รีวิวเกาหลี : 20 Things To Do in South Korea ตัวอยู่ไทย หัวใจอยู่เกาหลี
ก่อนจะเปิดประเทศให้ได้ไปเที่ยวกันจริง ๆ เราขอพาไปเที่ยวทิพย์ให้หายคิดถึงเกาหลีใต้ อีกหนึ่งประเทศไม่ว่าจะไปช่วงไหน ก็ทำให้หัวใจพองโตเหมือนตกหลุมรักทุกที รอบนี้เราขออาสาพาไปพบกับโคเรียทิพย์ 20 พิกัดความคิดถึงทั้ง กิน เที่ยว และกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทั้งโซเชี่ยลได้รู้กันไปเลยว่า แม้กายหยาบจะอยู่ไทย แต่กายทิพย์และหัวใจเราไปตะลอนทั่วเกาหลีเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเปิดรูปต่อไป ให้ลองเปิดแอร์เย็น ๆ หยิบโค้ทตัวสวยมาใส่ นั่งยิ้มอรุ่มเจ๊าะ เพิ่มความคิมิโนโต๊ะ แล้วไปทำตัวใส ๆ ไปเกาหลีทิพย์พร้อมกับเราเลย
สถานที่ : Starfield Library (별마당 도서관)
สถานที่ : คาเฟ่ hwasuheon-edo 화수헌
สถานที่ : Anyang Art Park
สถานที่ : Alone tree
001 새마을식당 แซมาอึล
ความคิดถึงอันดับต้น ๆ ที่ต้องพาเราไปเที่ยวทิพย์เกาหลีบ่อย ๆ คืออาหารนี่แหละ และที่แรกที่ยกให้เป็นเบอร์ 1 ในใจของเราก็ต้องเป็นที่นี่ ร้านปิ้งย่างที่เลิฟมากกกกกก เปิดตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน 24 ชั่วโมง มากี่รอบ ๆ ก็ยังรักปักใจกับร้านนี้ไม่เปลี่ยน อร่อย บริการดีแถมราคาคุณภาพและรสชาติยังเพอร์เฟค ที่สำคัญคือที่ร้านมีเมนูภาษาไทยด้วยแหละ และข่าวดีคือตอนนี้ ร้านนี้มีสาขาแรกที่ไทยแล้วน้าาาา สามารถตามไปฟินกันได้
Web: http://newmaul.com/
002 ร้านปูดองเกาหลี 라메흐꺄도 (Lamere cadeau)
เชื่อหรือไม่ว่ากินปูดองที่ไหนก็ไม่สะใจเท่ากินที่เกาหลีแล้ว เราเองก็มีร้านประจำที่ไปเกาหลีจะต้องแวะไปทานปูสดดองซีอิ๊ว 간장게장 (คันจังเคจัง) มาคลุกข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมเครื่องเคียงประมาณพันอย่างแบบจุก ๆ ก็คือการมากินปูดอง เราไม่ต้องสั่งเครื่องเคียงเพิ่มนะ แค่เลือกเซ็ทที่ต้องการ ก็จะได้ปูจานใหญ่ ๆ มาพร้อมเครื่องเคียงครบถึงใจ ความฟินสุดต้องยกให้การเอาข้าวสวยร้อนๆ ไปคลุกกับมันปูในกระดอง สุดยอดไปเลยลวกเพี่ย สำหรับราคาเราว่าคุ้มมากกับปริมาณอาหารที่ได้ และความอร่อยที่สุดแสนจะพรรณนา หากใครจะตามไปกินก็นี่เลย นั่งรถไฟลง Yangpyeong station ทางออก 2 เอาง่ายก็เสิร์ช 라메흐꺄도 (Lamere cadeau) แล้วเดินตาม map
003 Samho Bokjip Pufferfish
