[รีวิว] Extraction 2 (คนระห่ำภารกิจเดือด 2) แอ็คชั่นจัดหนักกว่าเดิม [Movie]
[Review] Extraction 2 (คนระห่ำภารกิจเดือด 2) [2023]
Extraction 2 (คนระห่ำภารกิจเดือด 2) งานภาคต่อของภาพยนตร์ Action สุดมันส์ ที่ยังคงได้ทีมงานชุดเดิมกลับมาสานต่อความมันส์อีกครั้ง (อ่านรีวิวภาคแรก คลิกที่นี่)
- เขียนบทโดย Joe Russo
- กำกับโดย Sam Hargrave
นำแสดงโดย
- Chris Hemsworth (จากบท Thor ของจักรวาล MCU และภาพยนตร์เรื่อง Men In Black: International) รับบทเป็น Tyler Rake
- Golshifteh Farahani รับบทเป็น Nik Kahn
- Adam Bessa รับบทเป็น Yaz Kahn
- Olga Kurylenko รับบทเป็น Mia
- Tinatin Dalakishvili รับบทเป็น Ketevan Radiani
- Andro Japaridze รับบทเป็น Sandro Radiani
- Tornike Gogrichiani รับบทเป็น Zurab Radiani
- Tornike Bziava รับบทเป็น Davit Radiani
- Idris Elba (จากภาพยนตร์เรื่อง Thor ทั้ง 4 ภาค, Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw และ The Suicide Squad) รับบทเป็น ผู้ว่าจ้าง
รับชมได้ทาง Netflix
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
หนังดำเนินเรื่องต่อจากภาคแรกทันที หลังจากที่ ไทเลอร์ ฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่าที่ทำให้เขาหลับยาวไปนานกว่า 9 เดือน ในระหว่างที่เขาทำการพักฟื้นอยู่นั้น เขาก็ได้รับการติดต่อจาก ผู้ว่าจ้าง ให้รับภารกิจในการเข้าไปช่วยเหลือ เคทเทเวน คุณแม่ลูกสอง (น้องสาวของ มีอา อดีตภรรยาของ ไทเลอร์) จากเรือนจำทกาชิริในจอร์เจียซึ่งถูกควบคุมโดย ดาวิท ราดีอานี สามีของเธอ และ ซูราบ ดาวิทอานี พี่ชายของเขา 2 หัวหน้าแกงค์นากาซีแกงค์อาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในจอร์เจีย
ไทเลอร์ ตัดสินใจรับงานนี้ โดยได้รับความช่วยเหลือจาก นิก และ แยซ 2 พี่น้องที่ร่วมทีมกับเขามานาน
ความรู้สึกหลังดูจบ
ยังคงรักษามาตรฐานความมันส์ไว้เช่นเคยฮะ แต่ในช่วงต้นเรื่องนี่ต้องยอมรับเลยว่าหนังเดินเรื่องเอื่อยๆ ไปหน่อยประมาณ 20 กว่านาทีเลยทีเดียว แต่หลังจากนั้นหนังก็เริ่มสตาร์ทความมันส์แบบนันสตอปกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับฉากแอ็คชั่น Long Take ที่เคยสร้างความฮือฮามาตั้งแต่ภาคแรก ซึ่งในภาคนี้พูดได้เต็มปากเลยว่าฉาก Long Take นี่เดือดกว่าภาคแรกเยอะเลยฮะ เป็น Long Take ที่มีความยาวถึง 20 กว่านาทีเลยฮะ (แม้จะเป็น Long Take ที่แอบๆ ใช้เทคนิคการตัดต่อแบบเนียน กับ CG มาช่วยก็ตาม)
จุดหนึ่งที่ดูจะแตกต่างจากภาคแรกก็คือในภาคนี้จะเปิดโอกาสให้ตัวละครอื่นในทีมของตัวละคร ไทเลอร์ ได้โชว์ศักยภาพในการสู้รบด้วย แทนที่จะไปเน้นฉากบู๊ลุยเดี่ยวของ ไทเลอร์ เหมือนที่ภาคแรกทำ ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีที่ช่วยให้หนังดูมีอะไรมากกว่าจะเป็นหนังแนวแอ็คชั่นฮีโร่ แถมยังมีการสอดแทรกซีนอารมณ์เพิ่มเข้ามาซึ่งช่วยให้หนังดูมีมิติมากขึ้น
นอกจากนี้การที่หนังเพิ่มตัวละครใหม่ที่รับบทโดย ไอดริส เอลบา เข้ามา แม้จะยังไม่รู้ว่าจะมีความสำคัญขนาดไหน และในภาคนี้ก็ทำหน้าที่คล้ายๆ กับ Mr. Nobody (ที่รับบทโดย Kurt Russell) ของจักรวาล Fast and Furious ในแง่ประมาณว่าหางานมาให้ทีมอ่ะฮะ ก็พอจะทำให้มีลุ้นได้ว่าน่าจะส่งผลต่อเฟรนไชส์ชุดนี้ให้กลายเป็นหนังที่มีสเกลใหญ่ขึ้นไปอีกในอนาคตอย่างแน่นอน (หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น)
ในส่วนของพลอตเรื่อง น่าจะเป็นความตั้งใจในการวางโครงเรื่องให้เข้าใจง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เดาทางง่าย เพื่อจะได้โฟกัสไปที่ฉากแอ็คชั่นได้อย่างเต็มที่
สรุป >> ให้ไป 7 เต็ม 10 ฮะ แม้จะมีฉากแอ็คชั่นที่เดือดและมีสเกลหนังที่ใหญ่ขึ้น แต่โดยรวมก็ยังไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากภาคแรก
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix, เว็บไซต์ Netflix
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่