Once in a life time!! กับการสัมผัสความที่สุดของโลกด้วยตาเนื้อ
ทั้งสิ่งมหัศจรรย์และเหล่ามรดกโลกอันยิ่งใหญ่ ที่ทริปปักกิ่งครั้งนี้จะปรนเปรอให้เราแบบฉ่ำ ๆ รับรองว่าการเตรียมตัวไปกรี๊ดกับการเดินทางครั้งนี้จะมีแต่คำว่าควรค่าคู่ควร เพราะเรารวบตึงมาให้ตั้งแต่เดินเที่ยวชมวังหลวง หมุนตัวบนจัตุรัสสุดอลัง
ลั้นลาแท็กมือกับคาแรกเตอร์ตัวโปรดในธีมปาร์คที่ใหญ่ที่สุดในโลก มาถึงถิ่นก็ต้องหาสตรีทฟู้ดและอิ่มฟินกับเป็ดปักกิ่งพร้อมเช็กอินทั้งตลาด ถนนชอปปิงระดับโกลบอลที่เขาผสานอดีตและปัจจุบันเข้าด้วยกันไว้อย่างลงตัว
ขึ้นชื่อว่าเป็นมหานครสองเวลา มีเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่อง การเดินทาง การจ่ายเงิน การจองตั๋วที่ทันสมัย สะดวกสบายสำหรับการท่องเที่ยวขึ้นหลายสิบเท่า ไม่เชื่อก็มาเปิดประสบการณ์ไปพร้อม ๆ กันได้เลย
เรื่องการเดินทางก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ AirAsia เค้าดูแลเพราะตอนนี้เขามีบินตรงกรุงเทพฯ ดอนเมือง (DMK) - ปักกิ่งต้าชิ่ง (PKX) ไว้คอยให้บริการแล้ว เที่ยวได้ทันใจ เพราะบินตรงเวลา ราคาคุ้มสุด มั่นใจ บินตรงไปกับแอร์เอเชีย
𝐃𝐚𝐲 𝟏
𝟎𝟎𝟏 𝐔𝐧𝐢𝐯𝐞𝐫𝐬𝐚𝐥 𝐒𝐭𝐮𝐝𝐢𝐨𝐬 𝐁𝐞𝐢𝐣𝐢𝐧𝐠
วันแรกนี้ขอใช้พลังงานชีวิตที่สะสมไว้มาระเบิดกันให้หมดแมกซ์ไปเลยกับ ‘𝐔𝐧𝐢𝐯𝐞𝐫𝐬𝐚𝐥 𝐒𝐭𝐮𝐝𝐢𝐨𝐬 𝐁𝐞𝐢𝐣𝐢𝐧𝐠’ โลกคู่ขนานระหว่างความเป็นจริงและดินแดนสุดมันส์ แห่งที่ 5 ของโลก แห่งที่ 3 ของเอเชีย และเป็น Universal ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กินพื้นที่ถึง 2,500 ไร่ ให้เราได้ใกล้ชิดกับคาแรกเตอร์ตัวโปรดของ Universal Pictures ไม่ว่าจะเป็นทรานส์ฟอร์เมอร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ มินเนี่ยน ฯลฯ แบ่งได้ถึง 7 โซน เดินถ่ายรูปได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ เดี๋ยวเราจะพาไปดูว่าสาขาปักกิ่งนี้เขาทำถึงขนาดไหน
- Huanqiu Dujiaqu Station
- 528 หยวน (2,640 บาท)
𝐃𝐚𝐲 𝟐
𝟎𝟎𝟐 𝐑𝐞𝐝𝐁𝐫𝐢𝐜𝐤 𝐀𝐫𝐭 𝐌𝐮𝐬𝐞𝐮𝐦