สำหรับคนที่ไม่เคยลองซาซิมิปลาปักเป้า เราขอแนะนำว่าควรได้ลองสักครั้งในชีวิต ซึ่งที่นี่เป็นร้านอาหารที่มีเมนูปลาปักเป้ามากว่า 30 ปี เราจองที่นี่ไว้เพราะได้ข่าวมาว่าปลาของที่นี่ดีมาก และราคาไม่ได้แรงมากด้วย แนะนำว่าก่อนไปควรจองล่วงหน้า เมนูที่เสิร์ฟหลัก ๆ คือ ปลาปักเป้าดิบแล่บาง ปลาปักเป้าหม้อไฟ ปลาปักเป้าชุบแป้งทอด ปลาปักเป้าผัด หอยเป๋าฮื้อย่างเนยหรือเป๋าฮื้อซาซิมิ และเครื่องเคียงต่าง ๆ อิ่มและอร่อยมาก อยากแนะนำที่นี่เลย คุ้มราคา บริการดี อยากจะบอกต่อเยอะ ๆ อยากให้ทุกคนได้มาลอง
วิธีเดินทางคือ นั่ง subway line 2 Sinchon Station exit 1, 3 minute walk มาที่ F, 62-11, Changcheon-dong, Seodaemun-gu, Seoul (서울 서대문구 창천동 62-11 2F) หน้าร้านจะดูลับ ๆ หน่อย แต่ขึ้นมาชั้น 2 ในส่วนของร้าน กว้างและดูดีมาก
004 북막골 ( Bugmaggol)
ร้านซี่โครงเนื้อยักษ์ที่เราสารภาพตามตรงเลยว่าเราตามรอยผู้ชาย 3 คนมาด้วยเพราะถ้าย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน เรามีลูกๆ แฝดสาม ที่เป็นที่รักกันทั่วบ้านทั่วเมือง แทฮัน มินกุ๊ก มันเซ ซึ่งมีอีพีนึงที่เด็กๆ มากินร้านนี้ เราเลยต้องตามมาไงล่ะ ซึ่งเมื่อมาถึงก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ เพราะความอร่อยของทุกเมนูนั้น สมราคาร้านอาหารระดับมิชลินไกด์กันไปเลย ตอนแรกแค่ตามแฝดสามมา ตอนนี้จะต้องมานั่งยืนยันแล้วว่า มันอร่อยจริงๆ ไม่ต้องตามใคร ส่วนใครที่ไม่ทานเนื้อไม่ต้องห่วงนะ กินหมูสามชั้นอีกจานนึงไปก็ได้ แอบกระซิบนิดนึงว่าตอนนี้เค้ามีสาขาในไทยแล้วน้าาาา
005 ฮงซึจูกุมิ หรือปลาหมึกผัดเผ็ด
ร้านปลาหมึกผัดเผ็ดมีเยอะมากในเกาหลี แต่เราบังเอิญไปเจอร้านนี้ที่ตลาดแห่งหนึ่ง ซึ่งอร่อยมาก ๆ ทีเด็ดของเมนูนี้คือจะใช้ลูกปลาหมึกยักษ์มาหมักกับซอสเผ็ดแล้วเอามาผัด กินคู่กับถั่วงอกแก้เผ็ด รสชาติจะออกเผ็ดร้อน อร่อย ถูกปากคนไทย แถมในเมนูยังมีซี่โครงหมูผัดกิมจิคู่มาให้ด้วย เมนูนี้เด็ดจริง เด็ดจนต้องสั่งเพิ่มอีกเซ็ทอ่ะ
006 สตรีทฟู๊ด
ร้านอาหารแบบเต็นท์ผ้าใบนั่งกินอะไรร้อน ๆ ไว้หลบหนาวตามข้างทาง หรือจะเป็นร้านรถเข็นสตรีทฟู๊ดก็คืออีกหนึ่งเสน่ห์ของเกาหลีเลย และนี่คือสิ่งที่เราเองก็คิดถึงมันมาก ๆ ด้วย
007 Ewha Womans University (이화여자대학교)
จากที่เป็นมุมหนึ่งในมหาวิทยาลัยชื่อดังกลายเป็นจุดเช็คอินและถ่ายรูปอันแสนโด่งดังในโลกโซเชี่ยลที่หากมาเกาหลีก็ต้องมีที่นี่ไว้เป็นหนึ่งในลิสต์ให้ได้ ซึ่งมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวาแห่งนี้นอกจากจะมีความโดดเด่นของอาคารเรียนแล้ว ยังมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม บริเวณโดยรอบนั้น เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ว่ากันว่าช่วงหน้าซากุระหรือช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีการเปลี่ยนสีของใบไม้ที่สวยงามควรค่าแก่การมาเยือนเช่นกัน
