เที่ยววัดสาขลา สมุทรปราการ ไหว้พระสังกัจจายน์ มหาลาภ กราบสักการะหลวงพ่อโต ลอดโบสถ์ ชมพระปรางค์เอียง

          พาเที่ยว วัดสาขลา วัดสวยสมุทรปราการ ไหว้พระสังกัจจายน์องค์ใหญ่ ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ เดินทางง่าย ไปได้ทุกวัน 

          สวัสดี ! นี่เจ้าหนูรถตู้เอง วันนี้เจ้าหนูจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ แถว ๆ สมุทรปราการนี่เอง พอพูดถึงที่เที่ยวสมุทรปราการ หลาย ๆ คนคงนึกถึงสถานตากอากาศบางปู เมืองโบราณ และฟาร์มจระเข้สมุทรปราการกันเป็นส่วนมาก แต่ที่เที่ยวที่เจ้าหนูจะพาไปวันนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูมากเท่าไรนัก กับ วัดสาขลา วัดสวยเมืองปากน้ำ วัดเก่าแก่ต้นสมัยกรุงรัตนโกสินทร์  

          วัดสาขลา ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 บ้านสาขลา ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งชุมชนบ้านสาขลาเป็นแผ่นดินแห่งสุดท้ายของสมุทรปราการก่อนจะออกสู่ทะเลอ่าวไทย วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2325 สันนิษฐานว่าชาวบ้านช่วยกันสร้างเมื่อคราวรบชนะพม่า แต่เดิมชุมชนบ้านสาขลา เป็นชุมชนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เมื่อเกิดสงคราม 9 ทัพ รัชกาลที่ 1 ให้ผู้ชายไปเป็นทหาร เหลือแต่ผู้หญิงและคนชรา เมื่อทหารพม่าเดินทัพผ่านมา ชาวบ้านที่เหลือร่วมมือกันสู้พม่าอย่างกล้าหาญจนชนะได้ หมู่บ้านแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า หมู่บ้านสาวกล้า ก่อนจะเพี้ยนมาเป็น หมู่บ้านสาขลา อย่างในปัจจุบัน 

          เมื่อมาถึงวัดสาขลา สิ่งแรกที่เจ้าหนูเห็นเลยคือ พระสังกัจจายน์มหาลาภ ปางยืน ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บริเวณลานหน้าวัด พระสังกัจจายน์องค์นี้ มีขนาดที่ใหญ่มากและมีความวิจิตรงดงามในการสร้าง ดูโดดเด่นสะดุดตา เห็นมาแต่ไกลเลยทีเดียว 

          ถัดมาทางขวามือ (หันหน้าเข้าพระสังกัจจายน์) จะเป็น พระปรางค์เอน เป็นองค์พระปรางค์เก่าแก่อายุกว่า 230 ปี ตั้งอยู่ริมคลอง ซึ่งเมื่อก่อนนั้นพระปรางค์องค์นี้ไม่ได้เอนเหมือนกับที่เห็นในปัจจุบัน จนเมื่อ 100 กว่าปีก่อน ได้เกิดน้ำท่วม ทำให้พื้นดินที่ลอยตัวอยู่บนโคลนนั้นเกิดการทรุดตัว องค์พระปรางค์เกิดเอียงไปด้านตะวันตกราว ๆ 15 องศา แต่หลังจากครั้งนั้นก็ไม่ได้เอียงเพิ่ม จึงถูกปล่อยไว้ให้เอนตามนั้นเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของบ้านสาขลาไปเลย  

          ถ้าหันหน้าเข้าพระปรางค์เอน ทางซ้ายมือจะเป็น พญาครุฑ ท้าวเวสสุวรรณ และ ศาลามหาราช ซึ่งด้านในเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกตจำลอง พระพุทธชินราชจำลอง รูปปั้นสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และรูปปั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อหันมาข้าง ๆ ศาลาเป็น พระราหูองค์ใหญ่

          เดินต่อไปอีกนิดจะเป็นทางขึ้นอุโบสถ ซึ่งมี หลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางมารวิชัย ฐานบัว พระโอษฐ์แบะ พระรัศมีเป็นเปลว พระพาหาแคบ เป็นพระศิลปะสมัยอู่ทอง ประดิษฐานเป็นองค์พระประธาน 