เข้าวันที่สองเราเน้นเที่ยวแบบชิล ๆ แพลนหลวม ๆ พักร่างจากที่ทุ่มเทเอเนอร์จีทั้งหมดไปกับเครื่องเล่นเมื่อวาน โลเคชันแรกอยู่ที่ ‘𝐑𝐞𝐝𝐁𝐫𝐢𝐜𝐤 𝐀𝐫𝐭 𝐌𝐮𝐬𝐞𝐮𝐦’ พิพิธภัณฑ์ศิลปะขนาดใหญ่พื้นที่รวม 20,000 ตารางเมตร จัดแสดงงานศิลปะงานสะสมเต็ม ๆ 10,000 ตารางเมตร โดดเด่นด้วยโครงสร้างอิฐสีแดงที่วางซ้อนกันอย่างมีมนต์ขลัง เหมือนจะเก่าแก่แต่ทว่าเป็นการออกแบบที่โมเดิร์น โดยผู้ออกแบบคือ DONG Yugan ศาสตราจารย์ด้านสถาปัตยกรรมของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง โดยที่นี่จะเน้นจัดแสดงผลงานร่วมสมัยทั้งของจีนและนานาอารยประเทศ และยังมีโซนสวนแสนร่มเย็นพร้อมกำแพงอิฐสีเทาเข้มเป็นโฟโต้สป็อตยอดฮิตอีกด้วย
- Laiguangying Station
- no.944 to HeGeZhuang bus stop
- 150 หยวน (750 บาท)
- **มิวเซียมปิดทุกวันจันทร์*
𝟎𝟎𝟑 𝐑𝐞𝐝𝐁𝐫𝐢𝐜𝐤 𝐂𝐚𝐟𝐞
ภายในสวนของพิพิธภัณฑ์ยังมีคาเฟ่ตั้งตระหง่านอยู่ใต้เงาต้นไม้ใหญ่ เป็นอาคารทรงจั่ว สีสันของอิฐแดงตัดกับสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างดี ภายในเป็นแบบเปิดโล่งเพดานสูง ติดตั้งกระจกรอบด้านเหมือนกรอบรูป เผยวิวธรรมชาติเขียวฉ่ำตาระดับมาสเตอร์พีซ เราลองสั่งเค้กช็อกโกแลตมา รสชาติหวานอ่อน ๆ ดีงามม๊าก มูสสัมผัสละมุนตัดกับแป้งเหนียวนุ่มที่เป็นเลเยอร์ได้อย่างลงตัว โดยร้านจะเปิดตั้งแต่ 10:00 - 19:30 น. ปิดทุกวันจันทร์นะจ๊ะ
𝟎𝟎𝟒 𝐒𝐮𝐦𝐦𝐞𝐫 𝐏𝐚𝐥𝐚𝐜𝐞
ช่วงบ่ายเรากดแอปฯ เรียกรถมุ่งตรงไปยัง ‘𝐒𝐮𝐦𝐦𝐞𝐫 𝐏𝐚𝐥𝐚𝐜𝐞’ ชื่อจีนเรียกว่า อี้เหยอหยวน เป็นสถานที่พักตากอากาศของเหล่าราชวงศ์ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ พร้อมบรรดาศาลาจีนแบบโปร่งดูเย็นสบายแม้แดดภายนอกจะแผดเผา ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามของสถาปัตยกรรม ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แรกเริ่มเป็นวังหลวงของกุบไลข่าน ก่อนถูกต่อเติมใหม่สมัยราชวงศ์หมิงและชิง ใช้เวลานานกว่า 60 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ ก่อนถูกเผาทำลายจากสงครามต่าง ๆ และฟื้นฟูขึ้นใหม่โดยซูสีไทเฮา จึงมีสิ่งปลูกสร้าง ประติมากรรมอันตระการตาอีกมากมายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมาฤดูไหนก็จะเห็นความงดงามแตกต่างกันไป
- Xiyuan Station