การเดินทางนั้น ใช้วิธีนั่งรถไฟไป Ewha Womans university station ออกทางออก 2 หรือ 3 เลยจ้า เดินตรงไปจนเจอมหาวิทยาลัย แวะถ่ายรูปเก๋ ๆ กันก่อนที่ Landmark ของมหาลัย แล้วเดินออกมาเลี้ยวขวา มองไปตึกที่มี Line Friends และถนนช้อปปิ้งจะเริ่มตั้งแต่ตรงนั้นส่วนใหญ่จะเดินเข้าซอยซ้ายมือ เดินดี ๆ ระวังเงินหายหมดกระเป๋าด้วยเด้อ ไม่ใช่โดนขโมยนะ แต่ช้อปเพลินแน่นอน
008 Gyeongbokgung Palace (경복궁)
พระราชวังที่เราเชื่อว่า สาวกซีรีส์เกาหลีต้องคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพื่ออรรถรสในการเดินชม เราแนะนำให้เช่าชุดฮันบกมาใส่เดินเล่นให้สมกับฐานันดรราชนิกุลอย่างเราซักหน่อย โดนรอบ ๆ วังเนี่ย มีร้านเช่าชุดให้เลือกเยอะมาก ชุดก็แอบหนานะ ถ้าใส่ที่เมืองไทย มีหวังหอบแฮ่กแน่นอน อ้อ แล้วจะบอกว่า ไม่รู้ทำไม เข้ามาเหยียบวังนี้ปุ๊บ ทำนองละครแดจังกึมต้องเข้ามาในหัว แล้วก็ต้องวางมาดแม่ครัวแห่งยุคทันที ฮ่า ๆ ๆ
สำหรับนักท่องเที่ยวนั้น พระราชวังคยองบกกุง ถือเป็นทั้งสัญลักษณ์และแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของกรุงโซลเลยทีเดียว ซึ่งที่นี่เป็นพระราชวังที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล สร้างขึ้นในปี 1394 ในสมัยพระเจ้าแทโจ ราชวงศ์โชซอน เดิมทีนั้นภายในพระราชวังมีอาคารและตำหนักต่าง ๆ มากกว่า 200 หลัง แต่เมื่อมีการรุกรานของญี่ปุ่น อาคารส่วนใหญ่ก็ได้ถูกทำลายลงเหลืออยู่เพียงแค่ 10 หลังเท่านั้น สำหรับเราแล้ว แม้จะเหลือเพียง 10 หลังแต่ก็ยังคงมนต์ขลังและมีความสวยงามเต็มเปี่ยม
009 Songdo International Business District (IBD)
เราอยากเที่ยวซองโดมานานมาก เหตุผลตั้งแต่ความเป็นเมืองต้นแบบของสมาร์ทซิตี้มาจนถึงสมัยเป็นติ่งแฝดสาม แทฮัน มินกุ๊ก มันเซ
ถึงแม้ว่าตอนนี้เด็ก ๆ จะย้ายไปแล้ว แต่เราก็ยังมีความสุขที่มาตามรอย มาเยี่ยมบ้านลูก ๆ ได้เห็นสวนที่เด็ก ๆ มาเล่น เดินไปชิมเกี๊ยวร้านที่เด็ก ๆ เคยไป อ่ะ ๆ ก่อนที่จะไร้สาระไปมากกว่านี้ เราเล่าคร่าว ๆ แล้วกันว่า ซองโดนี่คือเมืองใหม่พัฒนาจากการถมทะเลที่เป็นโคลนมาสร้างเป็นเมืองเศรษฐกิจ เมืองนี้ทั้งเมืองคือ Eco Town มีความทันสมัยและประหยัดพลังงาน น่าอยู่จัง
วิธีเดินทางไปซองโดง่ายมาก นั่งรถไฟไปลงสถานี Central Park ทางออก 3 ขึ้นมาจะเจอตึก Exhibition Center ถ่ายรูปตรงนี้ได้ชิค ๆ เลยล่ะ
010 Olympic Park
