[รีวิว] The Flash ฮีโร่เหนือแสงผู้เปิดประตูสู่จักรวาล ArrowVerse [Series]

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Flash
[Reivew] The Flash (วีรบุรุษเหนือแสง) [2014 – 2023]
The Flash (วีรบุรุษเหนือแสง) ซูเปอร์ฮีโร่ 1 ในทีม Justice League ตัวสำคัญของค่าย DC Comics จากผลงานของ Gardner Fox และ Harry Lampert โดยการดัดแปลงสู่เวอร์ชั่นทีวีซีรีส์ในปี 2014 นั้น ดำเนินการผลิตโดย Greg Berlanti, Andrew Kreisberg และ Geoff Johns ซึ่งเป็นทีมเดียวกับที่ดูแลงานผลิตทีวีซีรีส์เรื่อง Arrow ให้กับทางช่อง the CW
โดยก่อนที่จะมีซีรีส์เดี่ยวเป็นของตัวเอง ตัวละคร Barry Allen ได้มาเปิดตัวครั้งแรกในซีรีส์ Arrow ช่วง Season 2 Episode 8-9 ในฐานะนักนิติวิทยาธรรมดาคนหนึ่งที่ยังไม่ได้มีพลังพิเศษอะไร ดังนั้นจะเรียกได้ว่า The Flash คือภาค Spin-off ของซีรีส์เรื่อง Arrow ก็คงไม่ผิดนัก
นำแสดงโดย
- Grant Gustin (จากภาพยนตร์เรื่อง Affluenza) รับบทเป็น Barry Allen (The Flash)
- Candice Patton (จากซีรีส์เรื่อง The Game) รับบทเป็น Iris West
- Jesse L. Martin (จากซีรีส์เรื่อง the X-Files Season 6 ตอนที่ 19 “The Unnatural” และ The Philanthropist) รับบทเป็น Joe West
- Keiynan Lonsdale (จากภาพยนตร์เรื่อง The Divergent Series: Insurgent) รับบทเป็น Wally West (Kid Flash)
- Jessica Parker Kennedy (จากซีรีส์เรื่อง Smallville และ Black Sails) รับบทเป็น Nora West-Allen (XS)
- Danielle Panabaker (จากภาพยนตร์เรื่อง Friday the 13th เวอร์ชั่นปี 2009 และซีรีส์เรื่อง Shark) รับบทเป็น Caitlin Snow (Killer Frost / Frost / Khione)
- Carlos Valdes (จากภาพยนตร์เรื่อง Jersey Boys) รับบทเป็น Cisco Ramon (Vibe / Mecha-Vibe)
- Hartley Sawyer (จากซีรีส์เรื่อง Glory Daze) รับบทเป็น Ralph Dibny (Elongated Man)
- Danielle Nicolet (จากซีรีส์เรื่อง Stargate SG-1 และ Family Tools) รับบทเป็น Cecile Horton (Virtue)
- Kayla Compton (จากซีรีส์เรื่อง Making Moves) รับบทเป็น Allegra Garcia
- Brandon McKnight (จากภาพยนตร์เรื่อง The Shape of Water) รับบทเป็น Chester P. Runk
- Rick Cosnett (จากซีรีส์เรื่อง The Vampire Diaries) รับบทเป็น Eddie Thawne (Malcolm Gilmore / Cobalt Blue)
- Tom Cavanagh (จากภาพยนตร์เรื่อง Freddy vs. Jason และซีรีส์เรื่อง Ed) รับบทเป็น Harrison Wells (Eobard Thawne / Reverse-Flash)
- Matt Letscher (จากซีรีส์เรื่อง The Carrie Diaries) รับบทเป็น Eobard Thawne (Reverse Flash)
- Neil Sandilands (จากภาพยนตร์เรื่อง Proteus) รับบทเป็น Clifford DeVoe (The Thinker)
- Chris Klein (จากภาพยนตร์เรื่อง American Pie ไตรภาค และ Street Fighter: The Legend of Chun-Li) รับบทเป็น Orlin Dwyer (Cicada)
- Efrat Dor (จากซีรีส์เรื่อง Greenhouse Academy) รับบทเป็น Eva McCulloch (Mirror Monarch)
- Robbie Amell (จากภาพยนตร์เรื่อง Cheaper by the Dozen 2, American Pie Presents: Beta House และซีรีส์เรื่อง The Tomorrow People) รับบทเป็น Ronnie Raymond (Firestorm)
- Dominic Purcell (จากภาพยนตร์เรื่อง Mission: Impossible 2, Blade: Trinity และซีรีส์เรื่อง Prison Break) รับบทเป็น Mick Rory (Heat Wave)
- Wentworth Miller (จากซีรีส์เรื่อง Prison Break และภาพยนตร์เรื่อง Resident Evil: Afterlife) รับบทเป็น Leonard Snart (Captain Cold)
- Falk Hentschel (จากภาพยนตร์เรื่อง Knight & Day, StreetDance 2 และ Transcendence) รับบทเป็น Carter Hall (Hawkman)
- Ciara Renée (จากซีรีส์เรื่อง Law & Order: Special Victims Unit) รับบทเป็น Kendra Saunders (Hawkgirl)
- Casper Crump (จากภาพยนตร์สั้นเรื่อง Helium) รับบทเป็น Vandal Savage
มีทั้งหมด 9 Season นะฮะ (แต่ในบ้านเราตอนนี้ยังรับชมได้แค่ Season 1-8 ทางช่อง NETFLIX และ HBO Go นะฮะ)