- no.944 to HeGeZhuang bus stop
- 30 หยวน (150 บาท)
𝐃𝐚𝐲 𝟑
𝟎𝟎𝟓 𝐓𝐢𝐚𝐧𝐚𝐧𝐦𝐞𝐧
ลิสต์วันนี้เราจะออกล่าความเป็นนครสองกาลเวลา ความเป็นที่สุดของโลกกันแบบสับ ๆ กับที่แรก ‘𝐓𝐢𝐚𝐧𝐚𝐧𝐦𝐞𝐧’ แลนด์มาร์กอันยิ่งใหญ่ประจำประเทศจีน ตั้งอยู่ด้านหน้าประตูของพระราชวังต้องห้ามที่มีอายุ 600 ปีมาแล้ว เดิมจัตุรัสแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นสมัยราชวงศ์หมิง ใช้เป็นประตูหลักเข้า-ออกวังขององค์จักรพรรดิ หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปี 1651 จัตุรัสเทียนอันเหมินได้ถูกขยายขนาดขึ้นเป็น 257 ไร่ จุคนได้ 2 ล้านคน กลายเป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก และป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองจีนมากมาย รอบ ๆ จึงมีทั้งที่ว่าการ พิพิธภัณฑ์ และอนุสาวรีย์วีรชนตั้งอยู่ สป็อตนี้เราใช้เวลาไม่นานแค่แวะถ่ายรูปเอาฟีลว่ามาถึงปักกิ่งแล้วจริง ๆ
- Tian'anmendong Station
𝟎𝟎𝟔 𝐆𝐮𝐛𝐞𝐢 𝐖𝐚𝐭𝐞𝐫 𝐓𝐨𝐰𝐧
จุดสำหรับสายคอนเทนต์ที่แท้ทรู ‘𝐆𝐮𝐛𝐞𝐢 𝐖𝐚𝐭𝐞𝐫 𝐓𝐨𝐰𝐧’ หมู่บ้านกู๋เป่ยสุ่ยเจิ้น สถานที่ที่เหมือนหลุดไปในหนังจีนกำลังภายใน แต่ที่นี่ไม่ใช่หมู่บ้านเก่าแก่แต่อย่างใด แต่เป็นการสร้างขึ้นใหม่ (เหมือนเมืองโบราณบ้านเรา) ด้วยโลเคชันที่โอบล้อม Mandarin Duck Lake อยู่ใกล้กับกำแพงเมืองจีนด่านซือหม่าไถและมีแม่น้ำกู๋เป่ยไหลผ่านจึงมีทัศนียภาพที่งดงาม บวกสถาปัตยกรรมทางตอนเหนือ สมัยราชวงศ์ชิงตอนปลายก็ยิ่งปังเข้าไปใหญ่ เน้นใช้โครงสร้างสมจริงทั้งรูปทรงสะพานโค้งตัดลำคลอง บ้านริมน้ำ ถนนหนทางใช้วัสดุอิฐ หิน และไม้ หากใครอยากดื่มด่ำก็สามารถเช่าเรือพายโบราณพาชมเมืองได้
บัตรเข้าชมเมืองกู๋เป่ยสุ่ยเจิ้น + บัตรเข้ากำแพงเมืองจีน + กระเช้าขึ้นกำแพงเมืองจีน (ขาไปและกลับ) ราคา 280 หยวน (1,385 บาท) วิธีการซื้อตั๋ว สามารถ walk in ไปซื้อห้องตั๋วด้านหน้าทางเข้าเมืองกู๋เป่ยสุ่ยเจิ้นได้เลย
𝟎𝟎𝟕 𝐒𝐢𝐦𝐚𝐭𝐚𝐢 𝐆𝐫𝐞𝐚𝐭 𝐖𝐚𝐥𝐥
