Kawaguchiko 2 days 1 night
Kawaguchi lake 1 ในจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวกับภูเขาไฟฟูจิ landmark ยอดฮิตของประเทศญี่ปุ่น ที่ใครมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วขอบอกว่าห้ามพลาด จากภาพถ่ายว่าสวยแล้ว แต่ถ้าได้มาสัมผัสจริงๆคือสวยกว่าในรูปมากกกก
วันนี้พวกเราเลยขอมาบอกต่อแพลนเที่ยวและจัดถ่ายรูปปังๆให้กับเพื่อนๆที่มีแพลนไปเที่ยว Kawaguchiko สามารถไปปรับแพลนให้เข้ากับแพลนเที่ยวของทุกคนได้เลยน้า
การเดินทางข้ามโซน
การเดินทางจาก Tokyo ไปยัง Kawaguchiko เท่าที่เราหาข้อมูลมาจากหลายๆแหล่ง ก็มีด้วยกัน 4 วิธี
- รถไฟขบวน Fuji Excursion: 2 hrs วิ่งตรงจาก Shinjuku (ราคา 4,130 yen/เที่ยว) ปล. ต้องจองที่นั่งไปก่อน โบกี้ 1-3
- นั่งรถบัสจากท่ารถ Shinjuku Expressway Bus terminal or Shibuya Mark city highway bus terminal: 1.45 hrs (ราคา 2,000 yen/เที่ยว)
- นั่งรถไฟธรรมดา (Fuji Kyuko Railway) 2-3 ต่อ (ราคา 2,500-3,530 yen/เที่ยว)
- เช่ารถ (ราคาประมาณ 7,000 yen+ ไม่รวมน้ำมัน)
ด้วยความที่เราอยากจะลองเดินทางทั้งแบบรถบัสและรถไฟ เราเลยตัดสินใจที่จะขึ้นรถบัสในขาไป และขึ้นรถไฟขบวน Fuji Excursion ตอนขากลับจาก Kawaguchiko
สำหรับขาไป: ด้วยความที่เป็นตั๋ว Fix เวลา เราเลยเลือกที่จะไปจองตั๋วเอาหน้างาน เพราะกลัวตื่นสาย + กลัวเสียเวลาเดินทางจากที่พักมา Shinjuku Expressway Bus terminal (ชั้น 4) มากกว่าคิด
ข้อสรุปหลังจากที่ไปมาคือ ควรจองตั๋วไปล่วงหน้าจากเว็บไซด์ดีกว่า เพราะตอนเราไปจองหน้างาน ปรากฏว่าช่วงเช้าตั๋วเต็มหมด ได้รอบอีกทีคือตอนบ่ายๆ กว่าจะถึง Kawaguchiko ก็คือเกือบเย็น เสียเวลาฟรีๆไปครึ่งวัน เราเลยเลือกที่จะเดินทางแบบรถไฟธรรมดาแทน
สำหรับขากลับ : เราจองตั๋วรถไฟ Fuji Excursion ผ่านเว็บด้านล่าง ถ้าไม่ได้ซื้อ Pass ต่างๆแบบเรา พอกดเข้าไปให้ไปที่ Customers not using a pass > purchase tickets > เลือก Station ที่เราต้องการ > ระบบก็จะแสดงรอบรถไฟให้เราเลือก
https://www.eki-net.com/.../jreast-train.../Top/Index
อันนี้เป็นข้อมูล Fuji Excursion ที่เขาอธิบายไว้ละเอียดอยู่ มีประโยชน์มากๆ
https://chvel.life/.../travel-japan-kawaguchiko-fuji.../
สามารถรับตั๋ว Fuji Excursion ล่วงหน้าได้ที่ JR East ตอนนั้นเรารับตั๋วมาตั้งแต่สนามบิน Narita (รับที่ Counter พนักงานนะ รับกับตู้ไม่ได้)
