รักษาฝ้าลึก กระ จุดด่างดำ รักษาฝ้าเร่งด่วนที่ไหนดี หากใครที่มีปัญหาเหล่านี้มาค่ะ เราจะมาแชร์ประสบการณ์ตรง เจ็บจริง รักษาฝ้าจริง มารีวิวแบบละเอียดทุกขั้นตอนมาบอกต่อกัน สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิวพลีชีพรักษาฝ้า มาให้อ่านกัน ก่อนหน้านี้เคยรักษามาแล้วสารพัดวิธีและหลากหลายคลินิก แต่ฝ้ายังฝังติดหนึบ แน่น ๆ บนหน้า ไม่จากเราไปไหนเลย … กระทั่งมารักษากับ อาจารย์หมอสมศักดิ์ ตันรัตนากร โรงพยาบาลรามาธิบดี จนทำให้โบกมือลา ฝ้าจ๋า...ลาก่อน หน้าใส ฝ้าและจุดด่างดำหาย ราคาถือว่าไม่แพง คุ้มค่ากับที่จ่ายไป เนื่องจากหลังรักษา เพื่อนหลายคนทักมาว่าหน้าดีขึ้น รวมถึงตัวเราเองก็รู้สึกผิวเรียบเนียน แต่งหน้าง่ายขึ้นแต่ติดนานขึ้น รวมถึงประหยัดค่ารองพื้นไปเยอะเลย แทบไม่ต้องใช้เลยค่ะ ก่อนหน้านี้ (นานมาแล้ว 55…) เราไม่เคยมีความกังวลใจเรื่องสิว ฝ้า หน้าดำ หรือจุดด่างดำเลย ปัญหาเริ่มเกิดจากการที่เราอยากให้หน้าขาวใส เห็นเพื่อนไปกรอหน้าที่คลินิกหน้าหอพักแล้วหน้าขาว เนียน ใส เลยอยากทำบ้าง โดยไม่มีการค้นหาข้อมูล หรือศึกษาผลกระทบที่จะตามมา คลินิกดังกล่าวเป็นร้านธรรมดา ๆ ไม่มีหมอประจำ มีแค่เจ้าหน้าที่น่าจะเปิดร้านทำเอง เราทำที่นี่ที่แรกด้วยการกรอผิว ขัดหน้า ตอนนั้นความรู้สึกคือเหมือนเอาทรายมาขัด ๆ ถู ๆ หลังการทำแสบหน้านะ แต่หน้าขาว ใส เออ…ชอบ ตรงใจ ไปค่ะ ไปทุก 2-3 วัน เข้า-ออกคลินิกเป็นว่าเล่น กระทั่งผ่านไป 3 เดือน มีรอยดำขึ้นที่หน้า เริ่มคิดว่าเราไม่น่าจะรักษาต่อแหละ ประกอบกับเพื่อนย้ายคลินิกไปรักษากับคุณหมอในซอย ไปค่ะ… ตามไปอีก ที่นี่หมอรักษาดี พูดดี มีเครื่องมือเลเซอร์เล็ก ๆ เลยตกลงรักษาด้วยการเลเซอร์ บอกเลยหน้าบางและพังกว่าเดิม แถมทาครีมบำรุงหน้าไม่ดี ทากันแดดไม่ทั่วถึง ประกอบกับเวลาออกแดดไม่ระวัง จากนั้นใบหน้าก็เต็มไปด้วยแผนที่ประเทศไทย กระดำกระด่างไปทั่ว ก่อนลุกลามกลายเป็นฝ้าฝังแน่นทุกอณูรูขุมขนบนใบหน้าเลยทีเดียว Keyword “รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำที่ไหนดี” คือคำที่เรามักค้นหาบ่อย ๆ และเป็นประจำบนอินเทอร์เน็ต รวมถึงเช็กข้อมูลในโซเชียล วิธีไหนเจ๋งเราทำมาหมด ทั้งรักษาแบบธรรมชาติ ใช้หัวไชเท้า น้ำมันมะพร้าว ใบบัวบก มะขามเปียก ว่านหางจระเข้ มะนาว น้ำผึ้ง และอีกสารพัดวิธีถูกประคบบนหน้า แต่ฝ้าและจุดด่างดำยังอยู่ค่ะ ต่อมาเริ่มแสวงหาครีมทารักษาฝ้า กระ มาสก์หน้าด้วยสูตรต่าง ๆ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังเอาไม่อยู่ จึงเริ่มหาคลินิก ทั้ง ใช้ยารักษาฝ้า เลเซอร์ ไอออนโต IPL และเมโสผ่านมาหมดแล้วค่ะ แต่ฝ้าที่หน้าเราหายเพียงแค่ผิวเผิน หยิบมือเท่านั้น ไม่ได้หายขาด จากนั้นยังวนเวียนหาข้อมูลผ่านเข้า-ออกมาหลายคลินิก รวมถึงเคยไปรักษาสถาบันที่ขึ้นชื่อย่านอนุสาวรีย์ฯ ข้อมูล ณ ตอนนั้น คือที่นี่มีเลเซอร์ที่รักษาฝ้าที่ได้ประสิทธิภาพที่สุดหนึ่งเดียวในไทย ไปค่ะ … ไปอีก รักษาที่นี่กับอาจารย์หมอ หายไปนิดเดียวและเพียงเสี้ยวเดือนเท่านั้น ยังไม่ยอมแพ้ … เพื่อนมาเจอคลินิกแห่งหนึ่งในเอสพลานาด คุณหมอที่รักษาเป็นเจ้าของ เลยคิดว่าที่นี่น่าจะดูแลและรักษาดี ตามเพื่อนมาอีก… ลองไปทำเรื่อย ๆ อยู่กับคลินิกนี้นานเหมือนกัน เคยลองทั้ง ครีม ยากิน ยาฉีดเข้าผิวหน้า IPL หน้าดำ เมโสหน้าใส และกระทั่งฉีดยาเข้าตรงจุดที่มีฝ้า ช่วงนั้นรู้สึกหน้าดี แต่ไม่หายขาด ยังมีฝ้าบนหน้าปรากฏให้เห็น ต้องปกปิดด้วยการแต่งหน้า รองพื้นหนา ๆ เข้าไว้ และพอไม่ไปทำทุกเดือน หน้ากลับมาเหมือนเดิมค่ะ แต่เราไม่ไหว ที่ไม่ไหวคือ ทั้งหน้าพัง และเงินหมดไปเยอะมาก >< ก็เลยหยุดใช้วีธีแบบรักษาประคับประครอง เหลือแค่ IPL กับทาครีมพอ ในช่วงเวลานั้นท้อใจเรื่องฝ้าและจุดด่างดำบนหน้า บอกตัวเองว่าพอแล้ว … หลังจากพักรักษาหน้าไป ช่วงนั้นฝ้าขึ้นเยอะมาก หลายคนทัก แต่ไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่ายิ่งทำ ยิ่งผุดขึ้นยังกะดอกเห็ด แถมค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งค่อนข้างใช้จ่ายไปมากโข กระทั่งมีเรื่องบังเอิญกลับมาเจอเพื่อนสนิทที่ห่างหายไม่ได้เจอนาน แล้วเพื่อนทักทำไมไม่ดูแลตัวเอง เลยเล่าถึงปัญหาและการรักษาฝ้าที่ไม่ได้ผลให้ฟัง เพื่อนเลยแชร์ข้อมูลเรื่องที่น้องไปที่ศิริราช ฝ้าหายจริง หลังจากวันนั้น กลับมาเริ่มค้นหาข้อมูลและรีเช็กใหม่ ถ้าไปรักษาที่ศิริราชอยู่ไกล ไปไม่ถูกด้วย เลยไปค้นหาว่า มีโรงพยาบาลไหนที่รักษาแล้วได้ผล ไปเจอคนรีวิวไว้ว่า เคยรักษาฝ้าที่โรงพยาบาลรามาธิบดี กับอาจารย์หมอสมศักดิ์ ตันรัตนากร แล้วหายจริงนะ ราคาไม่แพง เห็นผลด้วย… ใช่ค่ะ เราเลยตัดสินใจไปลองดูอีกครั้ง จากการเช็กข้อมูลคลินิกพิเศษ นอกเวลาราชการ อาจารย์หมอสมศักดิ์ มีเข้าตรวจหลัง 16.00-20.00 น. ในวันช่วงอังคาร, พุธ และศุกร์ (สอบถามวันลงตรวจของอาจารย์อีกครั้งนะคะ) แต่เนื่องจากเราทำงานในวันดังกล่าว ไม่สะดวก จึงนัดคิวเป็นทุกวันเสาร์ค่ะ ซึ่งรายละเอียดการรักษาและขั้นตอนการรักษา จะเป็นดังนี้ 1. ลงทะเบียนทำเวชระเบียนผู้ป่วยใหม่ ซึ่งเราลงทะเบียนแบบออนไลน์ไปค่ะ สามารถคลิกลงทะเบียนได้ที่นี่ เปิดบริการออนไลน์ 24 ชั่วโมง โดยสามารถดูคู่มือแนะนำการลงทะเบียนที่นี่ค่ะ แต่ถ้าใครเคยลงทะเบียนทำบัตรแล้วไม่เกิน 1 ปี สามารถนำเลขบัตรโรงพยาบาล (HN) นัดหมายหน่วยตรวจแผนกผิวหนังได้เลย 2. หลังลงทะเบียนสามารถ ตรวจสอบผลการลงทะเบียนผู้ป่วยใหม่ 3. ติดต่อขอนัดตรวจที่หน่วยตรวจผิวหนัง อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ ชั้น 2 โทรศัพท์ 02-200-4071, 200-4081 เวลา 16.00-19.30 น. พร้อมแจ้งเลขบัตรผู้ป่วยใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเช็กคิวว่างของอาจารย์ (คิวอาจารย์หมอยาวมากนะคะ แนะนำให้นัดไว้ล่างหน้าเลยค่ะ) พร้อมสอบถามวันที่เราสะดวก 4. มาครั้งแรกติดต่องานเวชระเบียน ศูนย์การแพทย์อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ ชั้น 1 ก่อน โดยนำบัตรประชาชนเป็นหลักฐานไปแสดงเป็นหลักฐาน หรือสามารถติดต่อที่จุดประชาสัมพันธ์ชั้น 2 ได้เลย (งานเวชระเบียน จะมีช่วงเวลาทำงาน หรือปัจจุบันลงออนไลน์ หรือ RAMA App แนะนำให้โทร. สอบถามข้อมูลอีกครั้งค่ะ) 5. กรณีของเราเป็นผู้ป่วยเก่า ลงทะเบียนและโหลด RAMA App ไว้ เราจึงสามารถเช็กคิวในแอปฯ และเช็กอินลงทะเบียนออนไลน์ที่บ้านก่อนเดินทางค่ะ (เช็กอินในระบบ RAMA App ได้ตั้งแต่ 04.00 - ก่อนเวลานัด 30 นาที โดยไม่ต้องยื่นบัตรนัด) วันนี้คิววันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2566 นัดตรวจกับอาจารย์หมอ เวลา 12.00 น. 6. เราออกจากบ้าน เอารถจอดที่สถานีคูคต นั่งรถไฟฟ้า BTS 35 บาท ลงสถานีอนุสาวรีย์ชัยฯ จากนั้นเดินออกประตู 1 ลงบันได นั่งวิน จยย. บอกว่าไปปากซอย หรือไปโอสถสภา ค่ารถ 15 บาท ถึงปากซอยเดินมาทางขวามือผ่านโอสถสภา ขึ้นสะพานลอยที่เชื่อมถึงอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ เดินมาเรื่อย ๆ ได้เลยค่ะ แนะนำให้เดินฝั่งที่เป็นถนนสีเขียวนะคะ สีขาวจะมีรถกอล์ฟวิ่งฟรีให้ผู้ช่วยที่เดินไม่ไหว หรือคนแก่ เด็ก นั่งค่ะ 7. เดินเลี้ยวเข้าอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ ชั้น 2 ไปรับคิวเพื่อชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง และวัดความดันโลหิต ที่จุดบริการหน้าบันไดเลื่อนชั้น 2 จุดนี้เจ้าหน้าที่จะขอให้เปิด RAMA App และสแกนข้อมูลทุกอย่างเข้าแอปฯ (กรณีที่ผู้นัดไม่ได้ใช้ RAMA App ให้ยื่นบัตรนัดที่หน่วยตรวจผิวหนัง ณ เคาน์เตอร์ J1 ก่อนเวลานัด 30 นาที และยื่นบัตรนัดไม่เกิน 10.30 น.) 8. จากนั้นเดินมาติดต่อขอนัดตรวจที่หน่วยตรวจผิวหนัง ชั้น 2 โซน J ชั้นเดียวกับข้อ 8 และเปิด RAMA App ให้เจ้าหน้าที่สแกน จุดนี้แนะนำมาก่อนเวลานัด 15-30 นาทีนะคะ (แต่ไม่ควรยื่นหลัง 12.00 น.) เสร็จแล้วก็นั่งรอพบแพทย์ตามลำดับ ในบริเวณที่นั่งรอจะเป็นเก้าอี้คนป่วยที่นั่งรอคุณหมอหลาย ๆ ท่าน