แอสโตไฟตัม "นูดัม" จากทะเลทรายสู่ไม้ประดับยอดนิยม ออกดอกง่าย สวยไม่แพ้สายพันธุ์อื่น
วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับกระบองเพชร หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ "แคคตัส" สายพันธุ์ "แอสโตรไฟตัม" กันค่ะ ซึ่งสกุลแอสโตรไฟตัม (Astrophytum) เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์กระบองเพชรที่ได้รับความนิยมปลูกในประเทศไทย และมีการแตกแขนงสายพันธุ์มากมาย จึงทำให้มีรูปทรงและลวดลายที่สวยแปลกตาอยู่เรื่อยๆ มีที่นิยมเลี้ยงและขยายพันธุ์กันมากจะเป็นชนิดที่ไม่มีหนามอย่าง แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส (A.asterias) และ แอสโตรไฟตัม ไมริโอสตริกมา (A.myriostigma) ซึ่งแอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส จะมีชื่อเรียกกันตามลักษณะ ดังนี้ KABUTO (คาบุโตะ), SUPER KABUTO (ซูเปอร์คาบุโตะ), V-TYPE (วีไทป์), NUDUM (นูดัม), HANAZONO (ฮานะโซโนะ), RENSEI (เรนเซ), OOIBO (โออิโบะ), KIKKO (กิ๊กโกะ), EKUBO (คุโบะ), FUKURYU (ฟุคุริว), FUKURYO (ฟุคุเรียว), SNOW (สโนว์), STAR SHAPE (สตาร์ เชฟ) และเราจะขอแนะนำสายพันธุ์ "นูดัม" ให้ทุกคนได้ชมกันค่ะ
ลักษณะของต้น :: ลักษณะที่โดดเด่นของต้นคือ ผิวสีเขียวเข้มสด ผิวของต้นเกลี้ยง ไม่มีลาย หรือจุดสีขาวบนต้น และไม่มีหนามด้วยค่ะ (ได้น้องมาเมื่อตอน 17 พฤษภาคม 2024)
น้องอยู่ในกระถางเล็ก จึงทำการเปลี่ยนกระถางใหม่ให้ (25 พฤษภาคม 2024) การเปลี่ยนกระถางให้ใหญ่ขึ้น จะช่วยให้ต้นไม่ชะงักการเจริบเติบโต หากปล่อยไว้นาน รากแน่น ความชื้นไม่พอจะทำให้โคนต้นยุบได้ง่าย และหากรากไม่มีการกระตุ้นหรืออ่อนแอ อาจจะโดนโรค หรือศัตรูพืช รุมเร้าได้ง่ายนะคะ
- ดิน :: ใช้ดินที่ไม่ชุ่มน้ำ ระบายความชื้นได้ดี ช่วงหน้าฝนต้องระวังไม่ให้ดินมีความชื้นมาก เพราะจะเกิดคราบน้ำโคนต้น หรือโรคที่เกิดจากแบคทีเรียบางอย่างได้ (สำหรับโบว์ใช้ดินเพาะปลูกแคคตัสโดยตรงเลยค่ะ)
- การให้น้ำ :: รดน้ำเมื่อดินแห้งหรือ 5-7 วัน ต่อหนึ่งสัปดาห์
- แสงแดด :: แอสโตร เป็นไม้ที่ค่อนข้างชอบชื้นกว่า กระบองเพชรทั่วไป ไม่ชอบแดดแรง หากเลี้ยงแดดจัดจะทำให้ผิวไหม้ง่ายและไม่เป็นสีเขียวใส ฉะนั้นการเลี้ยงจึงควรพรางแสงด้วยสแลน หรือเป็นแดด 60-70% จะทำให้มีผิวที่สวยไม่กร้านแดด แนะนำแดดช่วงเช้าไม่เกิน 11 โมงค่ะ
- ลักษณะของดอก :: ดอกปุย จะเป็นตุ่มขึ้นบนผิวต้นเป็นสีขาว ดอกมีเรื่อยๆในทุกฤดู แต่จะมากในฤดูร้อน ส่วนดอกที่ชูยอด มักจะบานในช่วงเที่ยง-บ่าย และหุบตอนเย็น ดอกบานนาน 1-3 วันก็จะโรย ดอกที่พบ มักจะมีสีเหลืองส่วนใหญ่ แต่จะมีพบเป็นสีชมพูหรือชมพูโทนแดงได้ด้วย แต่จะค่อนข้างหายากกว่าสีเหลือง และจะมีชื่อเรียก ดอกสีชมพูโทนแดงว่า AKABANA (อคาบานะ) ในด้านกลีบดอกจะยาวกว้างปลาย ขอบกลีบดอกเรียบ หากมีหยักหรือริ้ว จะเรียกว่า ดอกขนนก ซึ่งจะหาได้ยาก ดอกที่มีลักษณะแปลก และพบได้ยากอีกแบบคือ ดอกชินโชวะ (Shinshowa) ลักษณะของกลีบดอกจะเล็กเรียวเป็นเส้นฝอยค่ะ
ส่งต่อความสวยงามและสดชื่นในทุกวันค่ะ (ถ่ายช้าไปหน่อย น้องออกดอกมา 2 วันแล้ว)
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านมีความสุขและสนุกกับการเลี้ยงแอสโตรไฟตัม "นูดัม" นะคะ เอาไว้มีโอกาส จะมารีวิวสายพันธุ์อื่นของแอสโตรไฟตัมให้เพื่อนๆได้ชมกันนะ
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่