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Flash
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ Barry Allen ที่ต้องสูญเสียคุณแม่ของเขาไปจากเหตุการณ์ฆาตกรรมตั้งแต่ที่เขายังเป็นเด็กอยู่ โดยในเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้คุณพ่อของเขาต้องกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีนั้นไป
แบร์รี่ จึงพยายามค้นหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความจริงที่ว่า คุณพ่อของเขาไม่ใช่ฆาตกร แต่เป็นอะไรบางอย่างที่เขาเองก็ยังไม่สามารถอธิบายได้

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Flash
แบร์รี่ ถูกนำไปฝากไว้กับ Joe West (รับบทโดย Jesse L. Martin) ตำรวจนักสืบประจำเมือง Central City ให้ช่วยเลี้ยงดู ซึ่ง โจ มีลูกสาวอยู่ 1 คนชื่อ Iris West (รับบทโดย Candice Patton) และด้วยความที่ ไอริส และ แบร์รี่ อยู่ในวัยที่ใกล้กัน จึงกลายเป็นเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่นั้น
15 ปีผ่านไป แบร์รี่ ได้เข้าทำงานในกรมตำรวจ Central City ในฐานะนักนิติวิทยา และในคืนวันหนึ่งขณะที่ฝนฟ้าคะนอง สถาบันวิทยาศาสตร์ S.T.A.R. Labs ซึ่งนำทีมโดย Dr. Harrison Wells (รับบทโดย Tom Cavanagh) ที่เป็นทั้งเจ้าของและนักวิทยาศาสตร์ระดับอัจฉริยะ พร้อมกับลูกน้อง/พนักงานของ สตาร์แลปส์ อย่าง Dr. Caitlin Snow (รับบทโดย Danielle Panabaker), Cisco Ramon (รับบทโดย Carlos Valdes) และ Ronnie Raymond (รับบทโดย Robbie Amell ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ Stephen Amell ที่เล่นเรื่อง Arrow) ได้ทำการทดลองยิงเครื่องเร่งอนุภาค แต่ในระหว่างนั้น เครื่องเร่งอนุภาคเกิดทำงานผิดพลาด ทำให้เกิดการระเบิด แล้วสสารอนุภาคดังกล่าวได้แผ่กระจายไปทั่วเมือง ซึ่งในขณะเดียวกันกับที่ แบร์รี่ กำลังง่วนอยู่กับการทำงานอยู่ในห้องแลปของกรมตำรวจนั้น เขาได้ถูกสายฟ้าสีเหลืองซึ่งมีส่วนผสมของสสารจากเครื่องเร่งอนุภาคผสมอยู่ ฟาดใส่เข้าไปที่ตัวเขาอย่างจัง จนตัวของเขานั้นกระเด็นโดนขวดสารเคมีจนแตกและหกใส่ตัวเขา หลังจากนั้น เขาก็หมดสติและอยู่ในอาการโคม่า
9 เดือนผ่านไป อยู่ๆ แบร์รี่ ก็ตื่นจากอาการโคม่า โดยมีสภาพร่างกายที่ดูปรกติมากเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แท้จริงแล้ว เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นกลับทำให้เขาสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วในระดับความเร็วแสงเลยทีเดียว ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะใช้พลังที่ได้มานี้ ปกป้องผู้คนในเมือง Central City จากอันตรายต่างๆ และต่อกรกับศัตรูตัวร้ายที่เป็น Meta Human คนอื่นๆ ด้วย

