าเลือกหยิบเฉพาะตอนมาเล่าก็ตาม แต่จริงๆ แล้วเวอร์ชั่นนี้เลือกที่จะเล่าเรื่องเกือบจะตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว คือเริ่มจากช่วงที่ กัวจิ้ง โตเป็นหนุ่มและออกเดินทางท่องยุทธภพในจงหยวน จนกระทั่งไปจบที่การประลองยุทธที่ยอดเขาฮว่าซานที่ กัวจิ้ง ได้เข้าร่วมประลองยุทธ์ด้วย โดยเลือกเอาเส้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ โอวหยางเฟิง (พิษประจิม) มาเป็นเส้นเรื่องหลัก ซึ่งการจะเล่าเรื่องราวที่ยาวขนาดนั้นกับตัวละครเยอะแยะมากมายให้จบภายใน 1 ภาค สิ่งเดียวที่ผู้กำกับจะทำได้ก็คือ การตัดบท, ตัดตัวละครและรายละเอียดต่างๆ ออก ให้คงเหลือเฉพาะสิ่งที่ต้องการจะเล่าเท่านั้น และทำการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเรื่องราวของเรื่องใหม่ ซึ่งจุดนี้เองที่มันได้กลายเป็นจุดบอดอย่างใหญ่หลวงที่ทำให้เสน่ห์ของ มังกรหยก หายไปหมดเลย จนกลายเป็นหนังจีนกำลังภายในทั่วๆ ไป ยกตัวอย่างสิ่งที่ผู้กำกับเลือกที่จะตัดออกและปรับเปลี่ยน เช่น ตัดพื้นเพโศกนาฏกรรมของตระกูล กัว และ ตระกูล หยาง ออก นั่นก็หมายความว่าหนังจะไม่มีตัวละครสำคัญอย่าง หยางคัง อยู่ในเรื่อง ซึ่งก็จะรวมถึงตัวละครอื่นๆ ที่อยู่แวดล้อม หยางคัง ที่ถูกตัดออกไปด้วย เช่น มู่เนี่ยนฉือ เป็นต้น เมื่อไม่มี หยางคัง ก็ไม่จำเป็นต้องมี นักพรตชิวฉู่จี และ สำนักฉวนเจิน ส่วนคาแรคเตอร์ของ กัวจิ้ง ก็ถูกปรับให้ดูฉลาดขึ้น ไม่ซื่อบื้อมากนัก แถมยังดูมีฝีมือเก่งกว่าเวอร์ชั่นที่ผ่านๆ มาอีกต่างหาก ส่วนสกิลความฉลาดหลักแหลมของ หวงหรง ก็ถูกตัดออก ไม่มีซีนให้โชว์ความฉลาดเลย กลายเป็นนางเอกหนังจีนทั่วไปๆ ไป ที่นอกจากจะมาโชว์ความน่ารักสดใสแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้น่าจดจำเลย (แต่ต้องขอบอกไว้เลยว่า Lin Yan-rou นี่น่าจะเป็น หวงหรง ที่ดูอึ๋มที่สุดแล้วตั้งแต่มีการสร้างมา) คร่าวๆ ก็จะประมาณนี้นะฮะที่มีตัดบทและปรับเปลี่ยนรายละเอียดที่พอจะเล่าได้ ที่เหลือเล่ามากไม่ได้ฮะเดี๋ยวจะกลายเป็นสปอยไปซะ ยังมีอีกจุดหนึ่งที่รู้สึกผิดหวังก็คือ ฉากการต่อสู้ ที่ถึงแม้จะทำออกมาได้ดีพอสมควร แต่มันมีน้อยเกินไปอ่ะ ดูแล้วยังไม่ค่อยจุใจเท่าไหร่ ยังไม่สมกับการที่ได้ชื่อว่าเป็นหนังกำลังภายใน อีกทั้งชื่อหนังที่อุตส่าห์ตั้งว่าเป็น ตอน สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร ก็ทำให้เราคาดหวังว่าจะได้เห็นพิษสงของวิชาสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร หรืออะไรที่เกี่ยวข้องมากกว่านี้ แต่มันกลับไม่ใช่อย่างที่คิดเลย คือมันแทบจะไม่มีอะไรพิเศษที่เกี่ยวข้องกับวิชาสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรเลย แม้แต่ในฉากการต่อสู้ช่วงไคลแมกซ์ที่คิดว่าจะมีโอกาสได้โชว์สกิลเทพของวิชานี้ก็แทบไม่มีให้เห็นเลย สุดท้าย มาว่าถึงจุดที่ประทับใจที่สุดของหนังเรื่องนี้ละกันฮะ ก็คือ การเลือกใช้เพลง Tie Xue Dan Xin มาเป็นเพลงประกอบหนัง ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงเดียวกับเวอร์ชั่นทีวีซีรีส์ปี 1982 ที่แสดงโดย หวงเย่อหัว และ องเหม่ยหลิง สรุป >> ไม่เหมาะกับแฟนมังกรหยกที่เคยดูซีรีส์มาก่อนหน้านี้แล้วไม่ว่าจะเวอร์ชั่นไหนก็ตาม ให้ไป 6 เต็ม 10 ละกันฮะ ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก iQIYI
แสดงความคิดเห็น