ครบปีที่เขียนถึงเรื่องนี้ #MyLiberationNotes สมรางวัลบทละครยอดเยี่ยม #BaeksangArtsAwards2023 ยังจำความรู้สึกถึงตอนเขียนได้ดี อยากดูซีรีส์ที่ทำให้อารมณ์อยากเขียนเราพรั่งพรูแบบนี้อีกค่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ในการเขียนเพจทุกครั้ง ส่วนตัวไม่เคยร่างเลยสักครั้ง เขียนพรั่งพรูออกมาจากใจ เป็นบทความที่แสดงความรู้สึก บทความเรื่องนี้ผ่านมาเกือบครบปี เมื่อคืนนี้มีแฟนเพจเค้าแท็กหากันแล้วบอกว่าเขียนดีมาก เราเลยได้ย้อนมาอ่านอีกครั้ง และยังจำความรู้สึกในวันที่เขียนได้ดี ว่าน้ำตาซึมหลังเขียนจบ นานแล้วที่ไม่มีซีรีส์ที่มีฉากทัชใจจนเขียนออกมาได้แบบนี้ ขอแชร์มาอีกครั้งเพื่อระลึกถึงค่ะ My Liberation Notes (2022) ปล่อยใจสู่เสรี ซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวผู้คนผู้เดินวนอยู่ในโลกภายในใจ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ดีมาก เขียนบทโดยพัคแฮยอง ผู้เขียนบทเรื่อง My Mister บรรยากาศโปสเตอร์ตัวอย่างชวนให้คิดถึงความหม่นหมองและอารมณ์ดำดิ่งของมนุษย์อีกครั้ง ซีรีส์เรื่องนี้นำแสดงโดยนักแสดงนำหลักสี่ตัวละคร อีมินกิ คิมจีวอน ซนซอกกู และ อีเอล ที่มารับบทสามพี่น้อง และหนึ่งหนุ่มแปลกหน้าผู้เมามายตลอดเวลา ใช้ชีวิตร่วมกันในหมู่บ้านที่ชานโพ เมืองเล็กที่ห่างจากกรุงโซล สถานที่ทำงานของสามพี่น้องที่เดินทางไปกลับเพื่อไปทำงานทุกวันรอบละราวหนึ่งชั่วโมงครึ่ง อีมินกิ รับบท ยอมชางฮี น้องชายคนกลาง ทำงานในบริษัทค้าปลีก มีหน้าที่ประสานงานช่วยเหลือบรรดาผู้จัดการร้านค้าปลีกในการบริหารร้าน จัดการทุกอย่าง และมีความหวังว่างานที่ทำแบบเดิมมาแปดปี จะได้รับโอกาสได้เลื่อนขั้นในสักวันหนึ่ง ยอมชางฮีเป็นชายหนุ่มที่พยายามสร้างมาตรฐานในใจของตัวเองไว้ อยากได้การยอมรับจากผู้คนว่าตนเองเป็นคนดีพอที่จะเติบโตได้มากกว่านี้ แต่ชีวิตที่เดินแบบเดิมนั้นยังมองไม่เห็นความหวัง จึงทำได้เพียงระบายอารมณ์กับคำพูด การบ่นกลางวงสนทนากับพี่น้องเพื่อนฝูงวงแคบๆ ที่บ้านในชนบทของตัวเอง คิมจีวอน รับบท ยอมมีจอง น้องสาวคนเล็ก หญิงสาวเงียบขรึม พูดน้อย ใบหน้าหม่นเศร้าใช้ความคิดตลอดเวลา เธอทำงานในบริษัทภายใต้ความกดดันจากหัวหน้างานจู้จี้จุกจิกที่เอาแต่ตำหนิงานที่เธอทำ ยอมมีจองก็เหมือนกับคนจำนวนมากที่เป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบเข้าสังคม แต่เมื่อบริษัทเธอบังคับกดดันให้พนักงานทุกคนต้องเข้ากลุ่มชมรมในบริษัท เพื่อสร้างสัมพันธ์ในงาน เธอรู้สึกถูกบังคับ ถูกกดทับจากโลกภายนอก และชีวิตที่เดินวนเหมือนกันทุกวันจนมองไม่เห็นว่าตัวเองเป็นใคร เธอรู้สึกเพียงอย่างเดียวว่าเธอถูกกักขังอยู่ในโลกที่มองไม่เห็นทางออก เธอจึงมักใช้วิธีวาดฝันว่าตนเองมีตัวตน มีคนที่รักที่รอคอยอยู่ ในขณะที่นั่งทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟ ซนซอกกู รับบท คุณกู ชายหนุ่มแปลกหน้าที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวเข้ามาอยู่อาศัยในบ้านเช่าที่ชานโพ นั่งดื่มเมามายทุกวัน จนพ่อของสามพี่น้องที่ทำธุรกิจเล็กๆคือประกอบเฟอร์นิเจอร์ตามสั่ง และทำไร่ ว่าจ้างคุณกูมาทำงาน คุณกูทำงานดีจนพ่อเอ่ยปากชม และใช้ชีวิตทำงานและทานอาหารร่วมกับครอบครัวนี้ แต่นอกเวลางาน กิจวัตรประจำวันของคุณกูคือ เดินไปซื้อเหล้ามานั่งดื่มคนเดียว สายตาเลื่อนลอยมองไปบนฟ้า ไม่เคยพูดคุยกับใคร เมามายจนหลับอย่างเดียวดายเช่นนี้ทุกวัน อีเอล รับบท ยอมกีจอง พี่สาวคนโตที่ทำงานในบริษัทวิจัยความคิดเห็น เธอเป็นหญิงสาวที่ใฝ่ฝันถึงความรักและปรารถนาจะมีชายหนุ่มที่รักที่เป็นรักเดียว เธอมักจะถูกน้องชายอย่างชางฮีปรามาสว่า พี่ไม่ดูตัวเอง ไม่ยอมรับตัวเองว่าตัวเองไม่ได้เลิศเลอเพอร์เฟคแบบภาพฝันที่คิดไปเอง เมื่อเธอตั้งคำถามว่าทำไมเธอยังไม่ถูกเลือกสักที เธอมักจะคิดไปเองว่าตนเองดีมากพอที่ผู้ชายต้องสนใจและเลือกเธอ น้องชายก็คอยเถียงและขัดคอทุกครั้ง ทำให้พี่น้องคู่นี้เถียงกันประจำ ในขณะที่น้องสาวคนเล็กนิ่งเงียบ รับฟัง ชีวิตประจำวันของสี่ตัวละครหลักจึงวนเวียนอยู่กับการตั้งคำถาม และจมอยู่กับโลกภายในใจ รู้สึกชีวิตถูกผูกรัดไว้กับครอบครัวที่พ่อแม่เป็นใหญ่ ภาระการเงินที่ไม่ดีนัก พ่อแม่ยังทำงานหนักแม้จะอายุมากแล้ว ทุกวันหยุดต้องมาช่วยพ่อแม่ทำไร่ ในขณะที่อยากมีอิสระ มีความสุขสบายอย่างที่ต้องการ แต่ยังทำไม่ได้ ในขณะที่พี่สาวคนโตอยากมีอิสระหลุดพ้นจากชีวิตที่เป็นอยู่ด้วยการแต่งงานและได้พบผู้ชายดีๆ เธอตั้งเป้าหมายว่าจะพยายามมีความรักให้ได้สักครั้ง น้องชายคนรองปรารถนาชีวิตแบบผู้ชายที่พร้อมพอจะเป็นผู้นำและสร้างชีวิตอิสระของตัวเองได้ แต่นิสัยที่ขาดเป้าหมายใช้ชีวิตไปวันๆ ทำให้ความฝันนั้นจึงยังไม่ชัดเจนนัก ในขณะที่ยอมมีจองน้องสาวคนเล็กผู้แทบจะไม่พูดกับใคร เธอช่วยพ่อแม่ทำงานทุกอย่างแบบไม่ปริปาก และเริ่มคิดถึงการฝ่าฟันออกจากโลกที่กักขังเธอไว้ไปยังอิสรภาพที่เธอยังมองเห็นไม่ชัดเจนนักว่าคืออะไร เธอใช้ความคิดและตกผลึกได้ในวันหนึ่งว่า โลกที่เธอต้องการนั้นคือโลกที่ตัวเองจะมีตัวตนขึ้นมาจริงๆ มีคนมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของเธอ ยอมรับเธอ และทำให้เธอรู้สึกถึงความสำคัญสูงสุดนั้น ยอมมีจองย้อนมองไปที่ชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างคุณกูที่มีอะไรคล้ายเธอ ในวันที่เธออยากให้เขาเปลี่ยนแปลงชีวิตจากชายขี้เมา เธอจึงยื่นข้อเสนอให้เขาว่า อยากให้เขาหยุดเหล้าและมาทำงานให้เธอ อยากให้เขากลายเป็นคนเดียวที่คอย “เชิดชู” เธอให้กลายเป็น “คนสำคัญ” และช่วย “เติมเต็ม” ความปรารถนานั้น ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ถ้าคนไม่ชอบดูแนวนี้อาจจะเบื่อ อึดอัด เพราะโทนเรื่องเต็มไปด้วยบทสนทนาที่ชวนคิดตาม