เรามาที่นี่เพื่อถ่ายภาพคู่กับ Alon Tree เพื่อเป็นเกียรติแก่ความโสดของตัวเอง ขนาดต้นไม้ยังยืนต้นตระหง่านต้นเดียวได้ แล้วนับประสาอะไรกับเร๊า (ดึงดราม่าเฉย) เรานั่งรถไฟไปลง Mongchon-toseong station ทางออก 1 เดินขึ้นมาจะเจอทางเข้า Park ให้เดินตรงเข้าไปผ่าน World Peace Gate (ประตูใหญ่ ๆ สัญลักษณ์มี Olympic) ถ้าต้องการเดินไปหา The lonely tree ให้เลี้ยวซ้ายเดินผ่าน Seoul Olympic Museum แล้วข้ามสะพาน แล้วเดินตรงขึ้นไป (ทางขึ้นเขาหน่อย)
011 Starfield Library (별마당 도서관)
มาถึงอีกจุดแห่งความคิดถึงอย่างห้องสมุดสุดชิค ซึ่งที่เกาหลีมีห้องสมุดดี ๆ เยอะมาก แต่ความโดดเด่นของที่นี่ก็คงเป็นการจัดวางหนังสือตามชั้นวางต่าง ๆ ที่สูงขึ้นเกือบถึงเพดาน มันทำให้นักอ่านต้องมีความอยากไปรื้อค้นหนังสือชั้นบน ๆ เอามากแน่ ต้องยอมรับว่าการอ่านหนังสือสมัยนี้ก็ไม่ใช่แค่อ่านเพื่อความรู้เท่านั้น แต่มันยังบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ที่คูลของเราด้วย ดังนั้น การมาห้องสมุดที่เกาหลี คือมุมถ่ายรูปที่ดีของชาวโซเชี่ยลด้วย
วิธีเดินทาง
- รถไฟใต้ดินสถานี Bongeunsa Station ทางออกที่ 7 เดินเข้าไปในห้าง Coex mall ห้องสมุดอยู่ในห้าง
012 Naksan Park
ภูเขาหินแกรนิตที่แข็งตัวที่เรียกว่า นักซานกงว็อนหรือสวนสาธารณะนักซาน เรียกตามลักษณะของภูเขามีรูปร่างคล้ายโหนกอูฐ หรือที่โดนเรียกอีกชื่อคือ เขาอูฐนั่นแหละ ที่นี่เคยเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจมาตั้งแต่ในยุคโชซอน และถูกทำลายบางส่วนในช่วงยุคอาณานิคมของญี่ปุ่น แต่ยังคงเหลือพื้นที่สีเขียวอยู่บ้าง ทางการเกาหลีจึงฟื้นฟูให้เป็นสวนสาธารณะเมื่อปี 2002 นี่เอง ตลอดทางเดินขึ้นเขาจะเป็นป้อมปราการที่เราสามารถเดินชมกำแพงเมืองโซล (Seoul City Wall) และข้างบนยอดเขา จะสามารถชมวิวโซลได้สวยที่สุดมุมหนึ่งเลย
วิธีการเดินทาง
- รถไฟฟ้าสถานี Changsin ทางออก 3 และขึ้นรถเมล์สาย Jongno03 ไปลงที่ป้าย Naksan Park (ป้ายสุดสาย)
จากจุดชมวิว Naksan Park เดินลงมาเรื่อย ๆ จะเจอกับหลาย ๆ โลเคชั่นตามรอยซีรีส์ โดยเฉพาะ Gaeppul Cafe คาเฟ่ยอดฮิตที่ซีรีส์หลาย ๆ เรื่องมาถ่ายทำ เช่น Encounter, My First First love, Because This is My First Life, Sensory Couple และอีกหลาย ๆ เรื่อง
013 Haneul park
ฮานึลกงว็อนหรือ Haneul Park แปลว่าสวนสาธารณะท้องฟ้า เป็น 1 ใน 5 แห่งของ World Cup Park ซึ่งเป็นสวนระบบนิเวศขนาดใหญ่ ของกรุงโซล ที่นี่เป็นสวนสาธารณะแห่งที่สอง ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ฝังกลบขยะของเกาะ นอกจากที่นี่จะเป็นสวนสาธารณะที่กลบบ่อขยะเก่าแล้ว ตรงนี้ยังมีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามและถ่ายรูปสวยด้วยเส้นทางที่เป็นทุ่งหญ้า ขึ้นไปยังยอดเขาที่วิวสวยอลัง แถมยังเป็นที่อยู่ของเจ้าน้องผีเสื้อหลากสีสันสวยงามกว่า 30,000 ตัวด้วยนะ