สป็อตระดับตำนานกับ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่อยู่ใกล้หมู่บ้านโบราณมากที่สุดคือ ‘𝐒𝐢𝐦𝐚𝐭𝐚𝐢 𝐆𝐫𝐞𝐚𝐭 𝐖𝐚𝐥𝐥’ กำแพงเมืองจีนด่านซือหม่าไถ จุดสุดปังของกำแพงเมืองจีน เพราะเป็นแห่งเดียวที่ยังคงสภาพเดิมตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง มีความยาวถึง 5.6 กิโลเมตร บนความสูงชันของแนวภูเขาซึ่งแม้จะเดินอยู่บนกำแพงหินแต่ก็ขอแนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบที่เดินสบาย ๆ มาเผื่อด้วย เพราะบางช่วงจะมีความชันและขรุขระสะดุดง่าย แต่บอกเลยว่าสองข้างทางคือสวยงามยิ่งใหญ่สมมง หากใครนอนค้างในหมู่บ้านกู๋เป่ยสุ่ยเจิ้นแนะนำให้ลองมาเดินตอนกลางคืนเขาจะเปิดไฟส้มไปตามทางได้ไวบ์โรแมนติกไปอีกแบบด้วย
𝐃𝐚𝐲 𝟒
𝟎𝟎𝟖 𝐓𝐢𝐚𝐧𝐭𝐚𝐧 𝐓𝐞𝐦𝐩𝐥𝐞 𝐨𝐟 𝐇𝐞𝐚𝐯𝐞𝐧
ที่นี่เราสามารถ connect กับสวรรค์ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณ 𝐓𝐢𝐚𝐧𝐭𝐚𝐧 𝐓𝐞𝐦𝐩𝐥𝐞 𝐨𝐟 𝐇𝐞𝐚𝐯𝐞𝐧 สถานที่บวงสรวงสวรรค์ที่สร้างขึ้นสมัยราชวงศ์หมิงและใช้ต่อเนื่องมาถึงราชวงศ์ชิง ผ่านมานานกว่า 600 ปี ที่นี่ก็ยังแสนตระการตา กับพื้นที่กว้างถึง 2.73 ล้านตารางเมตร ห้อมล้อมไปด้วยตำหนักอันงดงามจนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งแต่ก่อนการทำพิธีที่นี่ถือเป็นการมูเตลูครั้งใหญ่ของประเทศ ที่สร้างขวัญกำลังใจแก่ปวงประชา ในเรื่องการทำเกษตร ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สร้างความอยู่เย็นเป็นสุข โดยจะมีการทำพิธีปีละ 2 ครั้ง ไฮไลต์คือตำหนักฉีเหนียนเตี้ยน อาคารทรงกลมที่ทำจากไม้ มีเสาต้นใหญ่รวม 28 ต้น พร้อมงานสลักอันงดงามสื่อความหมายทุกกระเบียดนิ้ว แสดงความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์สมัยนั้นได้อย่างดี
- Tiantan Dongmen Station
- 34 หยวน (170 บาท)
𝟎𝟎𝟗 𝐓𝐡𝐞 𝐅𝐨𝐫𝐛𝐢𝐝𝐝𝐞𝐧 𝐂𝐢𝐭𝐲
ใครเป็นแฟนซีรีส์จีนแนะนำให้เช่าชุดพร้อมเมคอัพเตรียมตัวเป็นองค์หญิงมาเดินถ่ายรูปตามรอยซีรีย์ได้เลยฟิน ๆ ที่ ‘𝐓𝐡𝐞 𝐅𝐨𝐫𝐛𝐢𝐝𝐝𝐞𝐧 𝐂𝐢𝐭𝐲’ ยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือจนต้องร้องขอชีวิตตั้งแต่ทางเดินเข้า จนอยากจะส่งขันทีสมัยนั้นไปแข่งวิ่งมาราธอน แข่งเดินเร็วคงได้แชมป์โอลิมปิกมาครองแน่นอน เพราะเขาต้องทำงานอยู่ในพื้นที่ขนาด 720,000 ตารางเมตรนี้ ผังของพระราชวังต้องห้ามนั้นเป็นระเบียบเรียบร้อย