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Flash
เรื่องราวหลังจากนี้ ก็จะเป็นการต่อสู้กับเหล่า Meta Human ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากเครื่องเร่งอนุภาคเช่นเดียวกับเขา และลากยาวกันไปจนถึงการเปิดประตูมิติ ซึ่งเป็นประตูที่ใช้เปิดจักรวาลคู่ขนานต่างๆ และนั่นเอง ที่ทำให้เขาต้องต่อสู้กับศัตรูจากจักรวาลที่รุกรานเข้ามาด้วย รวมถึงการเดินทางข้ามเวลาและสร้าง Flashpoint ของตัว เดอะ แฟลช ที่ส่งผลกระทบอันใหญ่หลวงกับ Timeline ต่างๆ ทั้งจักรวาล (ซึ่งส่งผลกระทบกับซีรีส์ Arrow ด้วย)
ความรู้สึกหลังจากที่ได้ดู

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Flash
สนุกมากกกกกกก ด้วยเนื้อเรื่องที่มาในโทนที่แตกต่างกับซีรีส์ชุด Arrow อย่างสิ้นเชิงเลย ซีรีส์ชุดนี้จะมาในโทนที่ค่อนข้างสว่างกว่ามาก เน้นความสัมพันธ์ของตัวละครต่างๆ ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว, คนรัก และ เพื่อน/เพื่อนร่วมงาน สอดแทรกเรื่องของความเชื่อใจและให้เกียรติกันและกัน หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นซีรีส์แนวครอบครัวที่มีฉากแอ็คชั่นสนุกๆ CG งามๆ และมุกตลกตลอดทั้งเรื่อง
นอกจากนี้ เรายังจะได้เห็นตัวละครจากในคอมิกส์หลายๆ ตัว มาโลดแล่นอยู่ในจอและสร้างความตื่นเต้นให้กับเรามากมายหลายตัวเลย ไม่ว่าจะเป็น Kid-Flash, XS, Reverse-Flash, Zoom, Savitar หรือ The Thinker เป็นต้น
และนอกจากการที่ได้มีโอกาส Crossover กับซีรีส์เรื่อง แอร์โรว์ แล้ว ตัว เดอะแฟลช เอง ก็ยังมีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง คือการเดินทางไปยังจักรวาลคู่ขนานต่างๆ ได้ และ 1 ในนั้นคือ Earth-38 หรือก็คือจักรวาลของ Supergirl นั่นเอง
และด้วยเหตุนี้เอง ถึงแม้ว่า Supergirl จะอยู่คนละจักรวาลกับ ArrowVerse ก็ตามที แต่ในทุกๆ ปี ทางทีมสร้างก็จะสร้างตอนพิเศษขึ้นมาเพื่อดึงตัวละครจากซีรีส์เรื่องต่างๆ ทั้ง Arrow, The Flash, Supergirl และ Legends of Tomorrow ให้มา Crossover เพื่อทำภารกิจร่วมกันตามที่แฟนๆ เรียกร้องกันมาได้อย่างสนุกสนานกันเลยทีเดียว

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Flash
สรุป >> ให้ 8.5 เต็ม 10 ฮะ เป็นซีรีส์แนวซูเปอร์ฮีโร่อีกเรื่องหนึ่งที่ให้ความรู้สึกที่ดีเลยฮะ นั่งดูกันในครอบครัวได้อย่างเพลิดเพลินกันเลยล่ะฮะ และแม้จะดูเหมือนหนังครอบครัว แต่บทจะดราม่าหรือแอ็คชั่นก็ทำได้ดีเลยทีเดียว

ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Flash
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่