เปิดเทคนิคการใช้จ่าย เมื่อไปเที่ยวต่างประเทศ

Wonder Journey

เป็นมนุษย์ introvert แต่รักการเดินทางมาก แม้ไม่ได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง หรือการท่องเที่ยวเลย อาศัยเวลาว่างไปเที่ยวเอง ศึกษาเอง วางแผนเองทั้งหมด ทั้งในและต่างประเทศ

          "รวมวิธีการใช้จ่ายเมื่อไปเที่ยวต่างประเทศ"
วางแผนเที่ยว

          สิ่งหนึ่งที่หลายคนยังคงลังเลเมื่อไปเที่ยวต่างประเทศในเรื่องการใช้จ่าย ไม่ว่าจะชอปปิ้ง เข้าร้านอาหาร ซื้อตั๋วรถไฟ รถบัส หรือเข้ามิวเซียม ช่องทางไหนที่จะปลอดภัย คุ้มค่า และสะดวกที่สุด 
          มาครับ...วันนี้ผม list รายละเอียด ข้อดี/ ข้อเสียของแต่ละช่องทาง เพื่อให้ทุกคนได้ข้อมูลนำไปปรับใช้ให้ถูกจริต และความสะดวกของตนเอง เที่ยวแบบสนุก ปลอดภัย ไร้กังวล
วางแผนเที่ยว

1. เงินสด (แบ้งค์/ เหรียญ)

          ถือว่าเป็นช่องทางหลักในการใช้จ่ายเลยก็ว่าได้ ทุกคนควรมีเงินสดติดตัวไว้เผื่อฉุกเฉิน แม้จะชอบใช้ cradit card / travel card มากแค่ไหนก็ตาม และควรมี "เหรียญ" ติดกระเป๋าไว้บ้าง เพราะในการโดยสารบัส หรือฝากกระเป๋าในตู้สถานีรถไฟ ส่วนใหญ่จะใช้เหรียญ
ข้อดี :
  1. ใช้ง่าย สะดวก ชำระได้แทบจะทุกห้างร้าน แม้กระทั่งตลาดนัดในหมู่บ้านเล็กๆ
  2. แลกแล้วคือจบ ไม่มีค่าธรรมเนียม ค่าบริการ ค่าจุกจิกจิปาถะให้ต้องจ่ายเพิ่มอีก
  3. หากมีเงินสดเหลือกลับมา สามารถรอจังหวะเวลาที่อัตราการแลกเปลี่ยนดีๆ ค่อยแลกคืน กินส่วนต่างกำไรได้
ข้อเสีย :
  1. หายแล้วหายเลย ล่อตาโจร จึงต้องเก็บรักษาให้ดี 
  2. ตม.บางประเทศจำกัดจำนวนเงินที่พกเข้าประเทศด้วย ควรศึกษากฎระเบียบของประเทศนั้นๆก่อน
  3. อาจต้องแลกเป็นดอลล่าไปก่อน แล้วค่อยไปแลกที่ประเทศนั้นอีกครั้ง หากคุณเดินทางไปในประเทศที่ไม่มีสกุลเงินนั้นให้แลกในบ้านเรา 
  4. หากมีเหรียญเหลือกลับมาหลังจบทริป ไม่สามารถนำไปแลกคืนได้ รวมถึงเงินในสกุลที่ไม่มีให้แลกในไทยก็แลกคืนไม่ได้
  5. บางประเทศอาจมีการเปลี่ยนธนบัตรแบบใหม่ หากเราเก็บไว้นานเกินจนหมดอายุแลกคืน ก็จะเสียเงินไปโดยปริยาย 
วางแผนเที่ยว

2. Credit card 

          ปัจจุบันมีทั้งแบบ VISA, Master, JCB, Unionpay และอื่นๆ ถ้าจะเลือกแบบใช้ได้ทั่วโลกครอบคลุมก็เลือกเป็น VISA กับ Master ไว้ก่อน
ข้อดี : 
  1. ปลอดภัย มีอะไรเกิดขึ้น อายัดบัตรผ่าน call center หรือแอพได้เลยทันที
  2. ได้คะแนนสะสม (ยกเว้น บัตรที่มีเงื่อนไขในการรูดในบางประเทศที่จะไม่ได้พ้อยต์)
  3. กรณีโดนรูดโดยมิจฉาชีพ สามารถ hold ยอดเพื่อตรวจสอบ โอกาสได้เงินคืนสูง
  4. บางบัตรในบางช่วง มีโปรโมชั่น Cash back จากการรูดสกุลเงินต่างประเทศ หรือรูดใช้ในหมวดการท่องเที่ยว ก็ถือว่าเที่ยวแล้วได้เงินคืนได้ด้วย
  5. ใช้ได้ในทุกประเทศทั่วโลก แม้ประเทศนั้นจะไม่มีให้แลกเป็นเงินสดจากไทยก็ตาม
  6. สามารถโทรหาธนาคารเจ้าของบัตรว่าเราจะไปรูดใช้ที่ไหน เมื่อไหร่ เพื่อให้ธนาคารช่วยดูรายการรูดแปลกๆ เป็นการป้องกันมิจฉาชีพได้อีกทาง
  7. สามารถแบ่งชำระได้แล้วแต่โปรของบัตรใบนั้นๆ เช่น 0% 3 เดือน

