พอมีเวลาได้อยู่เงียบๆ ก็รู้เลยว่า “เรามีปีศาจตัวหนึ่ง หรืออาจจะหลายตัวอยู่เป็นเพื่อนกับเราเสมอ” บางทีนะ ปีศาจตัวนั้นก็มาในรูปแบบของความ “ใจดี” และมักจะทำให้เราไม่รู้สึกผิดกับตัวเราเอง บางทีเราเองก็อยาก “มูฟออน” นะ แต่... ทุกครั้งที่พยายาม กลับมีอีกความรู้สึก “ฉุดรั้ง” ให้จมอยู่กับเรื่องเดิมๆ จริงๆ แล้ว “ความผิดหวัง” หรือ “เสียใจ” ซ้ำๆ ในเรื่องความรัก ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะปิดกั้นให้เราก้าวต่อไปไม่ได้เลย ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ทำให้เรา “เข้มแข็ง” ขึ้น และพร้อมจะเรียนรู้กับความหมายของคำว่า “รักตัวเอง” ให้มากขึ้นด้วย บางครั้งครอบครัวอาจจะไม่ใช่เซฟโซนที่ดีเสมอไป คำพูดที่เหมือนจะเป็นห่วง แต่..กลับทำร้ายกันก็มีไม่น้อย ตัวเราต่างหากที่ต้องพยายามดูแลตัวเองให้ดี และต้องตีความให้ชัดเจน การน้อยใจของแต่ละคนเป็นปกติ พ่อแม่ไม่น้อยที่เหนื่อยล้าจากการทำงานอย่างหนัก ก็หวังให้เด็กๆ ได้มีอนาคตที่ดีกว่าพวกเขา พอมองอีกมุมหนึ่ง เราอาจจะเข้าใจกันมากขึ้น หลายคนเสพติดดราม่า และหลายครั้งเรื่องที่ทำงานก็เลี่ยงการนินทาลับหลังได้ยาก แต่.. ถ้าเราหลงหรือเผลอเข้าไปร่วมแล้ว ก็จะทำให้มองหน้าเพื่อนที่ถูกนินทาไม่ติด บางทีเราเองก็ต้องเลือกตัดสิ่งแย่ๆ ออกไป ไม่จำเป็นต้องเป็นที่รักของใคร ด้วยการเห็นด้วยหรือร่วมกลุ่มนินทาคนอื่น และอีกครั้งที่การเป็นตัวเองในมุมที่เราโอเคที่สุด และไม่เดือดร้อนใคร น่าจะเป็นทางออกของมิตรภาพที่ยืนยาว อุปสรรคสำคัญของการเรียน คือ “การด้อยคุณค่าของตัวเอง” ด้วยข้อความต่างๆ ทั้งจบมาก็ตกงาน หรือได้งานที่ไม่ได้เลือก เพราะเรียนไม่เก่ง แต่... ลองคิดดีๆ การทำงานนั้นเป็นเรื่องใหม่ของ “เด็กจบใหม่ทุกคน” จริงๆ ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับ การปรับตัว ความพร้อมในการเรียนรู้ มากกว่า “ความเก่ง” เพียงอย่างเดียว ทำงานไปสักระยะ สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ การติดอยู่กับ comfort zone เบื่องาน อยากย้าย แต่.. ไม่กล้าพอ เพราะกลัวว่าไป แล้วจะแย่กว่าเดิม ชีวิตคือ การเปลี่ยนแปลง ต่อให้ไม่เปลี่ยนที่ทำงาน หน้าที่หรือภาระงานก็เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา บางทีนะ เด็กรุ่นใหม่ที่เข้ามาและเรียนรู้ได้เร็วกว่า อาจจะวิ่งแซงเราก็ได้ comfort zone ที่ว่าแน่นอน อาจจะทำให้เราลำบากก็ได้นะ ที่ฉุดรั้งเราอีกอย่างเลยก็คือ “ความขี้เกียจ” หากอยากเก่งขึ้น ต้องมีพัฒนาการที่ดีขึ้นด้วย แต่.. ความขี้เกียจ หรือความคิดว่า “พัฒนาไป ก็ไม่ได้ดีขึ้น” ภาพแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน เราไม่ได้เดินถอยหลังนะ แค่คนอื่นเดินแซงเราไปเอง ลองคิดให้ดีเราอยากเก่งขึ้น เพราะอะไร ไม่ใช่เพื่ออะไรวันที่เราเรียนรู้ และพัฒนาไปในหลากหลายด้าน อาจจะทำให้เรารู้ว่า “เราชอบงานประเภทไหน” และทำให้เราตัดสินใจมุ่งหน้า หรือก้าวไปได้เหมาะกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ ที่เราไม่รักตัวเอง จริงๆ ก็แค่รู้สึกเหนื่อยล้า บางทีก็ขี้เกียจด้วยแหละ ความมีวินัยเป็นเรื่องยาก ต้องฝึกฝนสม่ำเสมอ สุขภาพที่ดีจะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย การลงทุน ใครก็มักคิดว่า “ง่าย” มีเงินทุนเยอะๆ ไม่ต้องเก่งก็ทำได้ แต่... เอาเข้าจริงนะ คิดแบบนี้คือ รอล้มละลายเลย ต่อให้มีเงินทุน ขาดความรู้ที่ถูกต้อง ก็ไม่มีทางโอเคหรอกทุกทางออก มีปัญหารออยู่เสมอดีที่สุดคือ เตรียมคู่มือวิธีแก้ไขให้พร้อม ก็เท่านั้นเอง มีแล้วใช้หมด ก็เท่ากับไม่มี ความอยากให้ระงับด้วยการคิดเพิ่มอีกชั้น การวางแผนทางการเงินที่ดี อาจจะไม่ใช่การออมเพียงอย่างเดียว การลงทุนกับความรู้ก่อนเป็นสิ่งสำคัญ เพื่ออนาคตที่มั่นคง และมั่งคั่ง อดทนกับช่วงแรกให้มากที่สุดก่อน เราแคร์คนอื่นมากไปรึเปล่า เราละทิ้งตัวตนของเราอยู่มั๊ย คิดให้ดีว่า “เราใช้ชีวิตเพื่อใคร” ยิ่งเราออกห่างจากตัวตนของเรา ก็เท่ากับเราใช้ชีวิตเพื่อคนอื่น แต่.. ในที่สุด เราเองก็มีทางเดินของเรา เพราะงั้นวันนี้ก็น่าจะเริ่มต้นใช้ชีวิตในแบบของเราบ้างนะ
แสดงความคิดเห็น