[รีวิว] สาธุ ซีรีส์ที่กล้าแตะด้านมืดของธุรกิจที่เรียกว่า “พุทธพาณิชย์” [Series]สาธุ | ตัวอย่างอย่างเป็นทางการ | Netflix สาธุ (The Believers) ซีรีส์สัญชาติไทยจาก Netflix Series ที่มาในแนว Crime Thriller Drama ที่จะพาผู้ชมเข้าไปสัมผัสด้านมืดส่วนของวงการที่หากินกับความเชื่อและความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ผลิตโดย Joy Luck Club Film House เขียนบทโดย อมราพร แผ่นดินทอง, วัชรพล ปักษี, อสมาภรณ์ สมัครพันธ์, พีรพัฒน์ รักงาม และ จิราพร แซ่ลี้ กำกับโดย วัฒนพงศ์ วงศ์วรรณ เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ (จากภาพยนตร์เรื่อง ฉลาดเกมส์โกง และ Homestay) รับบทเป็น วิน พีท-พชร จิราธิวัฒน์ (จากภาพยนตร์เรื่อง Secret วัยรุ่นพันล้าน และ Suck Seed ห่วยขั้นเทพ) รับบทเป็น เกม แอลลี่-อชิรญา นิติพน (ศิลปินนักร้องและนักแสดงจากภาพยนตร์ น้อง.พี่.ที่รัก) รับบทเป็น เดียร์ ปั๊บ-พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข (นักร้องนำวง Potato) รับบทเป็น พระดล ปราโมทย์ แสงศร (จากภาพยนตร์เรื่อง โลกทั้งใบให้นายคนเดียว และ เพื่อน(ไม่)สนิท) รับบทเป็น ผู้หมวดยอด ติ๊ก กลิ่นสี-ชาญณรงค์ ขันทีท้าว (จากภาพยนตร์ชุด กลิ่นสีและกาวแป้ง) รับบทเป็น น้าแต๋ง เผ่าเพชร เจริญสุข (จากซีรีส์เรื่อง ไดอารีตุ๊ดซี่ส์ เดอะซีรีส์) รับบทเป็น พระเอกชัย สุรสีห์ ผาธรรม รับบท หลวงพ่อกิ้ว เจ้าอาวาสวัดภุมราม จินตหรา สุขพัฒน์ (จากภาพยนตร์ชุด บุญชู…ผู้น่ารัก) รับบทเป็น แม่ของวิน โดนัท-มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล (จากภาพยนตร์เรื่อง ตายโหง ตายเฮี้ยน ตอน ทุบ “กรรม”) รับบทเป็น สจ.เอ๋ รับชมได้ทาง Netflix มีจำนวน 9 ตอน เรื่องราวของ วิน, เกม และ เดียร์ เพื่อนสนิท 3 คนที่ฝันจะรวยตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ได้ชวนกันมาลงทุนทำธุรกิจเกม NFT ที่ชื่อ Pirate Hell โดยหลังจากที่เปิดตัวเกมไป แนวโน้มและกระแสก็ไปในทิศทางที่ดี แต่ความรวยมันไม่ได้ได้มาง่ายๆ ขนาดนั้น เมื่อผ่านไปเพียงแค่วันเดียวหลังจากเปิดตัวเกมไป ระบบของเกม ไพเรทเฮลล์ ก็ถูกแฮ็ก ทำให้เหรียญ HELL ที่กำลังมีมูลค่าโตพุ่งขึ้นไปเกิน 100% กลับค่อยๆ ตกลงเรื่อยๆ เกินกว่า 100% ภายในไม่กี่ชั่วโมง ทำให้เสียหายไปกว่า 6 ล้านบาท แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือพวกเขาต้องมีเงินไปคืนเจ้าหนี้นอกระบบที่พวกเขาไปกู้มาเป็นจำนวนทั้งหมด 50 ล้านบาทหลังเปิดตัวเกมภายใน 30 วัน ในขณะที่กำลังเข้าตาจน พวกเขาก็ได้ไอเดียในการหาเงินก้อนใหญ่ที่จะสามารถนำมาชำระหนี้ให้กับพวกเขาได้ นั่นก็คือ การทำธุรกิจวัด และแล้วการก้าวสู่วงการพุทธพาณิชย์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยส่วนตัวแล้วนี่คือซีรีส์ไทยของ Netflix ที่ดีที่สุดตั้งแต่มีการสร้างซีรีส์ไทยสำหรับฉายบน Netflix และต้องขอชื่นชมในความกล้าที่จะ “แตะ” และ “นำเสนอ” เรื่องราวในด้านมืดของวงการที่เรียกว่า “พุทธพาณิชย์” ที่หากินกับความเชื่อและความศรัทธาของผู้คนที่มีต่อวัด, พระ และ พุทธศาสนา ซึ่งเชื่อว่าหากภาพยนตร์เรื่องนี้ทำมาเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์หรือทางช่องฟรีทีวีต่างๆ ก็คงจะถูกเบรค ถูกแบน หรือถูกให้แก้ไขจากกองเซ็นเซอร์และสำนักพุทธฯ อย่างแน่นอน เพราะเรื่องราวที่ตัวซีรีส์นำเสนอนั้น มันช่างแซะช่างแดกดันวงการนี้ได้อย่างเจ็บแสบถึงพริกถึงขิงมากๆ ตัวซีรีส์ได้พาเราเข้าไปสำรวจในซอกหลืบส่วนหนึ่งของความดำมืดที่แฝงอยู่ในวงการนี้มาอย่างยาวนาน ซึ่งถ้าจะว่ากันตามตรงแบบไม่ต้องแอ๊บกันแล้วละก็ เรื่องราวต่างๆ ที่ปรากฏในซีรีส์ มันก็เป็นเรื่องราวที่เราๆ ทั้งหลายก็พอจะรับรู้กันมาบ้างแล้วผ่านทางหน้าข่าวต่างๆ เพียงแต่ว่าพอถูกนำมาเล่าถูกนำเสนอในแบบที่ถูกจังหวะมันก็ยิ่งทำให้เรารู้สึก “อิน” ไปกับมันมากขึ้นไปอีก ชอบที่ตัวซีรีส์มีทิ้งประเด็นปริศนาและเบาะแสต่างๆ เอาไว้ตลอดทางมากมาย โดยที่ปริศนาต่างๆ เหล่านั้นก็ไม่ได้ส่งผลให้ดูไม่รู้เรื่องนะฮะ เป็นประเด็นที่เปิดทิ้งเอาไว้ให้เราได้เอามาคุยมาถกกันต่อได้หลังจากดูจบ ในขณะเดียวกันหากมีโอกาสได้ไปต่อในซีซั่น 2 ก็ยังสามารถที่จะหยิบเอาประเด็นต่างๆ เหล่านั้นมาเล่นต่อได้อีก และที่ชอบที่สุดคืองานภาพที่ใช้เปิดตอนในแต่ละตอน เป็นงานอาร์ทที่วาดออกมาได้สวยและสื่อความหมายของแต่ละตอนได้ดีมากๆ เลยฮะ โดยผลงานดังกล่าวเป็นผลงานของศิลปินไทยที่ใช้ชื่อว่า Sarawut Panhnu ทางด้านนักแสดงก็สามารถกล่าวชื่นชมได้อย่างเต็มปากเลยว่าทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดีกันทุกคน โดยเฉพาะกับตัวละครอย่าง น้าแต๋ง, พระดล, พระเอกชัย และ หมวดยอด ที่แม้จะไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่กลับสามารถสร้างความน่าจดจำให้กับคนดูได้ทุกตัวละครเลย (พูดได้ว่าแทบจะ ขโมยซีน นักแสดงหลักได้เลย) จุดหนึ่งที่เหมือนจะเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งของเรื่องที่อาจจะทำให้ใครหลายๆ คนไม่เก็ทหรือตามไม่ทันก็คือการพูดจาของตัวละคร “วิน” ที่เป็นคนพูดเร็วและมักจะพูดโดยใช้คำศัพท์เทคนิคทางด้านมาร์เก็ตติ้งที่ส่วนใหญ่จะเป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษในการอธิบายแผนการต่างๆ ที่เขาคิดขึ้นมาได้ ซึ่งถ้าใครไม่ได้มีพื้นความรู้ทางด้านนี้มาบ้างก็น่าจะทำให้งงๆ อยู่ในหลายๆ จุดแหละฮะ แต่โดยส่วนตัวแล้วจุดที่ไม่ชอบที่สุดเลยจะอยู่ที่ช่วงกลางๆ ของเรื่องที่รู้สึกว่าเรื่องราวเริ่มเดินช้าและยืดพอสมควร มีหลายๆ ฉากที่ดูเหมือนตัวซีรีส์จะ “พยายาม” เล่าเน้นไปที่เรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครบางตัว จนทำให้เกิดความรู้สึกว่ามัน “มากเกินไป” จนเกือบจะเบื่อ เพราะเอาจริงๆ แล้วจากเรื่องราวที่ปูพื้นมาตลอดตั้งแต่ต้นมันก็พอจะทำให้เรารู้ถึงปูมหลังและความรู้สึกของตัวนั้นๆ อยู่แล้ว มันก็เลยทำให้เกิดช่วงที่น่าเบื่อแว๊บขึ้นมาอยู่บ้าง ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า หากตัดเรื่องราวที่ว่าออกไปและลดจำนวนตอนให้เหลือแค่ 6-7 ตอนก็น่าจะทำให้การเล่าเรื่องมีความกระชับมากขึ้น สรุป >> ให้ไปเลย 9 เต็ม 10 ฮะ เป็นหนังที่มีแก่นของเรื่องค่อนข้างแข็งแรงและสามารถเดินเรื่องไปตามแก่นที่วางไว้ได้อย่างดีไม่มีเป๋ออกไปในทางอื่น แอบเสียดายที่มีช่วงยืดอยู่บ้างขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix, เว็บไซต์ Netflix
แสดงความคิดเห็น