ข้อเสีย :

  1. ต้องเสียค่าความเสี่ยงของอัตราการแลกเปลี่ยน 1-2.5% ทุกครั้งที่รูด (ขึ้นกับธนาคารเจ้าของบัตร)
  2. หากคุณกดเงินสดออกจากบัตรเครดิตเพื่อใช้จ่ายที่ต่างประเทศ พึงระลึกว่า ค่าใช้จ่ายคุณจะบานปลาย ดอกเบี้ยจากการกดเงินสดของบัตรคือ "หายนะ" อย่าหาทำ 
วางแผนเที่ยว

 3. Travel card

          หลักๆ มี 4 ธนาคารใหญ่ให้เลือกใช้คือ SCB Planet, Kbank YouTrip, KTB Travel Card, TTB All Free
ข้อดี : 

  1. อยากใช้เท่าไหร่เติมเงินไปเท่านั้น จะแลกตอนไหนก็ได้ รูดจ่ายไม่มีค่าธรรมเนียมความเสี่ยงอัตราสกุลเงิน
  2. รูดแล้ว เงินตัดออกจากบัตรทันที ทำให้ทราบค่าใช้จ่ายชัดเจน คำนวณรายจ่ายในทริปง่าย
  3. แลกเก็บไว้ในบัตรก่อนได้ หากใช้ไม่หมด กลับมาแล้ว แลกคืนกลับมาเป็นเงินบาทก็ทำได้ง่าย
  4. บัตรหาย ก็เข้าแอพอายัดบัตรได้เลย สะดวก 

ข้อเสีย : 

  1. ไม่ได้พ้อยต์สะสมจากการรูด
  2. บางแห่งไม่รองรับระบบ PIN 6 หลักของเมืองไทย จึงใช้ไม่ได้ 
  3. หากโดนรูดจากมิจฉาชีพ โอกาสได้เงินคืนยาก รวมถึงการ refund คืนจากร้านค้าก็ยุ่งยากเช่นกัน
  4. มีสกุลเงินให้แลกได้จำกัด หากเราไปในประเทศที่ไม่มีในระบบแลกของบัตร ก็จบ 

 ตัวอย่างการนำไปใช้งานของผม

ประเทศในเอเชีย

  1. แลกเป็นเงินสดของสกุลเงินในประเทศที่จะไป แนะนำแลกไปก่อน เพราะบางสกุลแลกแล้วเลข 0 เยอะจนตาลาย เช่น บาหลี เกาหลี ญี่ปุ่น โอกาสโดนโกงง่าย หากไปแลกที่ร้านแลกในต่างประเทศที่เราไม่รู้จัก
  2. พกบัตรเครดิตประเภท JCB หากไปแถบญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง เพราะอาจได้พ้อยต์เพิ่มจากการรูด และใช้เข้าเล้าจ์สนามบินบางแห่งได้ฟรี เรียกว่า "คุ้ม" 
  3. Travel card พกไปเผื่อใช้ หลายที่ก็สะดวกในการรูดจริงๆ 

ประเทศในยุโรป

  1. เงินสด ยังคงจำเป็นในแต่ละสถานที่ และความแพร่หลายในการใช้ และควรแลกสกุลเงินให้ตรงกับสกุลเงินของประเทศนั้นๆ เช่น สวิสใช้สกุล CHF แต่บางที่อาจรับ euro แต่คุณจะขาดทุนในอัตราการแลกเปลี่ยน เค้าจะทอนให้ในสกุลเงิน CHF อยู่ดี
  2. บัตรเครดิต ควรพกพวก VISA และ MASTER ไปจะง่ายสุด แต่ผมแทบไม่ได้ใช้ เพราะหลายบัตร ไม่ได้พ้อยต์จากการรูดในสกุลเงินยูโร และเขตการค้าเศรษฐกิจยุโรป
  3. Travel card มักเจอปัญหาเรื่องการกด PIN (ไทยใช้ 6 แต่ยุโรปใช้ 4) ดังนั้น "อย่า" ฝากความหวังไว้กับ Travel card อย่างเดียว