วิธีเดินทาง
- รถไฟใต้ดินสถานี World Cup Stadium Station ทางออก 1
ที่นี่เป็นสวนที่มีความสูงที่สุด ในบรรดาสวนทั้งหมดของ World Cup Park จึงสามารถเห็นวิวกรุงโซล ทั้งภูเขาบุกฮันซาน ภูเขานัมซาน และแม่น้ำฮัน ได้จากบนนี้ ภายในสวนยังมีการอนุรักษ์ระบบนิเวศด้วยการปลูกทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ และการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานลม เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับไฟถนนภายในสวน เราชอบเกาหลีตรงนี้แหละ สร้างอะไรมาแล้วมีการคิดหลายชั้น ไม่ได้สร้างสวนเพื่อกลบกองขยะหรือไว้เป็นแค่สวนสาธารณะเอาไว้หย่อนใจแต่ยังได้ใช้ประโยชน์ด้วย
014 Anyang Art Park
สวนสาธารณะที่อยู่บนเขา แต่ละสถานที่เหมือน Hidden ที่เราต้องเดินตามหา แล้วซ่อนตัวอยู่กลางเขาด้วยนะ ถ้าใครเคยเห็นตามไอจีของเพื่อน หรือรีวิวโซล จะต้องมีที่นี่ในลิสต์แน่นอน เพราะฉะนั้น พวกแกจะต้องไม่พลาดเช่นกัน
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟไป Anyang station ทางออก 2 หรือ 3 แล้วโบกแท็กซี่ขับพาไป
- แนะนำให้นั่งไปลงสุดสวนแล้วค่อยเดินลงมา ค่าแท็กซี่ประมาณ 5,000 วอน
Anyang Art Park เป็น Park ที่ค่อนข้างซับซ้อน เพราะเป็นเหมือนสวนที่เป็นป่าจริง ๆ อยู่บนภูเขา และแต่ละส่วนอยู่แยกกัน แต่ทุกส่วนคือถ่ายรูปได้เปลี่ยนโปรไฟล์ก็สวย อย่าลืมนะ ให้แท็กซี่ไปส่งสุดสวนก่อน แล้วค่อยเดินลงกลับมาที่อื่น ๆ เพราะสวนมันแยกกัน
015 เกาะนามิ (Nami Island)
สถานที่ที่โด่งดังมาจากซีรีส์เพลงรักในสายลมหนาว (Winter love song) เพื่อนเราบอกว่าตอนแรกที่นี่ไม่มีใครมาเที่ยวเลย เป็นเกาะธรรมดา ๆ เกาะหนึ่ง พอซีรีส์เรื่องนี้มาถ่าย เลยโด่งดังกลายเป็นสถานที่ยอดฮิตขึ้นมาถึงขนาดต้องสร้างรูปปั้นเบยองจุนและชเวจีวู พระเอกนางเอกยืนจูบกันไว้เป็นสัญลักษณ์เลยล่ะ เรามาที่นี่ครั้งแรก เราก็รู้สึกกรี๊ดเช่นกัน เพราะมีต้นไม้เยอะมาก ทั้งต้นสน ต้นเมเปิ้ล สนามเด็กเล่น มีสวนสัตว์ ร้านอาหาร มุมถ่ายรูป โอ๊ยยยย เพียบมาก
016 หมู่บ้านฝรั่งเศส La Petite France
สำหรับสายติ่งซีรีส์ต้องจำได้ว่าโทมินจุนชิและชอนซงอีเคยจูบกันที่นี่!!! แอร้ยยยยยยย รู้แค่นี้เราก็ตัดสินใจมาแล้ว ตอนแรกก็ตัดสินใจมาแบบไม่ได้รู้อะไรมากหรอก แต่พอมาถึง ทั้งอินทั้งชอบ ทั้งสนุก เพราะสมัยเรียน เราได้อ่านเจ้าชายน้อย และคลั่งวรรณกรรมเรื่องนี้มาก เมืองนี้สร้างมาตามแบบของเมืองโพรวองซ์ ในฝรั่งเศส ใช้สีสันแบบลูกกวาดอ้างอิงถึงเจ้าชายน้อย มีตึกต่าง ๆ ให้แวะชมแวะเล่นมากมายเลย
