[รีวิว] Tunnel กับการตามล่าหาตัวฆาตกรที่ยังคงลอยนวลอยู่ถึง 30 ปี [Series] [Review] TUNNEL ปริศนาล่าข้ามเวลา [2017] Tunnel (터널) ซีรีส์แนว Drama Mystery Thriller Suspense Crime เกือบๆ Comedy สัญชาติเกาหลีใต้ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเขต Hwaseong ที่ Lee Chun-jae ฆาตกรในคดีนี้ได้ก่อเหตุฆาตกรรมอย่างต่อเนื่องมากมายในช่วงปี 1986-1994 เขียนบทโดย Lee Eun-mi กำกับโดย Shin Yong-hwi Choi Jin-hyuk (จากซีรีส์เรื่อง Pride and Prejudice) รับบทเป็น Park Gwang-ho Yoon Hyun-min (จากซีรีส์เรื่อง Beautiful Mind) รับบทเป็น Kim Seon-jae Lee Yoo-young (จากภาพยนตร์เรื่อง The Treacherous) รับบทเป็น Shin Jae-yi Lee Si-a (จากซีรีส์เรื่อง Signal) รับบทเป็น Shin Yeon-sook Kim Min-sang (จากซีรีส์เรื่อง Dr. Romantic) รับบทเป็น Mok Jin-woo รับชมได้ฟรีทาง WeTV ปี 1985 ในขณะที่ พัคกวางโฮ นายตำรวจสายสืบของสถานีตำรวจฮวายังกำลังตามเบาะแสของคนร้ายในคดีที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมหญิงสาวหลายรายในเขตพื้นที่ฮวายังนั้น (ในช่วงยุค 80 ยังไม่มีนิยามของคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง) บังเอิญเขาได้พบกับบุคคลที่น่าสงสัยซึ่งคาดว่ากำลังก่อเหตุฆาตกรรมอยู่ภายในอุโมงค์ซึ่งเป็นถนนทางลอดสำหรับการสัญจร เขาได้พลาดท่าถูกผู้ต้องสงสัยทำร้ายจนสลบไป หลังจากเขาฟื้นขึ้นมา เขาก็ได้พบว่าตัวเองได้ข้ามเวลามาในปี 2016 ในยุคที่อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนกับที่ที่เขาจากมา ในขณะที่ พัคกวางโฮ ต้องพยายามหาทางกลับไปในปี 1986 ให้ได้นั้น เขาจำเป็นที่จะต้องแอบอ้างตัวเป็นตำรวจสายสืบน้องใหม่ที่เพิ่งย้ายมายังสถานีตำรวจฮวายัง และในระหว่างที่เขาทำงานอยู่นั้นเอง เขาได้พบกับคดีฆาตกรรมคดีหนึ่งที่คล้ายกับคดีที่เขาทำค้างไว้อยู่ในปี 1986 และเมื่อสืบลึกลงไป ทำให้เขาได้รู้ข้อมูลว่าคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เขาตามสืบอยู่เมื่อปี 1986 นั้น ยังไม่สามารถจับตัวฆาตกรได้ และมีความเป็นไปได้ว่าคดีที่เกิดขึ้นในปี 2016 นี้ อาจจะเกิดจากฝีมือของคนร้ายคนเดียวกันกับคนที่เขาตามหาอยู่ คดีนี้จะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาข้ามเวลาจากปี 1986 มาในปี 2016 หรือเปล่านะ แล้วเขาจะสามารถกลับไปในปี 1986 หลังจากจับตัวคนร้ายในคดีนี้ได้หรือไม่ ไปร่วมหาคำตอบกันนะฮะ เป็นซีรีส์แนวสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องอีกเรื่องหนึ่งที่ให้ความบันเทิงได้ดีเลยฮะ บทหนังค่อนข้างแข็งแรงมากฮะ และบางซีนนี่ก็ทำให้ขนลุกกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะซีนที่ตัวละคร พัคกวางโฮ และ คิมซอนแจ ต่างได้รู้ความจริงว่าต่างฝ่ายต่างเป็นใครกันแน่ (ช่วงท้าย Ep.7 ต่อเข้า EP.8) การดำเนินเรื่องโดยรวมค่อนข้างเข้มข้นและชวนให้ติดตามอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ซีรีส์ชุดนี้ให้โทนของเรื่องที่แตกต่างจากซีรีส์แนวสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเรื่องอื่นๆ อยู่บ้างตรงการใส่อารมณ์ขันไปตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งจังหวะการใส่มุกต่างๆ ก็ทำได้ดีมาก มันสามารถเบรคอารมณ์ความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี และไม่ขัดหรือดึงให้อารมณ์ของเรื่องราวที่กำลังเดินไปอยู่นั้นสะดุด (พูดง่ายๆ คืออารมณ์ไม่เหวี่ยงไปมาเหมือนคนเป็นไบโพล่าร์อ่ะฮะ) และไอมุกประเภทคนหลงยุคนี่ก็ทำออกมาได้พอดีเลยฮะ ไม่มากไม่น้อยเกินไป และแม้ว่านี่จะเป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับการข้ามเวลาของตัวละครเอกก็ตาม แต่มันก็เป็นเพียงแค่ปัจจัยเล็กๆ ของเรื่องเท่านั้น ไม่ได้สร้างความซับซ้อนหรืองุนงงให้กับคนดูนะฮะ ดังนั้น ใครที่เกลียดหนัง/ซีรีส์ประเภทข้ามเวลา ก็น่าจะดูเรื่องนี้ได้สนุกอยู่นะฮะ ส่วนจุดที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นักก็เห็นจะเป็นซีนดราม่าหลายๆ ซีนที่ดูแปลกๆ ไปสักหน่อย เหมือนอารมณ์ของเรื่องไม่ค่อยส่งเลย ทั้งๆ ที่หลายๆ ปมหลายๆ ประเด็นนี่ ถ้าเล่นให้ลึกจริงๆ นี่มีบ่อน้ำแตกได้เลย สรุป >> ให้ไป 8 เต็ม 10 นะฮะ เป็นหนังที่มีเสน่ห์ค่อนข้างมาก แม้จะไม่ได้มีฉากแอ็คชั่นหวือหวา หรือเนื้อหาประเด็นที่ซับซ้อนอะไรมากนัก แนะนำสำหรับคนที่ชอบดูซีรีส์แนวสืบสวนคดีฆาตกรรมเลยฮะ สุดท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix, เฟซบุ๊ก WeTV Thailand, เฟซบุ๊ก Viu Thailand, เว็บไซต์ OCN
แสดงความคิดเห็น