สำหรับขาไป : เนื่องจากตั๋วรถบัสช่วงเช้าที่เต็ม เราเลยตัดสินใจเดินทางโดยรถไฟแบบธรรมดา (Fuji Kyuko Railway) แทน
พอเข้ามาในสถานี Shinjuku ให้เรามองหา Chuo line (Limited express) platform 10 หลังจากนั้นก็มองหาตู้ขายตั๋ว และกดเลือกจองตั๋วจาก Shinjuku ไป Otsuki (ราคาประมาณ 1,020 yen/เที่ยว)
ส่วนจากสถานี Otsuki ไปยัง Kawaguchiko ราคาตั๋ว 1,160 yen/เที่ยว + ต้องจ่ายเพิ่มก่อนออกอีก 600 yen โดยแตะบัตรตัดเงินจาก Suica card
หมายเหตุ : รถไฟจาก Otsuki - Kawaguchiko จะมีชื่อว่า The Fujisan View Express โดยตู้เบอร์ 1 จะเป็น First class ส่วนตู้เบอร์ 2-3 เป็นแบบปกติ ซึ่งถ้าอยากเห็นฟูจิชัดๆระหว่างทาง ให้นั่งด้านซ้ายนะ
การฝากสัมภาระ
เราเลือกฝากกระเป๋าที่ Tokyo Tourist information center ชั้น 3 ซึ่งเป็นตึกเดียวกับ Shinjuku Expressway Bus terminal ที่อยู่ชั้น 4
ค่าฝากกระเป๋าประมาณ 600 yen/วัน ถ้าค้างคืนคือ 2 วัน จะเท่ากับ 1,200 yen (กระเป๋าขนาดไหนก็ได้ ซึ่งต่างจาก locker ตามสถานีที่กระเป๋าขนาดใหญ่บางใบเข้าไม่ได้
ปล. ที่นี่มี subway ticket ขายด้วย ราคาปกติเท่าที่ซื้อจาก online หรือในสถานีรถไฟ
รายละเอียดการฝากสัมภาระที่ Tourist information ใน Shinjuku Expressway Bus terminal ที่อยู่ชั้น 3
ด้านในของรถไฟสายพิเศษ Fujisan View Express ที่วิ่งระหว่าง Otuski - Kawaguchiko
วิวบนรถไฟระหว่างการเดินทางจากสถานี Otuski มุ่งหน้าสู่ Kawaguchiko
การเดินทางใน Kawaguchiko
การเดินทางหลักๆของที่นี่ก็จะเป็นรถบัส หรือ ใครอยากเช่ารถก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน
ส่วนตัวเราเลือกที่จะเดินทางโดยรถบัสเป็นหลัก โดยตอนที่เราไป ตั๋วแบบเหมาจ่าย 2 วัน จะมีให้แค่รูปแบบเดียวคือ ตั๋วที่ครอบคลุมทั้ง 3 สาย (Red / Green / Blue) ในราคา 2,000 yen/2 วัน
- Red-line: รอบทะเลสาบ Kawaguchiko
- Green-line: รอบ Saiko
- Blue-line: รอบ Motosuko
รถบัสที่นี่จะวิ่งแค่ประมาณ 19.00-20.00 หลังจากนั้นจะต้องเดินหรือปั่นจักรยานเอา (ถ้าระยะทางใกล้ๆ) หรือ ใช้บริการ Taxi (ถ้าระยะทางไกล) ปล. เมืองนี้ Taxi แอบน้อยนะ เราเคยรอ Taxi ที่สถานี Kawaguchiko เพื่อกลับที่พัก คือ ต้องยืนต่อคิวท่ามกลางลมหนาวๆเป็นชั่วโมง บอกตรงๆว่าแอบคิดถึงการเช่ารถขับแทนเลย
- สถานีรถไฟคาวากูจิโกะ
- Lawson Kawaguchikoeki-mae
- ถ่ายรูปตาม bus stop สาย red line
- Oishi Park Cafe
- ร้าน tempura identen