ที่นี่เป็นเหมือนเมืองที่จัดแสดงและรวบรวมความน่ารักของเจ้าชายน้อย หรือ La Petite prince วรรณกรรมอันโด่งดังของฝรั่งเศสที่ตีพิมพ์ไปทั่วโลก มีตึกและอาคารให้ไปเข้าชม ถ่ายรูป หรือสั่นระฆังขอพรหลายตึกเลยนะ นอกจากนี้ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักได้ด้วย และที่กรี๊ดมาก ๆ เลยคือ เราสามารถเจอ เจ้าชายน้อย ดอกกุหลาบ สุนัขจิ้งจอก งูกินช้าง และสิ่งต่าง ๆ ในเรื่องได้ทุกที่ แถมยังมีเส้นทางเดินป่าให้ตามหาเจ้าชายน้อยด้วยแหละ กรี๊ดมั๊ยล่ะ มุมถ่ายรูปเยอะมาก แถมยังเจอโทมินจุนชิและชอนซงอีด้วยนะ ในเมืองมีสถานที่ตามรอยละครเยอะเลย ทั้งห้องที่นางเอกรอเข้าฉากตอนที่โดนทิ้ง รวมไปถึงด้านหน้าที่พระเอกมารับนางเอกแล้วดึงนางเอกมาจูบ บอกไว้เลยว่า มาที่นี่อย่าลืมแต่งตัวสวย ๆ พร้อมเอากล้องมาด้วย รับรองว่าถ่ายรูปจนเพลิน อัพลงโซเชี่ยลได้ยันปีหน้า
017 Phoenix Ski Park Resort (Pyeongchang)
การมาให้ถึงประเทศที่มีหิมะอย่างแท้จริงคือต้องมาลองเล่นสกีสักทีใช่มั๊ยล่ะ สำหรับเกาหลีมีสกีรีสอร์ทมากมาย แต่เรารู้จักที่นี่ครั้งแรกจากการตามอึนโซและจุนโซจาก Autumn in my Heart (รักนี้ชั่วนิรันดร์) อยากจะมีใครสักคนให้ร้องเรียก พี๊ชายยยย ซะเหลือเกิน นอกจากนี้ยังมี Winter Sonata (เพลงรักในสายลมหนาว) อีกเรื่อง เลยมีความมุ่งมั่นตั้งใจว่า ถ้าได้มาเกาหลีจะต้องมาเล่นสกีที่นี่สักครั้งเถอะ
ที่รีสอร์ทมีลานสกีไว้รองรับนักท่องเที่ยวได้เต็มที่มาก ทั้งลานด้านล่างและเคเบิ้ลคาร์เอาไว้ไปเล่นด้านบน และยังมีทั้งอุปกรณ์พร้อมชุดสกีเอาไว้ให้เช่า รวมไปถึงคุณครูไว้สอนเทคนิคสกีเบื้องต้นให้สำหรับคนที่มาใหม่ หรือหากใครอยากเล่นเป็นสโนว์บอร์ดก็ได้นะ ตื่นตาตื่นใจพวกเรามาก ๆ
การเดินทางจะเป็นแบบวันเดย์ทริป ไปเช้า เย็นกลับก็ได้ หรือถ้าใครอยากมาค้างสักคืนสัมผัสบรรยากาศของสกีรีสอร์ทให้เต็มที่ก็ลองจองแบบค้างคืนได้ เพราะที่นี่มีโรงแรมให้พักด้วย
018 เก็บสตรอเบอร์รี่ที่ Daega Farm
กิจกรรมแห่งความคิวท์คิมิโนโต๊ะนั่นก็คือการไปเก็บสตรอเบอร์รี่ที่ Daega Farm สามารถเก็บกินได้จนพอใจ ซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง กินแล้วไม่พอ ยังเก็บใส่กล่องกลับบ้านได้คนละ 1 กล่องด้วย ตอนมาเราจองไว้ล่วงหน้านะ