ประกอบด้วยอาคาร 980 หลัง เชื่อว่าแต่ก่อนสามารถแบ่งห้องได้ถึง 9,999 ห้อง ซึ่งถือเป็นเลขมงคลของจีน แต่ละจุดหลัก ๆ เราจะเห็นการตกแต่งสุดวิจิตร งานสลักอันแสนบรรจง พร้อมหลักฮวงจุ้งปัง ๆ ที่แอบซ่อนอยู่ทุกจุด ทั้งป้องกันภัย เสริมบารมี เรียกทรัพย์สิน ใครเป็นสายประวัติศาสตร์รับรองว่าฟินแน่นอน
- Tian'anmen West หรือ Tian'anmen East
- 60 หยวน (300 บาท)
- จองล่วงหน้าผ่าน https://bookingticket.dpm.org.cn/
𝟎𝟏𝟎 𝐉𝐢𝐧𝐠𝐬𝐡𝐚𝐧 𝐏𝐚𝐫𝐤
สำหรับมุมจึ้ง ๆ ที่ใครมาพระราชวังต้องห้ามจะต้องแวะเก็บภาพสักแชะอยู่ที่ ‘𝐉𝐢𝐧𝐠𝐬𝐡𝐚𝐧 𝐏𝐚𝐫𝐤’ สวนสาธารณะที่มีเนินเขาจิงซ่านตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพระราชวัง บริเวณยอดเขาตรงกลางถือเป็นจุดสูงสุดของปักกิ่ง จากบนนี้เราจะได้เห็นวิวพระราชวังต้องห้ามจากมุมสูงอย่างเต็มตา แต่ที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นคือประวัติ เพราะภูเขาที่เรายืนอยู่สร้างขึ้นโดยน้ำมือมนุษย์ เพื่อบังกระแสลมเหนือให้แก่พระราชวัง มียอดเขาทั้งหมด 5 ยอด แทนธาตุทอง ดิน น้ำ ไม้ ไฟ พอเราได้หามุมหลบแดดแล้วมองไปรอบ ๆ ก็จะเห็นผู้คนมาเดินเล่น บ้างซ้อมดนตรี ร้องเพลงประสานเสียง ดูมีชีวิตชีวา บวกกับความเขียวสบายตาแล้วมันชิลเกินต้านจริง ๆ
𝟎𝟏𝟏 𝐖𝐚𝐧𝐠𝐟𝐮𝐣𝐢𝐧𝐠 𝐏𝐞𝐝𝐞𝐬𝐭𝐫𝐢𝐚𝐧 𝐒𝐭𝐫𝐞𝐞𝐭
จบค่ำคืนสุดท้ายด้วยการเอาใจสายชอปที่ ‘𝐖𝐚𝐧𝐠𝐟𝐮𝐣𝐢𝐧𝐠 𝐏𝐞𝐝𝐞𝐬𝐭𝐫𝐢𝐚𝐧 𝐒𝐭𝐫𝐞𝐞𝐭’ ย่านธุรกิจอันยิ่งใหญ่ของปักกิ่งที่มีประวัติยาวนานกว่า 700 ปี บนความยาว 1.6 กิโลเมตรนี้คึกคักไปด้วยผู้คนตั้งแต่กลางวันจนถึงกลางคืน นอกจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร้านค้าแบรนด์ดัง อาทิ ZARA Nike Popmart แบรนด์สินค้าจีน สตรีทฟู้ดแล้ว ยังมีเช็กอินสป็อตให้เราได้เที่ยวชม อย่าง St. Joseph's Cathedral โบสถ์คาทอลิกอันโอ่อ่าที่สร้างขึ้นในสไตล์ Neo-Romanesque ถือเป็นโบสถ์เก่าแก่อันดับสองของเมือง ก็เป็นจุดที่ไม่ควรพลาด
- Wangfujing Station
𝐃𝐚𝐲 𝟓
𝟎𝟏𝟐 𝐁𝐞𝐢𝐣𝐢𝐧𝐠 𝐜𝐢𝐭𝐲 𝐋𝐢𝐛𝐫𝐚𝐫𝐲