          เมื่อกราบไหว้สักการะหลวงพ่อโตเรียบร้อยแล้ว ให้เดินลงมาด้านล่างอุโบสถ ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของวัดแห่งนี้เลยก็ว่าได้สำหรับการ ลอดโบสถ์ผ่านซุ้มประตูพระราหู คล้ายกับเป็นการสะเดาะเคราะห์ เสริมสิริมงคล โดยด้านในมีทั้งลูกนิมิตเอก ห้องลอยบัว พระพุทธรูปโบราณองค์พระแฝดหันหลังชนกัน และ ฐานหลวงพ่อโตศักดิ์สิทธิ์ ให้ปิดทองขอพรให้บารมีหลวงพ่อแผ่ลงมาคุ้มครองป้องกัน นับเป็นวัดแรกและวัดเดียวที่เจ้าหนูเคยเห็นและสัมผัสฐานพระประธานในพระอุโบสถ เพราะไม่เคยเห็นวัดไหนมีแบบนี้เลย เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินจะตรงมาถึงทางออก ซึ่งเป็น ซุ้มท้องช้าง ให้เราลอดออกมา เพื่อสะเดาะเคราะห์ เพราะมีความเชื่อกันว่าจะทำให้โชคดีและรอดพ้นจากอุปสรรคต่าง ๆ ด้วย 

          นอกจากนี้ บริเวณอาคารรอบ ๆ ใต้โบสถ์และวิหาร ยังมี พิพิธภัณฑ์เทพศรีสาขลา ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมรูปปั้นพระพิฆเนศและทวยเทพสายฮินดูที่มีความสวยงามอย่างมาก เมื่อเราเดินลอดใต้โบสถ์วิหารและฐานหลวงพ่อโตเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลแล้ว ก็สามารถเดินชมด้านในพิพิธภัณฑ์ได้อีกด้วย 

          ถัดจากโบสถ์และวิหารมาทางด้านหลัง จะเจอกับศาลาเพชร เพื่อสักการะ พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ และไม่ไกลจากศาลาเพชร จะเป็น พระพิฆเนศ ปางร่ายรำที่มีความอ่อนช้อยและสวยงามมากทีเดียว 

          ใกล้ ๆ กับโบสถ์และวิหารของวัด เป็น เรือนประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ด้านในมีรอยพระพุทธบาทและรูปปั้นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเป็นมงคลมากมายตั้งอยู่ 

          บริเวณโดยรอบของวัด บรรยากาศร่มรื่น ลมพัดเย็นสบาย มีที่นั่งให้พักผ่อนอยู่เป็นจุด ๆ แถมในวันเสาร์-อาทิตย์ยังมีตลาดนัดเล็ก ๆ มีพ่อค้าแม่ค้ามาขายอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าต่าง ๆ อีกด้วย 

          เจ้าหนูเลือกใช้รถสาธารณะในการเดินทางมายังวัดสาขลาแห่งนี้ โดยเริ่มต้นจากนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีปากน้ำ จากนั้นเดินต่อไปยังท่าเรือปากน้ำ และขึ้นเรือข้ามฟาก (ปากน้ำ-พระสมุทรเจดีย์) มายังฝั่งพระสมุทรเจดีย์ และต่อรถสองแถว / รถตู้ จอดถึงหน้าวัดเลย แม้จะเดินทางหลายต่อไปหน่อย แต่ระหว่างทางได้เพลิดเพลินกับวิวธรรมชาติสองข้าง ก็ถือว่าสนุกไปอีกแบบเลย 

          วัดสาขลา ถือเป็นวัดสวยงามคู่เมืองปากน้ำ สมุทรปราการ ที่น่ามาเที่ยวชม ทำบุญ ขอพร ภายในวัดมีทั้งโบราณสถานพระปรางค์เอียง พระสังกัจจายน์องค์งามวิจิตรประดิษฐานโดดเด่นอยู่กลางลานวัด มีโบสถ์และหลวงพ่อโตอายุกว่า 230 ปี มาวัดนี้ยังได้ลอดโบสถ์เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอีกด้วย หากได้มาเที่ยวชมสักครั้งรับรองจะได้ทั้งอิ่มบุญและอิ่มใจกลับไปแบบเจ้าหนูอย่างแน่นอน

#วัดสาขลา #วัดสวยสมุทรปราการ #ที่เที่ยวสมุทรปราการ #เที่ยวสมุทรปราการ #เที่ยวทั่วไทยไปกับเจ้าหนูรถตู้

ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บไซต์ จังหวัดสมุทรปราการ, เฟซบุ๊ก วัดสาขลา นาเกลือ

รูปประกอบทั้งหมดในเนื้อหา : เจ้าหนูรถตู้ (ผู้เขียน)