ค่าบริการคนละ 15,000 วอน ซึ่งอาจจะต้องใช้พลังภายในเยอะหน่อยในการจองฟาร์มนี้ เพราะระบบการจองค่อนข้างยุ่งยาก สำหรับชาวต่างชาติ วิธีที่สะดวกที่สุดคือโทรไปจองตามเบอร์ใน Website (ซึ่งไม่มีภาษาอังกฤษเลย คนที่ฟาร์มพูดภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงนัก แต่น่ารักมาก) เหตุผลที่เลือกฟาร์มนี้เพราะความยากและคนไม่เยอะนี่ล่ะ
วิธีเดินทาง เสิร์ช 대가농원 ใน KaKaoMap
- นั่งรถไฟสาย Gyeongui-Jungang จาก Hongik university station นั่งยาว ๆ ไปลง Ungilsan station ทางออก 2 (ประมาณ 1.20 นาที ค่าโดยสาร 2,050 วอน) เดินตรงมาที่ถนนแล้วเลี้ยวซ้ายเดินตรงมาที่ถนนมองหาป้ายรถบัสซ้ายมือ (รหัสป้ายรถบัส 49373) แล้วขึ้นรถบัสสาย 56 นั่งไปสุดสาย ลงจากรถบัสมองหาป้าย Café แล้วเดินไปก็จะเจอ Daega Farm (Café เป็นของ Daega Farm)
019 เช่าชุดฮันบกแล้วมาแปลงร่างเดินเที่ยวตะลุยกรุงโซล
การได้ออกไปสัมผัสวัฒนธรรมของเกาหลีใต้และประสบการณ์สุดพิเศษจะพิเศษยิ่งขึ้นเมื่อเราอยู่ในชุดฮันบก เดินเล่นใจกลางกรุงโซล รับรองว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมแน่นอน ซึ่งร้านเช่าชุดมีให้บริการโดยรอบพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) และสถานที่ต่าง ๆ มีให้บริการทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ทั้งผู้ชายและผู้หญิง และหลายร้านให้เลือก
020 Daemyung Vivaldi Park Ski World Day Trip from Seoul
อีกหนึ่งสกีรีสอร์ทที่เราอยากแนะนำ เพราะเราได้เรียนการเล่นสกีเบื้องต้นที่นี่แหละ หลังจากที่รถมารับที่จุดนัดพบเราก็เดินทางไปเพื่อเตรียมตัว เลือกเสื้อผ้า เปลี่ยนชุด และเรียนการใช้อุปกรณ์สกีเบื้องต้น หลังจากนั้นก็พร้อมลุย ซึ่งในแพ็คเก็ตรวมการนั่งกระเช้า ค่าสอน ค่าอุปกรณ์ และการดูแลตลอดการเรียน เราว่าคุ้มนะ ถ้าได้มาเกาหลีแล้วต้องลองเลือกสักหนึ่งที่สำหรับเล่นสกีแล้วแหละ สักครั้งในชีวิตน่าาาาาา
และขอปิดท้ายความคิดถึงไปด้วยลมหายใจแห่งภาคพื้นเอเชีย รูปคู่เรากับกงยูซึ่งแค่ได้เจอกันผ่านจอ LED ก็ถือว่าดีและมีความสุขมากแล้ว การเที่ยวเกาหลีไม่ใช่แค่การได้ชมเมือง สัมผัสวัฒนธรรม ได้ปะทะอากาศดี ๆ การคมนาคมดี ๆ เท่านั้น แต่มันคือการได้มาตามรอยศิลปินดาราที่เรารัก ซีรีส์ที่เราติดตาม ได้กินอาหารที่เราอยากกิน เกาหลีไม่ว่าจะไปที่ไหนจะทำอะไรมันก็ดีเลิศทั้งสิ้น ในขณะที่เราพาทุกคนมาเที่ยวทิพย์กับโพสต์นี้ เราเองก็นอนดิ้นด้วยความคิดถึงแทบจะลงแดงแล้วเช่นกัน หวังว่าอีกไม่นาน เราจะมีโอกาสได้เที่ยวจริงกันถึงที่สักที คิดถึงเกาหลีสุดใจจจจจ
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตาม
กติกา สามารถคลิก
แจ้งปัญหาได้ที่นี่