รีวิวหนังสือ Manifest 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา แด่คนที่อยากประสบความสำเร็จ

          หลังจากอ่านทบทวน Manifest หรือ 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา อีกครั้ง ก็พบว่า 

• หากใครที่อ่าน Good Vibes, Good Life หรือใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข จะนึกถึงความเชื่อมโยงจากหนังสือเล่มหนึ่งสู่หนังสืออีกเล่มหนึ่ง
• จากการปรับความคิดให้ดีขึ้น เลิกกังวล และพาตัวเองก้าวสู่ความคิดบวก จนสามารถดึงดูดให้เรามีความสุขแล้ว ถัดจากนี้ก็คือ "ภาพหรือเป้าหมายที่เราต้องการไปให้ถึง"

          Manifest หรือ 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา จะช่วยเติมเต็มและลากเส้นต่อจุดให้ทั้งหมดเชื่อมโยงกัน ทั้งความคิดบวก นำไปสู่สิ่งที่เราปรารถนา

          แต่...สิ่งต่างๆ จะไม่มีวันเป็นจริงได้ หากไม่เริ่มต้นลงมือทำภายใน 5 วินาทีแรกที่คิด

          แน่นอนว่า ข้อเท็จจริงก็คือ "เรามีความปรารถนามากมาย" ติดอยู่ที่เรายังมีไม่มากพอที่จะผลักดันให้ลงมือทำ และไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้ 

          หนังสือเล่มนี้จึงไม่ต่างกับ "Navigator หรือเครื่องนำทาง" โดยที่ Manifest หรือ การลงมือทำเพื่อให้ความปรารถนาสัมฤทธิผล และให้ "ผลสำเร็จ" เกิดขึ้นได้ ซึ่งอาศัยขั้นตอนทั้งหมด 7 ขั้นตอน

          (1) มองภาพให้ชัดเจน : เรามีความปรารถนาแค่ภาพเบลอๆ อยู่รึเปล่า ถ้าใช่ก็แปลว่า "ภาพนั้นไม่ชัดเจนพอที่จะแปลงให้เป็นความจริงได้" อย่างน้อยเราก็ต้องรู้ว่า จะขยายความของภาพในหัวเราได้อย่างไร ยกตัวอย่าง เช่น อยากมีบ้าน / บ้านแบบไหน / ลักษณะเป็นอย่างไร / พื้นที่เท่าไหร่ เป็นต้น หรือ "อยากก้าวหน้า" / ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ / ตำแหน่งไหนถึงเรียกว่าสำเร็จตามที่คาดหวัง และวิธีที่จะไปสู่ตำแหน่งงานนั้นต้องทำอย่างไร

          (2) ขจัดความกลัว และความกังวล : อุปสรรคอย่างหนึ่งที่ขวางกั้นในภาพของความฝันไม่ชัดเจนก็คือ "ความกลัวและความกังวล" หลายครั้งที่เราไม่กล้าฝัน เพราะกลัวความผิดหวัง หลายครั้งที่เราไม่กล้าลงมือทำ เพราะกังวลว่าจะเกิดความผิดพลาดที่สำคัญ หลายครั้งเราฟังเสียงของ "คนรอบข้าง" ที่ห่วงใยและแคร์ว่าเราจะล้มเหลว จนคำพูดที่ออกมากลายเป็น "หวังดี แต่กลับแฝงด้วยการฉุดรั้งไม่ให้เรากล้าลงมือทำ"

          ดังนั้นดีที่สุด ก็คือ รับฟังเพื่อรับรู้ถึงความห่วงใย แต่ก็ต้องจัดการกับความกังวลเหล่านั้นด้วยการมองหาวิธีที่จะจำกัด "ความผิดพลาด" อีกอย่างที่ทำให้เราไม่กล้าฝันก็คือ "คำพูดที่บั่นทอนตัวเอง" เช่น เราไม่น่าจะทำได้ 

          คำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับการก้าวข้ามความกลัวคือ "พูดหรือคิดถึงสิ่งที่ต้องการ ไม่ใช่ไม่ต้องการ" รวมไปถึง "ถ้าเป็นเรื่องที่ตั้งใจเอาไว้ ยังไงก็ต้องทำและผ่านมันไปให้ได้"

          (3) ปรับพฤติกรรม : เมื่อผ่านภาพความคิดที่ชัดเจนแล้วและจัดการกับความกลัวได้ในระดับหนึ่ง เราต้องแสดงให้เห็นว่า "เราพร้อมสำหรับการลงมือทำ" แล้ว 

• เราไม่เอาอุปสรรคมาขวางกั้น
• เราก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซน
• เราเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างต่อเนื่อง
• ถึงจะพลาด แต่เราจะกลับมาอยู่ในเส้นทางของเรา เพราะเรากำลังแสดงให้ "ใครสักคน" มองเห็นถึงความตั้งใจนั้นอย่างแรงกล้า

          (4) เอาชนะบททดสอบของจักรวาล : จังหวะนี้แหละที่เหมือนจะมีสถานการณ์ไม่น้อยที่วิ่งเข้ามา ให้เรารู้สึกไขว้เขว บางทีอาจจะมีข้อเสนอที่เรารู้สึกว่าน่าสนใจ แต่... สิ่งนั้นกำลังเบนเราออกจาก "ภาพที่ชัดเจนในข้อ 1" หากเราเลือก เราอาจจะออกจากเส้นทางนี้ตลอดไป บททดสอบนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจ แต่เชื่อเถอะว่า "เราจะมีสัญญาณบางอย่างในใจ" และลองฟังเสียงนั้นดู เพื่อให้แน่นอนอีกครั้ง อย่าปล่อยให้ความไม่แน่ใจพาเราออกนอก "ภาพของเรา"

          (5) โอบรับความสำนึกรู้ โดยปราศจากเงื่อนไข เราสำนึกรู้ได้พร้อมกับ 3 อย่าง

• รู้คุณตัวเอง : เราให้ความเคารพกับตัวเอง มองคุณค่าของตัวเองอยู่ในอันดับแรก
• รู้คุณชีวิต : รักในสิ่งที่ทำ และยินดีกับสิ่งที่เป็นไป
• รู้คุณโลก : สิ่งรอบตัวก่อให้เกิด "ความเป็นตัวเรา" ดังนั้นสภาพแวดล้อมใดก็ตาม ล้วนแต่ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ 

          สำหรับข้อนี้ อาจจะมองว่า "เราคิดบวก จนโลกนั้นสวยงามเกินความจริงไปบ้าง" แต่... อย่างน้อยก็ไม่บั่นทอนความคิดจนติดล็อคขยับไปไหนไม่ได้ การบ่นตั้งแต่เช้า จนถึงช่วงก่อนนอน ไม่เคยเกิดประโยชน์ กลับกันการไม่ตัดพ้อสิ่งรอบตัว อาจจะทำให้เรามีเวลาคิดถึงการทำงาน และเป้าหมายที่ชัดเจนของเราได้ดีกว่า

          (6) เปลี่ยนความอิจฉาริษยาเป็นแรงบันดาลใจ : ข้อนี้คือ การปลดล็อคความคิดของเราอย่างชัดเจนเลย หลายคนเปรียบเทียบกับคนอื่นจน "ด้อยค่า" ตัวเองชนิดติดดิน และกลายเป็นอุปสรรคใหญ่มากที่พาให้เราออกจากจุดนี้ไม่ได้ ต่อให้ภาพที่เราฝันจะชัดขนาดไหน หากมัวแต่คิดอิจฉาคนอื่น ก็ทำอะไรต่อไปได้ยาก ที่น่าสนใจคือ ทำอย่างไรจะก้าวไปอยู่ในระดับเดียวกับคนคนนั้น หรือ คนเก่งมีวิธีการบริหารเวลาอย่างไร ซึ่งหากเราได้เรียนรู้ เราก็น่าจะพัฒนาศักยภาพตัวเองให้เก่งขึ้นได้ 