คนจะเยอะหน่อยนะคะ รอจนกว่าจะเรียกชื่อเพื่อไปรอหน้าห้องอาจารย์หมอต่อค่ะ โดยวันนี้คุณหมอตรวจที่ห้อง เบอร์ 6 9. ถึงคิวเข้าพบคุณหมอ ในขั้นตอนนี้คุณหมอจะอ่านประวัติการรักษา พร้อมดูหน้าเราเป็นยังไง ถามอาการ ผลการรักษา แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษา การจ่ายครีม และการเลเซอร์ ซึ่งครั้งนี้เราแจ้งคุณหมอขอครีมเยอะหน่อย ขออย่างละ 8 ตลับ เผื่อกลับบ้านต่างจังหวัดนานค่ะ 10. กรณีของเรามีทำเลเซอร์ต่อ จึงมารอพยาบาลมาเรียกเพื่อเซ็นชื่อในการรักษาเลเซอร์ที่ห้องเบอร์ 10 ต่อ และรอเรียกคิวรับเอกสาร พร้อมแจ้งวันนัด (สำหรับคนที่ไม่มีเลเซอร์ สามารถรับใบสั่งยา ชำระเงินที่การเงิน และกลับบ้านได้เลยค่ะ ส่วนวันนัดถ้ายังไม่ได้ลง RAMA App ก็มีใบนัด แต่ถ้าใครโหลด RAMA App สามารถเช็กที่ App ได้เลยค่ะ) 11. รับเอกสารเสร็จ เตรียมไปทำเลเซอร์ ที่ศูนย์ศัลยกรรมเลเซอร์ผิวหนังชั้น 4 ยื่นเอกสารเคาน์เตอร์ลงทะเบียนชั้น 4 รอเจ้าหน้าที่มาเรียกคิวทำความสะอาดหน้า ซึ่งมีที่เช็ดหน้า และล้างหน้าฟรี จากแบรนด์ต่าง ๆ ให้เลือกค่ะ 12. ล้างหน้าเสร็จเดินเปลี่ยนรองเท้า และไปแปะยาชาด้านในต่อ ซึ่งจุดนี้จะมีเจ้าหน้าที่พาไปค่ะ 13. เคสของเราแปะยาชาทั้งหน้า เพราะหมอจะเลเซอร์ทั้งหน้า แปะเสร็จนั่งรอคิวห้องเลเซอร์ ซึ่งบางครั้งจะมีสลับกับอาจารย์หมอท่านอื่นค่ะ รวมถึงรอคุณหมอตรวจเสร็จจากข้างล่างชั้น 2 ก่อนนะคะ บางวันก็รอนาน แต่บางครั้งที่ไปก็รอไม่นาน แล้วแต่คิวที่ว่างค่ะ 14. ถึงคิวก็เข้าห้อง นอนทำเลเซอร์ มีคุณพยาบาลช่วยเป่าลมเย็นบนหน้าไม่ให้ร้อนเกินไป แล้วคุณหมอก็จะยิง ๆ เลเซอร์ทั่วหน้าใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีไม่เกินนี้ค่ะ ถามว่าเจ็บไหม … น้ำตาไหล 55 15. ออกจากห้องมาประคบน้ำแข็งต่อ ต้องประคบเองนะคะ เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้แล้ว เราก็หยิบมา 2 ก้อน ประคบซ้ายขวา บนหน้าฝาก และคางสลับหมุนเวียนประมาณ 15-20 นาที ให้หน้าหายร้อนจากเลเซอร์ 16. ครบถ้วน 20 นาที มารับคำแนะนำการปฏิบัติตนหลังทำเลเซอร์ มาทาครีมบำรุงและกันแดด ที่วางหน้ากระจกฟรีได้เลย มีหลายแบรนด์ให้เลือกค่ะ (แล้วแต่เคสนะคะ ว่าทำเลเซอร์แบบไหนมา บางคน ห้ามโดนน้ำ โดนครีม ในช่วง 1-2 วัน หรือแปะขี้ผึ้งเหนียว ๆ อย่างเดียวพอ) 17. ลงมาชั้น 2 ชำระเงิน เสร็จแล้วรับยาข้าง ๆ ต่อ และกลับบ้านได้เลย ค่าบริการคลินิกนอกเวลา 250 บาท ค่าทำหัตถกรรม 2,000 บาท ค่าธรรมเนียมแพทย์ทำหัตถกรรม 750 บาท ค่าธรรมเนียมแพทย์ผู้ป่วยนอก (คลินิกพิเศษนอกเวลา) 400 บาท ค่ายาชา และพ่นลมเย็น 265 บาท ค่าครีม 1,638 บาท ดังนี้ - Bleaching Cream 72.75 บาท/ตลับ จำนวน 8 ตลับ = 582 บาท - White (Vit C+Licorice) 132 บาท/หลอด จำนวน 8 หลอด = 1,056 บาท รวมค่าใช้จ่ายรักษาฝ้า และจุดด่างดำ ที่รามาธิบดี ทั้งหมด 5,303 บาท ครั้งนี้จะแพงหน่อย เพราะเราขอเพิ่มจำนวนครีมทาหน้าจากคุณหมอมาเยอะค่ะ ตัวอย่างหน้า RAMA App หากจะรักษาที่รามาฯ แนะนำให้โหลด RAMA App ไว้เลยค่ะ สะดวกมาก สามารถเช็กวันนัด, เลื่อนวันนัด หรือเช็กสถานะการรับยา, จ่ายเงินได้เลย แนะนำให้ไปถึงก่อนเวลาหมอนัดตรวจ 1 ชั่วโมงค่ะ หลังทำเลเซอร์ ช่วง 1 สัปดาห์แรกต้องระวังไม่ให้โดนแดดนะคะ ลงครีมและกันแดดให้ทั่วหน้า จะมีครีม ที่คุณหมอแนะนำให้ใช้ทุกเช้า - กลางคืน เพื่อให้หน้าชุ่มชื้น ตอนแรกคุณหมอสั่งให้ แต่มีขายที่ชั้น 2 ที่อยู่ร้านขายยาของรามาฯ ค่ะ คุณหมอจึงแนะนำให้ไปซื้อที่นั่นเลยค่ะ 2 ครีม ที่ซื้อในร้านขายยาชั้น 2 รพ.รามาฯ ค่ะ เราซื้อครีมบำรุงหน้า Eucerin Instant Calming สำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย มาใช้เพื่อบำรุงหน้าคู่ไปด้วย เสริมผิวให้แข็งแรงหลังเลเซอร์ ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะในโรงพยาบาลและคลินิก กันแดดก็ใช้ของ Edcerin Sun Fluid Mattifying DP 60+ ML 50+/UVA และ PA++++ ตัวนี้ก็มีจำหน่ายเฉพาะในโรงพยาบาลและคลินิกเท่านั้นนะคะ ส่วนที่ล้างเครื่องสำอาง และโฟมล้างหน้าเราใช้แบบเรื่อยเปื่อย แต่จะเป็นสูตรอ่อนโยน สำหรับผิวแพ้ง่าย หลังการเลเซอร์ให้ระวังอย่าให้โดนแดดที่แสงจ้าเกินไป ถ้าออกแดดแนะนำให้กางร่มทุกครั้ง หรือหาผ้าคลุมหัวปิดหน้าไว้ค่ะ ทั้งหมดที่เล่าคือ จากประสบการณ์จริง หาข้อมูลจริง รักษาจริง และหายจริงจึงขอบอกต่อกันค่ะ รีวิวนี้ไม่มีค่าโฆษณาใด ๆ นะคะ เขียนไว้เผื่อใครมีปัญหารอยสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ลองเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ไปรักษาเผื่อหายเหมือนเราค่ะ ชีวิตติดขัด ! แนะแก้กรรม ถอนคําสาบาน หลวงพ่อกลักฝิ่น วัดสุทัศน์ ชี้เป้า 2 คาเฟ่เปิดใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่ควรค่ามาดื่มด่ำ - เช็กอิน อยากรวยต้องมู ! บูชาเทวาลัยพระวิษณุ เสาชิงช้า ขอพรงานเด่น เงินปัง ชี้เป้าสักการะ 3 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังกลางกรุง ให้ชีวิตปัง ๆ รีวิว King the Land พร้อม 6 เหตุผลที่ห้ามพลาดชม ! แชร์ 5 ความประทับใจ หลังดูซีรีส์ สยบรักจอมเสเพล (Destined) หมายเหตุ : รูปภาพ และข้อมูลลิขสิทธิ์โดย Creator @iTha ห้ามนำไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต
แสดงความคิดเห็น