“ไข้ทรพิษ“ หนึ่งในไม่กี่โรคร้ายที่มนุษย์สามารถกำจัดได้จนสูญสิ้น
ที่ผ่านมากว่า 3,000 ปี “ไข้ทรพิษ” คือสิ่งที่ทำลายล้างมนุษย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
แต่เมื่อถึงศตวรรษที่ 20 “วัคซีน” ก็สามารถกำจัดไข้ทรพิษได้จนหมดสิ้น
แต่ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ผู้คนกว่า 500 ล้านคนทั่วโลกเสียชีวิตเพราะไข้ทรพิษ ส่วนที่รอดชีวิตก็จะมีรอยแผลเป็นที่ระลึก
บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์โลก ทั้ง “สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ (Elizabeth I)” อดีตพระประมุขแห่งสหราชอาณาจักร และ “อับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln)” อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ก็ล้วนแต่เคยเป็นไข้ทรพิษหากแต่รอดมาได้
นอกจากนั้น ไวรัสไข้ทรพิษยังเคยถูกใช้เป็นอาวุธชีวภาพ โดยในปีค.ศ.1763 (พ.ศ.2306) อังกฤษเคยมอบของขวัญให้ชาวอินเดียนแดงพื้นเมือง โดยของขวัญที่มอบให้นั้นคือชุดผ้าห่มที่มาจากโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยไข้ทรพิษ โดยอังกฤษต้องการลดจำนวนชาวอินเดียนแดงพื้นเมือง
อาการของไข้ทรพิษ ก็เริ่มจากมีไข้และอาเจียน ตามมาด้วยแผลมีหนองและผื่นก็จะขึ้นตามผิวหนัง ก่อนที่ในอีกไม่กี่วันต่อมา ผื่นและแผลเหล่านั้นก็จะกลายเป็นแผลพอง ก่อนที่จะแห้ง ทิ้งไว้เพียงรอยแผลแก่ผู้รอดชีวิต และบางรายก็ตาบอด
สำหรับอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยไข้ทรพิษจะอยู่ที่ 30% หรือหากมีผู้ป่วย 10 คน จะมี 3 คนเสียชีวิต
แต่ในปัจจุบัน ไข้ทรพิษหายไปหมดแล้วเนื่องจากแคมเปญการฉีดวัคซีนที่ดำเนินการมาเรื่อยๆ จนถึงค.ศ.1980 (พ.ศ.2523) และเรียกได้ว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของวงการแพทย์
สำหรับร่องรอยของไข้ทรพิษในประวัติศาสตร์นั้น พบได้บนมัมมี่อายุกว่า 3,000 ปีของ “ฟาโรห์แรเมซีสที่ 5 (Ramesses V)” ซึ่งสวรรคตเมื่อ 1,145 ปีก่อนคริสตกาล โดยพบรอยผื่นของไข้ทรพิษบนพระเศียร
ต่อมาในศตวรรษที่ 11 กองทัพครูเสดได้แพร่ไข้ทรพิษไปทั่วยุโรป และชาวยุโรปก็นำไข้ทรพิษเข้ามาในอเมริกาเมื่อสมัยศตวรรษที่ 16 ก่อนจะแพร่ไปยังออสเตรเลียในสมัยศตวรรษที่ 18
ค.ศ.1796 (พ.ศ.2339) นายแพทย์ชาวอังกฤษที่ชื่อ “เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ (Edward Jenner)” ได้พัฒนาวัคซีนสำหรับไข้ทรพิษได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
เมื่อถึงยุค 50 (พ.ศ.2493-2502) ประเทศพัฒนาแล้วต่างสามารถกำจัดไข้ทรพิษให้สิ้นไปได้ หากแต่ในเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ ไข้ทรพิษยังคงอยู่
ตั้งแต่ค.ศ.1967-1980 (พ.ศ.2510-2523) ทั่วโลกต่างเอาจริงเอาจังในการกำจัดไข้ทรพิษ โดยค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการกำจัดไข้ทรพิษนั้น มีการประเมินว่าอยู่เพียงแค่ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ หรือหากคิดตามค่าเงินปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 73,800 ล้านบาท) เท่านั้น ซึ่งหากคิดถึงผลที่ได้ก็ถือว่าคุ้มค่า
ผู้ป่วยไข้ทรพิษคนสุดท้ายที่มีการบันทึกไว้คือชายชาวโซมาเลียที่ชื่อ “Ali Maow Maalin” ในปีค.ศ.1977 (พ.ศ.2520)
ย้อนกลับมาที่เรื่องของวัคซีนไข้ทรพิษ ในปีค.ศ.1796 (พ.ศ.2339) “เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ (Edward Jenner)” นายแพทย์ชาวอังกฤษ ได้สังเกตเห็นว่าคนงานรีดนมวัวที่ติดฝีดาษวัวนั้น มีภูมิคุ้มกันต่อไข้ทรพิษ
เจนเนอร์จึงคิดว่าหากนำเชื้อฝีดาษวัวเข้าไปในร่างกายมนุษย์ อาจจะช่วยป้องกันไม่ให้ติดไข้ทรพิษ
เจนเนอร์จึงจัดการสกัดของเหลวจากมือของคนงาน และนำไปฉีดให้แก่บุตรชายวัยแปดขวบของคนสวน
เดือนต่อมา เจนเนอร์ทดลองให้เด็กชายได้รับเชื้อไข้ทรพิษ หากแต่เด็กชายนั้นไม่เป็นอะไรเลย
แน่นอนว่าการทดลองในมนุษย์ของเจนเนอร์ หากเป็นในปัจจุบันเจนเนอร์คงต้องถูกจับและโดนด่าเละแน่นอน แต่ในยุคนั้น นี่คือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่
นอกจากนั้น คำว่า ”วัคซีน (Vaccine)” ก็เป็นเจนเนอร์ที่เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา โดยในเมื่อเขาใช้ไวรัสจากฝีดาษวัวมาใช้ในการทดลอง เขาจึงตั้งชื่อไวรัสนี้ว่า “วัคซีเนีย (Vaccinia)” โดย ”วัคคา (Vacca)” เป็นภาษาละตินแปลว่า “วัว” และวัคซีเนียก็แปลได้ว่า “เกี่ยวกับวัว”
และนี่ก็เป็นเรื่องราวหนึ่งของโรคที่ปัจจุบันมนุษย์สามารถเอาชนะได้สำเร็จ
สั่งซื้อหนังสือ “ประวัติศาสตร์แห่งความหลอกลวง 5,000 ปีของการต้มตุ๋น ฉ้อโกง โกหก ปลอมแปลง” ได้ตามลิ้งค์นี้นะครับ https://s.shopee.co.th/1LKwWrxW6Q
References:
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่