ตัวละครหลักที่มีบุคลิกอินโทรเวิร์ตจนทำให้บางฉากแทบไม่มีบทสนทนา นอกจากการเดินผ่านกันไปมา และเราคนดูมองสถานการณ์ผ่านอารมณ์ความรู้สึกตัวละครผ่านภาษากายและแววตาที่นักแสดงถ่ายทอดออกมา ส่วนตัวสี่ตอนแรกคิดว่าชอบมาก ชอบพล้อตและการเล่าเรื่องราวที่แม้จะเงียบแต่น่าติดตาม โดยเฉพาะคู่หลักคือ ยอมมีจองและคุณกู อยากรู้ว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของคุณกูผ่านเรื่องราวอะไรมาจนทำให้กลายมาเป็นชายขี้เมา อยากรู้ว่าคนที่มีชีวิตว่างเปล่าสองคนจะมาเติมเต็มให้กันได้ไหม ติดตามกันต่อในซีรีส์ยาว 16 ตอน ทาง Netflix ค่ะ ความจริงช่วงที่ซีรีส์เรื่องนี้ออนแอร์ ได้บันทึกความรู้สึกถึงเรื่องนี้ทุกสัปดาห์ แฟนเพจตามอ่านและร่วมถกเถียงกันมากมาย เขียนไว้หลายบทความ แต่ที่ชอบที่สุดคือบทความนี้ ขอนำมาลงบล็อกไว้วันนี้ค่ะ #MyLiberationNotes #ในวันที่แม่ใจสลาย #บันทึกความรู้สึกหลังดูซีรีส์ตอนที่สิบสาม ซีรีส์ My Liberation Notes ตอนที่ 13 เมื่อคืนนี้ ทำให้ฉันในฐานะแม่คนหนึ่ง เมื่อนั่งดูซีรีส์ตอนนี้ แล้วเห็นแม่ของสามพี่น้องจากไปอย่างกะทันหันแล้วรู้สึกสะเทือนใจและเศร้ามากๆ หลังคุณกูจากไป เรื่องราวก็ถ่ายทอดชีวิตในโลกสีเทาของคุณกูอย่างละเอียดทุกขั้นตอนในการได้มาซึ่งเงินมหาศาลจากธุรกิจในโลกดำมืดยามค่ำคืน อาชีพที่ต้องใช้สัญชาตญาณดิบของมนุษย์ในการใช้ความแข็งกร้าวรุนแรงโหดเหี้ยมเป็นเกราะสร้างความเข้มแข็งเพื่อจะได้อยู่รอด และก้าวขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง ตราบใดที่ยังมีบทบาทและความสำคัญพร้อมทำงานสร้างรายได้ให้ คุณค่าในตัวเองก็ยังอยู่ แต่ถ้าหมดไปเมื่อไหร่ชีวิตมนุษย์ก็อาจจะกลายเป็นตัวอะไรสักตัวหนึ่ง ชีวิตคุณกูในโลกสีเทาหม่นมืดนี้จึงเป็นชีวิตที่อยู่ไปวันๆ เหมือนมนุษย์งานในโลกมืด ที่ไม่อาจได้พบเห็นสายรุ้งแห่งความฝันความหวังและความสุขเหมือนเมื่อครั้งอยู่กับมีจองที่บ้านไร่ในชนบทชานเมืองที่แสนเงียบเหงา เวลาของคุณกูจึงผ่านไปเหมือนหุ่นยนต์ แต่ลึกๆแล้วจิตใจข้างในยังคิดถึงมีจอง และนั่งรถไฟกลับไปหาแต่ไม่เคยได้พบกัน เส้นทางชีวิตจึงสวนทางกัน จนเรื่องราวมาเฉลย เมื่อคุณกูตัดสินใจเดินทางมาที่บ้านมีจองแล้วพบว่า บ้านนั้นเงียบเหงาไร้ชีวิต เพราะเหลือแต่พ่อผู้โดดเดี่ยวคนเดียวกับภรรยาใหม่ หลังจากแม่มีจองจากไปกะทันหันในช่วงเวลาไม่นานหลังคุณกูจากไป ความจริงวันที่แม่จากไปวันนั้น เป็นวันพิเศษวันหนึ่งที่เราคนดูจะได้เห็นแม่ลุกขึ้นมาแต่งตัวสวย เดินทางเข้าเมือง ไปนั่งในร้านอาหารเพื่อแอบดูหน้าแฟนหนุ่มของลูกสาวคนโต เมื่อพบแล้วแม่ก็ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะถูกใจชายหนุ่มที่มาชอบพอลูกสาว ความจริงวันนั้นควรจะเป็นวันที่แสนสุขของแม่วันหนึ่ง แต่เมื่อระหว่างกลับบ้าน แม่แวะซื้อของที่ตลาด แล้วแม่ค้าในตลาดก็ทักเรื่องมีจองขึ้นมา