วันสุดท้ายขอปักหมุดที่ปัง ๆ เน้นทำคอนเทนต์กันสักหน่อยอย่าง ‘𝐁𝐞𝐢𝐣𝐢𝐧𝐠 𝐜𝐢𝐭𝐲 𝐋𝐢𝐛𝐫𝐚𝐫𝐲’ ห้องสมุดสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำออกมาได้สวยตาแตกจนต้องร้องว้าวทุกย่างก้าว ไฮไลต์คือฟอรัมต้อนรับที่สูงกว่า 16 เมตร รอบด้านเป็นกระจกให้รับแสงธรรมชาติอย่างทั่วถึง มีบันไดทอดยาวเป็นเส้นคดโค้ง ล้อกับฟอร์มของหุบเขา ท่ามกลางความเงียบสงบของผู้คนที่ตั้งใจมานั่งอ่านหนังสือ ในนี้เหมือนเป็นโลกอีกใบที่ตัดขาดจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง แถมการออกแบบของเขายังเน้นความยั่งยืนพยายามลดคาร์บอนคำนึงทั้งเรื่องแสงสว่าง ระบบควบคุมเสียง การเก็บน้ำฝน และระบบไฟฟ้าแบบโซลาร์เซลล์ ถูกใจสาย eco อย่างเราสุด ๆ
อ๊ะๆ ต้องขอย้ำไว้เลยว่า ไปถ่ายรูปแล้วต้องช่วยกันรักษาความสงบด้วยน้า เคารพกฎและคนที่มาอ่านหนังสือกันด้วยล่ะ
- เราเดินทางด้วยการเรียก DiDi สามารถนั่งรถบัสมาได้เช่นกัน ดูสายรถบัสที่แอปฯ Baidu Maps ได้เลย
𝟎𝟏𝟑 𝐐𝐢𝐚𝐧𝐦𝐞𝐧 𝐒𝐭𝐫𝐞𝐞𝐭
ที่นี่เราเห็นคนนิยมมาตอนกลางคืน แต่ความจริงกลางวันแบบนี้ก็เที่ยวได้เหมือนกัน ‘𝐐𝐢𝐚𝐧𝐦𝐞𝐧 𝐒𝐭𝐫𝐞𝐞𝐭’ อีกชอปปิงสตรีทโบราณที่มีเรื่องราวยาวนานกว่า 570 ปี ตลอดระยะทาง 840 เมตร ถูกประกบด้วยอาคารทรงคลาสสิกสมัยปลายราชวงศ์ชิง เดิมเป็นตลาดเครื่องประดับ เสื้อผ้า ไปจนถึงตลาดขายเนื้อ ปัจจุบันก็ยังคงเป็นแหล่งค้าขายเช่นเดิมแต่ร้านรวงออกจะโกลบอลขึ้น มีร้านคราฟต์ขายของแฮนด์เมด พร้อมร้านอาหารพื้นเมืองอย่างเป็ดปักกิ่งรสเลิศที่สายกินจะต้องตาวาว แถมราคายังน่ารักน่าคบหาอีกด้วย
- Qianmen Station
𝟎𝟏𝟒 𝐁𝐞𝐢𝐣𝐢𝐧𝐠 𝐗𝐢𝐧𝐪𝐢𝐚𝐨 𝐇𝐨𝐭𝐞𝐥
ทุกค่ำคืนในปักกิ่งเราเลือกพักที่ ‘𝐁𝐞𝐢𝐣𝐢𝐧𝐠 𝐗𝐢𝐧𝐪𝐢𝐚𝐨 𝐇𝐨𝐭𝐞𝐥’ โรงแรมใจกลางเมืองที่หลับสบายเต็มตา ตื่นสดชื่นทุกเช้า ถ้าเป็นสายชิลก็สามารถเดินเที่ยวรอบ ๆ ไปยังพระราชวังต้องห้าม จัตุรัสเทียนอันเหมิน และ Wangfujing ได้เลย หรือจะนั่งรถไฟฟ้าก็ไม่ติดเพราะอยู่ใกล้กับรถไฟใต้ดินด้วย ภายในมีล็อบบีอันหรูหรา ฟิตเนสพร้อม ร้านอาหารจีนอร่อยมาก และห้องนอนมีให้เลือกหลายแบบหลายดีไซน์ จะมาเป็นคู่ มาเป็นครอบครัวก็ตอบโจทย์ได้หมด
สามารถจองโรงแรมผ่าน Booking.com ได้เลยน้า
- Xinqiao Station
- คืนละ 2,900 บาท
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่