ประเทศ USA และออสเตรเลีย

  1. เงินสด ทั้ง USD และ AUD แลกไปเถอะ เหลือก็กลับมาแลกคืนง่าย สกุลเงินทรงพลัง แลกคืนไม่ยาก 
  2. บัตรเครดิต ใช้ง่ายรูดเพลิน แต่อย่าลืมว่าทุกการรูดคุณจะเสียค่าความเสี่ยงอัตราการแลกเปลี่ยน 2.5% (ยกเว้นบัตรบางประเภท)
  3. Travel card แลกเก็บไว้ได้เลย แลกง่าย ใช้ง่าย 

ประเทศสกุลเงินอื่นๆที่ไม่มีให้แลกในไทย

  1. เงินสด ผมจะแลกเป็น USD แล้วไปแลกเอาที่ประเทศปลายทางเป็นสกุลเงินของประเทศนั้นๆ 
  2. บัตรเครดิต ติดไปแน่ๆ เผื่อเหลือเผื่อขาด เผื่อฉุกเฉินใดๆ
  3. Travel card หากใน Travel card ไม่มีให้แลกเป็นสกุลเงินของประเทศที่เราจะไป ก็เก็บไว้ที่บ้านเลย พกไปก็ไม่มีประโยชน์

 คำแนะนำเพิ่มเติม !!

  1. ควรแลกสกุลเงินให้ตรงกับประเทศนั้นๆ เพราะบางประเทศอาจรับสกุลเงินอื่นๆได้ แต่เราจะเสียเปรียบอัตราการแลกเปลี่ยน และเค้าจะทอนเป็นสกุลเงินของเค้าอยู่ดี
  2. อาจต้องแลกสกุลเงินเพิ่มในประเทศที่เรา transit ทั้งนี้หากไม่ซีเรียส ก็สามารถใช้บัตรเครดิตรูดได้เพื่อความสะดวก อีกวิธีคือ ใช้บัตรเครดิตที่มีสิทธิ์พวก Priority Pass, Dragon Pass, Lounge Key เพื่อเข้าใช้บริการอาหาร เครื่องดื่มฟรี 
  3. อย่าแลกธนบัตรที่มีมูลค่าสูงไป เช่น 500 euro เพราะจะใช้ยาก หลายร้านไม่รับ ต้องไปธนาคาร หาที่แลกวุ่นวาย 
  4. "เหรียญ" ยังคงช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นในบางสถานการณ์ เช่น ขึ้นบัสท้องถิ่น หรือฝากกระเป๋าในล็อคเกอร์ จึงควรมีเหรียญติดตัวไว้บ้าง
  5. ควรมีซิมเนทที่ใช้งานได้ตลอดเวลา อย่าพึ่งแต่ wifi สาธารณะ เพราะกรณีบัตรโดนขโมย โดนแฮ็ก เราจะสามารถเข้าแอพ แล้วอายัดทุกธุรกรรมทางการเงินได้ทันที 

สรุป

          "พกไปให้หมด" ทั้งเงินสด บัตรเครดิต และ Travel card สะดวกหน้างานด้วยอะไร ก็ใช้อันนั้น เพื่อให้เรามีความยืดหยุ่นในการใช้จ่ายให้มากที่สุด แอดจึงไม่แนะนำให้เลือกใช้ช่องทางใดช่องทางหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่อาจปรับสัดส่วนการถือตามความถนัด และการใช้จ่ายของตัวเอง
          ทั้งหมดคือประมวลจากประสบการณ์การเดินทางมาเกือบ 50 ประเทศ ซึ่งคิดว่าสามารถนำมาแชร์ให้ทุกคนลองนำไปปรับใช้สำหรับทริปของตัวเองได้..เที่ยวแล้วสบายใจ ตอบ lifestyle การท่องเที่ยว ทริปก็ Happy 
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่
เรื่องอื่นๆของ Wonder Journey
Advertisements
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดเทคนิคการใช้จ่าย เมื่อไปเที่ยวต่างประเทศ อัปเดตล่าสุด 16 มกราคม 2566 เวลา 16:14:40 1,301 อ่าน
TOP