ด้วยการที่เรามาถึง Kawaguchiko ประมาณ 13.00 เราเลยเลือกที่จะเดินทางแค่ Red line bus ซึ่งขับรอบๆ Kawaguchiko lake แทน
หมายเหตุ : สำหรับตารางเวลาของรถบัส เราสามารถดูได้จากแผ่นพับที่เขาให้มาตอนซื้อตั๋วก็ได้นะ แต่เรารู้สึกว่า ถ้าช่วงที่มีคนมาเที่ยวเมืองนี้เยอะๆ รถบัสจะมาแต่ละป้ายไม่ค่อยตรงเวลาเท่าไหร่ เราเลยเปิด google map เพิ่มอีกทาง
Lawson Kawaguchikoeki-mae
Oike Park
Cottage Tozawa Center - Parking lot
Oishi Park Cafe
เราพักใกล้ Bus stop 5: Kawaguchiko herb hall ชื่อที่พัก Shiki no Yado Fujisan คือเป็นที่พักที่อาจจะดูเก่า แต่ถ้าพูดถึงทำเลคือดี ส่วนราคาก็จับต้องได้เลย และที่สำคัญบางห้องยังสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิจากที่นอนได้เลยนะ
ในช่วงเย็น เราเลือกไปทานข้าวกันที่ Fuji tempura idaten (ฟูจิยามะ เทมด้ง) ร้านข้าวหน้ากุ้งทอดเจ้าดังของที่นี่ กุ้งหวาน แป้งกรอบไม่อมน้ำมัน ให้เยอะจริง ส่วนข้าวและซุปก็คือไปตักเติมเองได้ไม่อั้น
- เวลาเปิด-ปิด : 11.00-20.00 (แต่แนะนำให้ไปก่อนเวลาปิด 1-2 ชม.นะ เพราะเรารู้สึกว่าร้านอาหารญี่ปุ่นมักจะปิดก่อนเวลา)
- ร้าน Hirai Kiosk
- Oike Park
- เมือง Fujiyoshida
- Oshino Hakkai Village
เนื่องจากเราจะต้องไปขึ้นรถไฟที่ Kawaguchiko ไปยังหมู่บ้านน้ำใส
อาหารเช้าเราเลยแวะทานที่ร้านชื่อ Hirai Kiosk อยู่ตรงข้าม Kawaguchiko station ซึ่งร้านจะอยู่ชั้น 2 เห็นวิวฟูจิด้วยนะ อาหารรสชาติดีเลย กินไปชมวิวไป คือฟินนน (ร้านเปิด 11.00)
จุดฝากกระเป๋าใกล้สถานี Kawaguchiko
- สำหรับใครที่อยากฝากกระเป๋า ด้านล่างของตึกเป็นร้านขายของ + รับฝากกระเป๋า 500 yen/ใบ
- ส่วนถ้าเป็นจุดฝากในตัวสถานี แถวๆห้องน้ำ ราคาประมาณ 800 yen/use
- แต่ถ้าคิดว่าแพงให้เดินเลี้ยวซ้ายจากสถานี จะเป็นจุด Locker ฝากของ 300 yen/use
การเดินทาง
การเดินทางจากสถานี Kawaguchiko station ไปยัง Oshino Hakkai (หมู่บ้านน้ำใส) โดยขึ้นรถบัสสาย F-line (A1) ที่ Platform 5 ได้เลย ราคาประมาณ 560 yen ลง Bus stop 126
- Oshino Hakkai หรือหมู่บ้านน้ำใส
ตั้งอยู่ใกล้ๆกับ Kawaguchi lake เป็น 1 ในแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ที่ว่ากันว่าน้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา คือไม่เกินจริง เพราะน้ำที่นี่ใสมากกกกกชนิดที่ว่าเห็นปลาที่ว่ายอยู่แบบชัดแจ๋ว โดยน้ำใสๆที่เห็นกันนี้มาจากการละลายของหิมะบนภูเขาไฟฟูจิ โดยชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ สามารถดื่มได้