          (7) ไว้วางใจในจักรวาล : จริงๆ เดิมที ส่วนตัวไม่เคยคิดถึงข้อนี้เลย ประเภทที่ว่า "สุดท้ายพระเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะมองเห็น" แต่...พอมาถึงจุดหนึ่ง จุดที่เราลงมือทำตามขั้นตอนต่างๆ อย่างเต็มที่แล้ว ที่เหลือก็แค่รอฟังผลสอบ ซึ่งมีอยู่ 3 คำตอบที่เป็นไปได้ 

• สำเร็จ 
• ใกล้สำเร็จ 
• และยังไม่ถึงเวลาของความสำเร็จ 

          ซึ่งบางขณะเราอาจจะพบว่า "ความปรารถนานั้นยังไม่ชัดเจนพอ" ก็ต้องปรับกันอีกเล็กน้อย หรือบางครั้งก็ปรับใหญ่หน่อยซึ่งบางทีเราอาจจะพบว่า "เส้นทางของเรา" มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งหมดนั้นก็ยังเป็นความปรารถนาของเราอยู่ดี เพียงแค่จักรวาลกำลังหมุนและเปลี่ยนทิศไปก็เท่านั้น 

          Manifest อธิบายถึงกฎแรงดึงดูด และวิธีการไปสู่สิ่งที่ปรารถนา ด้วยความคิด และความมุ่งมั่น ผ่านการลงมือทำ โดยลดความกลัวและกังวลลง หมั่นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ละทิ้งความอิจฉา ค้นหาแรงบันดาลใจ ที่เหลือก็แค่รอ "จังหวะที่พอเหมาะ" ก็เท่านั้น

          และเหมือนทุกๆ ครั้งที่เวลาหยุดพักผ่อนไปต่างจังหวัดทีไร เป็นต้องพกหนังสือไปหลายเล่ม บางทีก็รู้สึกว่าไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก รอบนี้ก็เลยตัดสินใจพกมาเฉพาะ Ebook Reader ที่เอาไว้ใช้อ่านหนังสือได้เหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงหลังๆ มานี้ แอฟปิ่นโต อีบุ๊ก มีหนังสือใหม่ออกเร็วพอๆ กับหนังสือที่เป็นรูปเล่มเลย ครั้งนี้ก็เลยจัด Manifest มาก่อนเลย และเมื่ออ่านจบก็ "ใช่เลย"

          สำหรับลิ้งค์หนังสือ Manifest : https://bit.ly/46KVQls โดยจะมี Flash code วันที่ 21 ต.ค. เวลา 12.00 - 17.00 ใส่โค้ด MANIF7 จาก 235 เหลือ 149.75 *โค้ดมีจำนวนจำกัด

          นอกจากนี้ยังมี Flash code อีกหลายเล่ม (รูปตารางวันและเวลาของหนังสือแต่ละเล่มอยู่ที่ comment นะครับ)

          อ่านไปก็ทำบันทึกสรุปสาระสำคัญเก็บไว้ เดี๋ยวจะมาแชร์ต่อ

          เป็นหนังสือที่เหมาะและเข้าใจได้ง่าย สำหรับปัจจุบันเลย สิ่งที่ต้องพยายามมากขึ้น คือ ระหว่างทางที่เรากำลังเดินทาง เพราะทั้งหมดจะไปต่อได้ดีแค่ไหน ก็อยู่ที่เราเลือกอย่างไร

• มาทะเล
• เล่นน้ำ  
• อ่านหนังสือริมทะเล

          อ่าน
          รู้
          ลงมือทำ
          ทบทวน
          แก้ไข
          และลงมือทำอีกครั้ง และอีกครั้ง

          เพิ่งทำหน้าสรุปแบบเข้าใจได้ง่ายเสร็จ เดี๋ยวจะมาอัพเดทนะ