ทันทีที่เพื่อนบ้านเล่าว่าเห็นมีจองร้องไห้อย่างหนักและตอบเพื่อนบ้านผู้เซ้าซี้ไปว่า เธอร้องไห้เสียใจเพราะหมาที่บ้านหายไป ฉากแม่ในชุดเสื้อสูทอย่างดีที่สุด สองมือหิ้วของพะรุงพะรังเพื่อซื้อของเตรียมไว้ทำกับข้าวให้ครอบครัวพ่อแม่ลูกอย่างที่ทำมาทุกวันตลอดหลังแต่งงานกับพ่อ เดินก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวงองุ้มไปตลอดทาง เมื่อความทุกข์ของลูกสาวคนเล็กที่เป็นเพื่อนแม่ ช่วยงานแม่ตลอดไม่เคยปริปาก ลูกสาวที่แม่รัก และแทบจะไม่เคยมีเรื่องอะไรให้แม่บ่นว่าตำหนิเลย กลับมีความทุกข์ที่แม่ไม่อาจช่วยอะไรได้ ความทุกข์ของลูกก็ทับถมลงบนใจแม่จนโลกที่แม่แบกไว้จู่ๆ ก็สลายลงในทันทีทันใด เมื่อถึงบ้านเธอก็ยังทำหน้าที่ที่ทำเป็นกิจวัตร คือเตรียมหุงข้าว แต่แล้วหัวใจที่สลายก็ฉุดรั้งให้เธอวางงานทุกอย่างลง นั่งใช้ความคิดที่โต๊ะอาหารสักพัก สุดท้ายตัดสินใจล้มตัวลงนอนพัก แล้วเธอก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย ตอนที่ชางฮีมาพบแม่ที่ไร้วิญญาณ และวิ่งออกจากบ้านไปร้องเรียกบอกพ่อ ในขณะที่มีจองเดินเข้าบ้านมาพบกับรถพยาบาลที่เปิดไซเรน เป็นฉากที่บีบหัวใจและทำให้เศร้ามาก เมื่อดูถึงตอนนี้ ความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมา ครอบครัวที่ขาดแม่ผู้เข้มแข็ง มักจะแตกสลาย เป็นเช่นนี้จริงๆ เหมือนสามพี่น้องเมื่อขาดแม่ ก็ถึงจุดแตกหักกับพ่อและชีวิตอันแสนยากลำบากที่พ่อใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางผูกทุกคนในบ้านให้อยู่ร่วมกันนั้นต้องขาดผึงลงทันทีที่แม่จากไป แม่จึงเป็นคนที่สำคัญที่สุดในใจของลูกทุกคน แม่ที่ต้องรับผิดชอบงานทั้งงานบ้าน งานไร่และงานโรงประกอบอ่างล้างจานของพ่อ แม่ที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างชางฮีและพ่อ ในวันที่ทั้งพ่อและลูกชายใช้สัญชาตญาณความเป็นผู้ชายที่ชอบเอาชนะคะคานกันในเรื่องไร้สาระ ขับรถแข่งจนรถไปคว่ำกลางคันนา โดยไม่คิดถึงอันตรายใดๆ แม่ที่เหน็ดเหนื่อย ปากเปียกปากแฉะบ่นลูก คอยปลุกทุกเช้าให้ลุกขึ้นมาแต่งตัวไปทำงาน แม่ที่นั่งมองภาพถ่ายวัยเด็กของลูกแล้วยิ้มอย่างมีความสุขยามที่มีใครมาทักทายชื่นชมลูกตนเอง แม่ผู้ทำงานตลอดทั้งวันด้วยความรักลูกและสามี แต่ในวันที่แม่ใจสลาย และรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับชีวิตที่มีเหลือเกิน แม่ก็เพียงนั่งลงเงียบๆ ล้มตัวลงนอนโดยไม่ปริปากถึงความทุกข์ที่ผ่านมา แล้วแม่ก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย จบบันทึกตอนที่สิบสามด้วยน้ำตาและเสียใจกับลูกที่ขาดแม่เป็นหลักชัยในชีวิตทุกคนค่ะ เขียนในนามของความเป็นแม่ เขียนไว้เมื่อ 22 พฤษภาคม 2565ดูตัวอย่างซีรีส์จากคลิปเพลงประกอบ ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix, เฟซบุ๊ก JTBC Drama
แสดงความคิดเห็น