รีวิวเชียงคาน : เรื่อยๆ ช้าๆ แต่น่ารัก
ได้กลิ่นลมฝนโชยมาแต่ไกล แค่นี้หัวใจก็เต้นแรงพลอยนึกถึงบรรยากาศของเชียงคาน เมืองสุดโรแมนติกที่ไปกี่ครั้งก็ยังไม่เบื่อ หลบไปใช้ชีวิตง่ายๆ กับบ้านไม้ริมแม่น้ำ ตอนเย็นเดินเล่นที่ตลาด ตื่นเช้ามาใส่บาตรข้าวเหนียว แล้วก็ขึ้นไปเที่ยวชมหมอกที่ภูทอกต่อด้วยจิบกาแฟหอมๆ ก่อนจะกลับมาแช่น้ำในอ่างแล้วนอนหลับให้สบายเสพชีวิตแบบเนิบๆ เรื่อยๆ ช้าๆ แต่น่าหลงใหล สโลวไลฟ์สุดๆ
กุ้งน้อยเสียบไม้ย่าง อันนี้เมนูฮอตฮิตของถนนคนเดินเชียงคานเลย มาแล้วก็ต้องโดน
ห้องที่เราพักที่
Suneta Hostel Chiang Khan – สุเนต์ตา โฮสเทล เชียงคาน อยู่ชั้น 2 มีอ่างอาบน้ำน่ารักๆ และระเบียงออกไปชมวิวแม่น้ำโขง
ใส่บาตรยามเช้ายังเป็นกิจกรรมที่คลาสสิคเสมอของการมาที่นี่
จากดอนเมืองไปเลยง่ายมากๆ เพราะตอนนี้ แอร์เอเชียเค้ามีเที่ยวบินไปเลยวันละ 2 เที่ยวบินทุกวัน คือไม่ใช่แค่เชียงคานนะ ไม่ว่าจะ ภูเรือ ภูลำดวน ภูเตาโปง ภูบักได ภูกระดึง โอ้ยยยยยย ทุกๆ ภูของเลย ไปได้ง่ายดายเพียงแค่บินไปแป๊บเดียวหลับยังไม่ทันสนิทก็ถึงแล้ว แล้วยิ่งถ้าเป็นคนพร๊อพเยอะ ของเพียบ เสื้อผ้าหลายชุดแบบเราด้วยแล้ว เลือกจองแบบ Premium plex ไปเลยจ้า คุ้มๆ ได้ทั้งเลือกที่นั่งโหลดกระเป๋าและอาหารร้อนๆ ครบถ้วนกันเลย ว่าแล้วก็กดจองเลยที่
www.airasia.com
ที่พักของเราน่ารักมากกกกกกก ด้านหน้าติดถนนคนเดิน ด้านหลังติดริมโขง ได้ฟีลเชียงคานแท้ๆ ด้วยตัวที่พักเป็นบ้านไม้มีความโล่ง โปร่ง และห้องพักไม่เยอะไม่แออัด เลยทำให้เรายิ่งรู้สึกชิวมากขึ้นไปอีก
นี่ไงห้องของเรา
ถึงเวลาแห่งการผ่อนคลาย ตีฟองลงแช่น้ำสักหน่อยแล้วค่อยออกไปเที่ยวต่อ
ห้องชั้นล่างก็วิวดีนะ
ว่าแล้วก็ออกเดินชิวๆ ริมน้ำโขงหน่อยดีกว่า เออ คือเวลาผ่านไปช้ามากกกกก รู้สึกได้อยู่กับตัวเองเยอะขึ้น ได้ลมเย็นๆ จากริมน้ำพัดตีหน้ามา เดินดูนั่นนี่เพลินๆ
แทบจะทุกที่พักมีจักรยานให้ยืมนะ ลองปั่นดูรอบๆ ก็ได้ จะได้มุมถ่ายรูปดีๆ เยอะเลย
ร้านกาแฟที่เชียงคานก็มีให้เลือกนั่งเยอะนะ เอาที่ชอบเลย เราว่าน่ารักและดีทุกร้าน แต่ละร้านแต่ละที่ก็มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน
มาๆ เราพาเข้าวัดกันบ้าง อีกหนึ่งสถานที่ที่ชาวบ้านสมัยก่อนเชื่อว่าต้องมีบุญจริงๆ ถึงไปถึงที่นี่ได้ ถ้าคนไม่มีบุญก็จะเจออุปสรรคมากมายกว่าจะมาถึงวัดนี้ เนี่ยะ เรามาง่ายๆ เลย แสดงว่ามีบุญนะเราเนี่ย 5555
ภายในวัดไม่ได้กว้างเท่าไหร่ แต่มีจุดน่าสนใจอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือสถูปที่บรรจุรอยพระพุทธบาทที่เดิมเป็นรอยธรรมชาติบนแท่นหินแกรนิตอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 22 – 24 สมัยล้านช้างโน่นแน่ะ แต่ตอนนี้รอยนี้ได้รับการซ่อมแซมเพราะถูกทำลายไปบ้าง เลยต้องก่อปูนฉาบไว้ มาสักการะกันได้
ที่วัดมีกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ทำให้เราร้องกรี๊ดกร๊าดต้องไปให้ได้ คือให้อาหารน้องกระต่ายทั้งฝูง แอร้ยยยยยยย ทั้งฝูงเลยยยย เราแค่หยอดตู้ทำบุญแล้วหยิบผักบุ้งมา แกว่งเรียกน้องกระต่ายแป๊บเดียว น้องก็กรูกันมารุมเรา ปุกปุยน่ารักน่าขย้ำเสียจริงๆ
