[รีวิว] Love and Monsters บุกป่าฝ่าดงมอนสเตอร์ไปหาเธอผู้เป็นนางในดวงใจ [Movie]
[Review] Love and Monsters [2020]
Love and Monsters ภาพยนตร์ Action Monster Adventure Post-Apocalypse ที่เดิมทีภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2021 โดย Paramount Picture แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทางสตูดิโอจึงตัดสินใจนำมาฉายลงทางวิดีโอออนดีมานต์และสตรีมมิ่งออนไลน์อย่าง Netflix แทน
- เขียนบทโดย Brian Duffield และ Matthew Robinson
- กำกับโดย Michael Matthews
นำแสดงโดย
- Dylan O’Brien (จากภาพยนตร์เรื่อง The Maze Runner ทั้ง 3 ภาค และ American Assassin) รับบทเป็น Joel Dawson
- Jessica Henwick (จากภาพยนตร์เรื่อง Star Wars: The Force Awakens และซีรีส์เรื่อง Iron Fist) รับบทเป็น Aimee
- Dan Ewing (จากภาพยนตร์เรื่อง Superman Returns และซีรีส์เรื่อง Power Rangers: RPM) รับบทเป็น Brooks “Cap” Wilkinson
- Michael Rooker (จากภาพยนตร์เรื่อง Guardians of the Galaxy ภาค 1 และ 2) รับบทเป็น Clyde Dutton
- Ariana Greenblatt (จากภาพยนตร์เรื่อง Avengers: Infinity War และ Scoob!) รับบทเป็น Minnow
- Ellen Hollman (จากซีรีส์เรื่อง Spartacus: Vengeance และ Spartacus: War of the Damned) รับบทเป็น Dana
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
ในวันหนึ่งได้มีการค้นพบดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่พุ่งตรงมายังโลก โดยดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ถูกตั้งชื่อว่า Agatha 616 มวลมนุษยชาติจากนานาประเทศจึงได้ร่วมมือกันระดมยิงจรวดเข้าใส่ดาวเคราะห์น้อย Agatha 616 นั้น โดยมุ่งหมายว่าจะสามารถที่จะทำให้มันระเบิดแตกเป็นเสี่ยง หรือเปลี่ยนวิถีการโคจรออกจากโลก
และถึงแม้ Agatha 616 นั้นจะระเบิดแตกสลายไปตามที่ตั้งใจไว้ แต่มันกลับส่งผลข้างเคียงที่เลวร้ายขึ้นมา เมื่อสารประกอบทางเคมีจำนวนมากที่อยู่ภายในจรวดที่ถูกส่งขึ้นไปถล่ม Agatha 616 นั้น ได้ตกลงมายังโลกและส่งผลกระทบต่อสัตว์เลือดเย็นทุกชนิดบนโลกให้เกิดการกลายพันธุ์ กลายเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์เข้ากัดกินมนุษย์โลกจนเสียประชากรไปจำนวน 95 เปอร์เซนต์ในหนึ่งปี
คนที่เหลือรอดอยู่ต่างก็กระจัดกระจายหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในสถานที่หลบภัยต่างๆ ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น ถ้ำ บังเกอร์หรือหลุมหลบภัย ซึ่งต่อมาสถานที่เหล่านี้ได้ถูกเรียกว่า โคโลนี
7 ปีต่อมา Joel Dawson (รับบทโดย Dylan O’Brien) หนุ่มน้อยสุดหงอที่มักจะตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกทุกครั้งที่เกิดความกลัว จนเขาไม่สามารถที่จะเผชิญหน้าต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาดต่างๆ ได้เลย จึงทำให้ในทุกๆ วัน โจเอล มักจะรู้สึกว่าที่โคโลนีแห่งนี้ไม่ใช่ที่ของตัวเขาเอง เหมือนเขาเป็นส่วนเกิน และไม่ได้มีประโยชน์ต่อเพื่อนในกลุ่มเลย
วันหนึ่งในขณะที่เขาได้รับการติดต่อพูดคุยกับ Aimee (รับบทโดย Jessica Henwick) แฟนสาวของเขาที่ได้พลัดพรากจากกันไปตั้งแต่วันแรกที่ทางกองทัพเริ่มทำสงครามกับเหล่าสัตว์ประหลาด ด้วยความรู้สึกที่เหมือนเป็นส่วนเกินในที่แห่งนี้ และด้วยความคิดถึงแฟนสาวถึงที่สุด เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินทางออกจากโคโลนีของเขาไปยังโคโลนีของ เอมี่ ที่อยู่ห่างไกลออกไปถึง 140 กิโลเมตร
และแล้วการผจญภัยของ โจเอล หนุ่มลูเซอร์กับการออกมาผจญโลกเพียงลำพังเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีก็เริ่มต้นขึ้น
ความรู้สึกหลังดูจบ
สนุกเกินคาดฮะ ตอนแรกยอมรับเลยว่าเกือบจะกดผ่านไปแล้ว ด้วยความที่ชื่อหนังชวนให้นึกถึงหนังเกรดบียังไงยังงั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจเหมือนกันที่ทำให้ลองกด Play ดู
โอ้โห ด้วยวิธีการเล่าในฉากเปิดเรื่อง ก็สร้างความน่าสนใจและชวนให้เรารู้สึกว่าต้องติดตามจนจบให้ได้
แม้หนังจะเดินเรื่องแบบสูตรสำเร็จก็ตามที แต่หนังมันก็มีเสน่ห์อะไรหลายๆ อย่างในตัวที่ชวนให้เราไม่รู้สึกเบื่อกับเรื่องราวที่นำเสนอมาเลย ทั้งการดีไซน์ตัวสัตว์ประหลาดแต่ละตัว คาแรคเตอร์แบบลูเซอร์ของพระเอก หุ่นยนต์ Mevls ที่ดูอบอุ่นซะเหลือเกิน และที่สำคัญที่สุดคือเจ้าหมาน้อยที่ชื่อ Boy เล่นดีมาก เป็นหนึ่งในตัวขโมยซีนเลยก็ว่าได้
สรุป >> ให้ 8 เต็ม 10 นะฮะ เป็นหนังฟีลกู๊ดที่เล่าเรื่องได้น่าติดตาม สามารถดูกันได้พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวเลยฮะ สนุก ตื่นเต้น ลุ้นระทึก และไร้พิษภัยมาก ฉากแอ็คชั่นก็มีบ้างตามสไตล์หนังต่อสู้เอาตัวรอดจากสัตว์ประหลาด แต่ก็ไม่ได้มีฉากใหญ่อลังการอะไรมากมายนัก
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่