บรรยากาศภายในหมู่บ้านก็จะมีความเป็นหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ มีวิวภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง และรอบๆหมู่บ้านก็มีซุ้มของกิน ของใช้ให้เราได้ช้อปปิ้งกันจนพุงกางเลยด้วย
อีก 1 ไฮไลท์ของที่นี่คือบริเวณทางเดินก่อนเข้ามาในตัวหมู่บ้านที่จะมีลำธารเล็กๆ และรายล้อมไปด้วยต้นซากุระ 2 ข้างทาง คือถ้าใครมาช่วงที่ซากุระ full bloom ละก็ขอบอกเลยว่าคงฟินมากๆ แต่เสียดายที่ตอนเราไปยังไม่ใช่ช่วง full bloom แต่แค่มโนภาพตามก็ฟินแล้วอ่ะ
Kanadorii Gate for Mt.Fuji
เสาโทริอิ ซึ่งเป็นซุ้มประตูขนาดใหญ่ที่ถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของญี่ปุ่น โดยเสานี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1956 และถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการต้อนรับกลุ่มนักเดินทางที่จะมาเพื่อพิชิตยอดเขาฟูจินั่เอง
หลังจากเดินเล่นในหมู่บ้านน้ำใสจนเต็มอิ่ม เราก็นั่งรถบัสเข้ามาในเมือง Fujiyoshida โดยลงป้ายรถบัส Kanadoriikoen-mae และเดินต่ออีกประมาณ 1.2 kms เพื่อมายัง Shimoyoshida Honcho Street (Fuji Scenic View) มุมมหาชนที่เป็นถนนพุ่งตรงเข้าสู่ภูเขาไฟฟูจิ
พิกัด : อยู่แถว Hostel Saruya หรือ อยู่ตรงข้ามร้านกาแฟชื่อ FabCafe Fuji
https://maps.app.goo.gl/jpr7aUNJETJci1G26?g_st=ic
สำหรับใครที่นั่งรถไฟมาจาก Kawaguchiko station ก็ให้ลงสถานี Shimoyoshida station และเดินต่ออีกประมาณ 550 m
ขากลับไปสถานี Kawaguchiko เราก็ไปขึ้นรถไฟที่ Shimoyoshida station โดยนั่งรถแบบ express ค่าตั๋ว 1,100 เป็นค่าแรกเข้า แล้วใช้บัตร suica จ่ายเพิ่มอีก 350 yen เป็นค่าเดินทาง
สุดท้ายเราก็เดินทางกลับด้วยรถไฟ Fuji Excursion ที่จองไว้ตั้งแต่แรก นั่งประมาณ 2 ชม. ก็ถึงสถานี Shinjuku ไม่ต้องเปลี่ยนรถไฟให้เสียเวลา ปล. เสียดายตอนกลับเราไม่เห็นฟูจิผ่านวิวจากรถไฟเลย ไม่รู้ว่าน้องขี้อาย หรือขากลับจะอยู่คนละทิศกับฟูจิ ใครรู้ comment บอกมาได้นะ
ที่พัก : Shiki No Yado Mt.Fuji
ส่วนใครจะมาแบบ 1 Day trip แนะนำว่าให้เช็คสภาพอากาศก่อนมานิดนึง เพราะถ้าวันไหนฟ้าปิดน้องฟูจิก็จะขี้อายไม่โผล่ออกมาให้เห็นหน้า (link check ฟูจิในแต่ละวันแปะให้ในคอมเม้น)
รายละเอียดเพิ่มเติมใต้รูป
Live camera เช็คดูว่าแต่ละวันเห็นฟูจิมั้ย
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตาม
กติกา สามารถคลิก
แจ้งปัญหาได้ที่นี่