แดดร่มลมตกบอกถึงฤกษ์งามยามดีที่เราจะตะลุยกินแหลกแหวกถนนคนเดินกันแล้ว ชื่อเสียงของอาหารสองข้างทางถนนคนเดินที่นี่เลื่องลือจนใครๆ ก็ต้องมุ่งหน้ามาลองให้ได้สักครั้งในชีวิต เราตั้งท่ารอที่จุดสตาร์ทเรียบร้อยพร้อมออกตัวพุ่งไปหาของกินแล้ว ส่วนพวกแกถ้าพร้อมแล้วก็ออกตัวพร้อมกับเราเลยนะ
ของกินเยอะมากกกกก ยอมแล้วจ้าาาาาาา อีกอย่างที่อยากพรีเซนต์เลยคือ เมี่ยงคำเสียบไม้ อร่อยยยยย น้ำตาไหลแล้ววว เราชอบกินเมี่ยงคำมากกก การที่มีคนห่อเสียบไม้ไว้พร้อมกินแล้วแบบนี้ คืออะไรที่บอกเลยว่า รัก
ปูน้อยเสียบไม้ และข้าวจี่ชุบไข่ก็ดีเลิศศศศศศศศ
สวัสดียามเช้า ตื่นมาพร้อมกับสายหมอกคลุกเคล้าแม่น้ำโขง เออ หมอกลอยเหนือแม่น้ำโขงมันก็ฟินดีเหมือนกันเนอะ
ในเมื่ออยากสัมผัสวิถีเชียงคานเป็นสาวลูกแม่น้ำโขงแล้ว ก็ต้องตื่นเช้ามาใส่บาตร เราสั่งชุดใส่บาตรไว้กับที่พักตั้งแต่เมื่อวาน ตื่นเช้ามาหน้าตาแจ่มใสพร้อมใส่บาตรได้เลย เพราะทางที่พักเตรียมไว้ให้ครบแล้ว
เริ่มมีแสงนิดหน่อย พระท่านก็เริ่มเดินมาทีละวัด ทีละวัด เราได้ใส่บาตรพระหลายรูปเลย ที่นี่จะใส่ข้าวเหนียวแทนข้าวจ้าวนะ ตอนใส่ข้าวก็จะปั้นเป็นก้อนๆ แทนการตักด้วยทัพพีแบบที่เราเคยชินกัน
หน้าตาคนอิ่มบุญก็จะประมาณนี้
มื้อเช้าของสุเนต์ตาให้เราเลือกเยอะมาก แต่วันนี้เราเลือกทานโจ๊กกับข้าวเปียกละกัน เช้าๆ ได้อะไรร้อนๆ มันก็ดี
เสร็จจากใส่บาตรแล้ว เราก็ขับรถไปยังจุดรับส่งนักท่องเที่ยวขึ้นภูทอกเพื่อไปชมหมอก คือบนภูอ่ะสูงและชันมาก ไม่สามารถขับรถขึ้นไปเองได้ ต้องฝากรถไว้ด้านล่างและนั่งรถชาวบ้านขึ้นไปค่ารถไปกลับ 20 บาทเอง แลกกับวิวด้านบนและความชำนาญที่เฉพาะตัวมากๆ ถือว่าเกินคุ้ม
อีกหนึ่งที่ที่เมื่อเราไปเลย เราจะต้องแวะมา เพราะที่นี่คือบ้านของน้องหนูดี รุ่นน้องเราเอง สาวชาวเลยที่เรียนจบแล้วกลับมาทำนา ทำร้านอาหาร ทำคาเฟ่ที่บ้าน อยู่กับความเรียบง่ายและธรรมชาติ ถ้าได้มาที่นี่ทีไร เราเองก็รู้สึกสุขใจทุกที
เมนูอาหารของที่นี่ก็มีเยอะมาก แต่ที่เราชอบคืออาหารปิ่นโต ที่เราเลือกเมนูเอาได้เองพร้อมกับข้าว 5 สีและของหวานเด็ดๆ เครื่องดื่มอร่อยๆ จัดจานมาอย่างสวยงาม ตัดกับวิวทุ่งด้านหน้า ยิ่งทำให้อาหารอร่อยขึ้นอีกหลายเท่า
และเมนูใหม่ของที่นี่คือชากุหลาบ จากดอกกุหลาบที่หนูดีปลูกเองที่บ้านนี่เลยจ้าาาาา ปกติชอบชากลิ่นกุหลาบอยู่แล้ว วันนี้เจอชากุหลาบฝีมือน้องตัวเอง เลยปลื้มปิติเป็นพิเศษ ยิ่งท้อปอัพด้วยกาแฟ 1 ช็อตตามความชอบของเราด้วยแล้ว ยิ่งรู้สึกเคลิ้มไปใหญ่ สีสวยอีกตะหาก
แม้วันนี้ต้องบอกลาเชียงคาน ทริปสโลวไลฟ์ใช้ชีวิตช้าๆ ของเรากลับไปยังเมืองหลวงเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว แต่ความประทับใจในความน่ารักของที่นี่ยังคงอยู่ในความทรงจำและในภาพถ่ายของเราไปอีกนาน ความน่ารักของที่นี่ทำให้เราได้พักผ่อนเต็มที่ ชาร์ตพลังเต็มสูบ มีแรงทำงานหาเงินไว้ไปเที่ยวต่อ 555+
ถ้าใครอยากประทับใจแบบเรา ก็ลองมาสัมผัสเชียงคาน ใช้ชีวิตให้ช้าลงแบบเรากันได้ แล้วอย่าลืมทำตัวให้กลมกลืนกับวิถี ช่วยกันรักษ์ความเป็นชุมชนและธรรมชาติของที่นี่กันไว้นานๆ นะ
ด้วยรัก
บันทึกคนขี้เที่ยว
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตาม
กติกา สามารถคลิก
แจ้งปัญหาได้ที่นี่