[รีวิว] Time Trap (ฝ่ามิติกับดักเวลาพิศวง) หนังฟอร์มเล็กที่เล่นประเด็นใหญ่ [Movie][Review] Time Trap (ฝ่ามิติกับดักเวลาพิศวง) [2017] Time Trap (ฝ่ามิติกับดักเวลาพิศวง) ภาพยนตร์แนว Thriller Sci-Fi Adventure ที่เล่าเรื่องราวของนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ได้พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดเกี่ยวกับการบิดเบือนของเวลาในขณะที่พวกเขาเข้าไปสำรวจในถ้ำแห่งหนึ่ง เขียนบทโดย Mark Dennis กำกับโดย Mark Dennis และ Ben Foster Brianne Howey (จากซีรีส์เรื่อง I Live with Models และ The Exorcist) รับบทเป็น Jackie Cassidy Gifford (จากภาพยนตร์เรื่อง Caged No More) รับบทเป็น Cara Reiley McClendon (จากซีรีส์เรื่อง Ironside และ The Fosters) รับบทเป็น Taylor Olivia Draguicevich (จากภาพยนตร์เรื่อง Strings) รับบทเป็น Veeves Max Wright (จากภาพยนตร์เรื่อง Dealin’ with Idiots) รับบทเป็น Furby Andrew Wilson (จากภาพยนตร์เรื่อง Hall Pass และ The Big Year) รับบทเป็น Professor Hopper รับชมได้ทาง Netflix เรื่องราวของนักศึกษากลุ่มหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วย แจ็คกี้, คาร่า, เทย์เลอร์ และ วีฟส์ ที่พยายามออกตามหา ศาสตราจารย์ฮอปเปอร์ ศาสตราจารย์ด้านโบราณคดีที่หายตัวไปในขณะที่เขากำลังออกตามหาพวกฮิปปี้กลุ่มหนึ่งที่หายตัวไปตั้งแต่ปี 1970 หลังจากที่พวกเขาติดตามร่องรอยการเดินทางของ ศาสตราจารย์ฮอปเปอร์ พวกเขาก็ได้พบว่า ศาสตราจารย์ฮอปเปอร์ น่าจะหายตัวไปในขณะที่เข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง พวกเขาจึงตัดสินใจเข้าไปในถ้ำแห่งนั้นเพื่อสำรวจและออกตามหา ศาสตราจารย์ฮอปเปอร์ โดยที่พวกเขาไม่ได้รับรู้เลยว่ามันจะเป็นการเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล สนุกกว่าที่คิดเยอะเลยฮะ แม้โลเคชั่นหลักในเรื่องจะมีที่เดียวคือในถ้ำ แต่ด้วยการเล่าเรื่องแบบนี้จึงทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น, กดดัน และร่วมลุ้นไปกับตัวละครด้วยเลยฮะ ในส่วนของเรื่องเงื่อนไขเวลาระหว่างในถ้ำกับนอกถ้ำที่แตกต่างกันมากนั้น ถ้ามองแบบผ่านๆ อาจจะดูเหมือนเป็นพลอตโฮลที่ดูจะไม่ค่อยเมคเซนต์เท่าไหร่ แต่หากลองตั้งใจคิดตามตั้งแต่ต้นเรื่องจะเห็นได้ว่าช่วงเวลาทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีความสมเหตุสมผลตามทฤษฎีที่ตัวหนังเองได้วางเอาไว้นะฮะ แต่แม้หนังจะดูได้สนุกยังไงก็ตาม ก็ยังมีจุดที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่อยู่หลายจุดเลยฮะ จุดแรกคือความย้อนแย้งของตัวละครบางตัว ที่บางครั้งก็ทำตัวน่ารำคาญและไร้เหตุผล แต่จู่ๆ ก็กลับกลายเป็นตัวละครที่พึ่งพาได้ ในขณะที่บางตัวละครที่คิดว่าน่าจะมีบทบาทสำคัญกลับกลายเป็นไม่มีอะไรไปซะงั้น อีกจุดหนึ่งก็คือตอนจบของเรื่องที่ดูจะจบแบบ Happy Ending ไปหน่อย ทั้งๆ ที่ตลอดทางของหนังที่วางไว้ ไม่น่าจะจบได้แฮปปี้แบบนี้อ่ะฮะ และสิ่งสุดท้ายที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แถมยังรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมากก็คือ พลอตเรื่องที่เป็นไซไฟเล่นกับเรื่องของเงื่อนไขเวลา แต่หนังกลับไม่ค่อยให้ความสำคัญที่จะอธิบายหรือเน้นไปในแนวทางนี้สักเท่าไหร่นัก ทั้งๆ ที่เป็นพลอตหลักของเรื่อง โดยรวมจึงกลายเป็นเหมือนหนังผจญภัยเอาตัวรอดจากพื้นที่ปิดตายธรรมดานะฮะ สรุป >> ให้ไป 6.5 เต็ม 10 นะฮะ เป็นหนังที่ดูได้สนุกพอสมควรเลยฮะ แต่นอกจากเรื่องของเงื่อนไขเวลาที่อาจจะทำให้คนที่ดูจบแล้วได้มาถกประเด็นกัน หนังก็ไม่มีอะไรให้คิดต่อแล้วฮะท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก Time Trap
แสดงความคิดเห็น