Iceland ในความทรงจำ
Iceland ถือเป็น 1 ในประเทศที่อยู่ในความทรงจำของผมมาโดยตลอดไม่ว่าจะผ่านไปนานสักกี่ปี เพราะนอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ที่นี่ยังทำให้ผมได้มีโอกาสสัมผัสกับแสงเหนือซึ่งเป็น 1 ใน bucklists ในชีวิต แบบเต็มๆด้วยตาของตัวเองด้วย
เป้าหมายในการเที่ยวในช่วงต้นเดือนกันยายนของเราก็คือ การชมธรรมชาติเป็นหลัก ส่วนเรื่องแสงเหนือนั้นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาพาไป เพราะแน่นอนว่าการจะตามหาแสงเหนือในช่วงที่ไปนั้นถือว่ายากพอสมควร มาดูกันครับว่าธรรมชาติของประเทศนี้ช่วงก่อน Winter จริงๆจะสวยงามแค่ไหน
Jökulsárlón Glacier
Jökulsárlón Glacier เป็นเหมือนก้อนน้ำแข็งที่แตกออกมาจากธารน้ำแข็งก้อนใหญ่ ซึ่งโดยรวมถือว่าคุ้มค่ากับการขับรถมาตั้งไกล เรียกได้ว่า หายเหนื่อย
Fjaðrárgljúfur
Fjaðrárgljúfur เป็นเหมือนหุบเขาที่มองเห็นลำธารเล็กๆอยู่ด้านล่าง
Lava field
Lava field เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟแล้วมีลาวาไหลทะลักมาปกคลุมพื้นที่ และเมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปี ลาวาที่เย็นตัวลงก็ถูกมอสขึ้นปกคลุม
Reynisdrangar
Reynisdrangar ชายหาดสีดำและโขดหินลักษณะเป็นแท่งๆ โดยขับจากเมือง Vik ประมาณ 15 นาที เข้าใจว่าที่นี่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังอย่างเรื่อง Game of Thrones ด้วยนะ
Skógafoss
Skógafoss ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่อยู่ติดๆกับถนนใหญ่เลย หาไม่ยาก มีคนเคยรีวิวว่า เวลาแดดออกจะมีสายรุ้งถึง 2 วงพาดผ่าน แต่พอดีช่วงที่ไปฝนตกปรอยๆ ไม่มีแดด เลยอดเห็นเลยย
Seljalandsfoss น้ำตกนี้อาจจะเล็กกว่าที่แรกตอนนั้นจำได้ว่าฝนตก เราเลยจอดรอในรถสักพัก รอให้ฝนซาก่อนออกไปถ่ายรูป
Gljúfrabúi
Gljúfrabúi ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกไม่เกิน 1 km โดยน้ำตกนี้เราสามารถปีนไปดูด้านบน หรือ มุดไปในถ้ำเพื่อดูน้ำตกได้
Northern Light (แสงเหนือ)
เราพักที่ Eyvindartunga farm cottage และมีช่วงหนึ่งที่เราเดินออกมาหน้าบ้าน เราก็สังเกตเห็นว่าท้องฟ้าดูแปลกๆเหมือนมีริ้วๆสีเขียวเกิดขึ้น เราก็ลองหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายดูก็พบว่า มันคือแสงเหนือครับผมมมมม!!!
สรุปคืนนั้นเรายืนดูแสงเหนืออยู่หน้าบ้านชิวๆไม่ต้องออกไปไหนไกลครับ ถือว่า Surprise มากๆสำหรับทริปนี้ ติดนิดเดียวถ้าตอนนั้นเป็นคืนเดือนมืดคงจะดีกว่านี้ ปล. แสงเหนือที่เห็นด้วยตาเปล่ากับที่เห็นด้วยกล้องถือว่าแตกต่างกันพอสมควรครับ ถ้ามองตาเปล่านี่แทบไม่เห็นอะไรเลย ดูจากกล้องสวยกว่าเยอะ
Tips: การเลือกที่พักที่อยู่ไกลจากตัวเมือง ปราศจากแสงไฟตามท้องถนนและแสงไฟจากบ้านเรือน ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเพราะเราอาจมีโอกาสเห็นแสงเหนือหน้าบ้าน โดยไม่ต้องออกไปตามล่าข้างนอกเลยก็ได้
Blue lagoon
Blue lagoon ที่ไปทางเมือง Grindavik ซึ่งเป็นจุดแช่น้ำร้อนกลางแจ้งขึ้นชื่อของที่นี่ โดยเราได้จองเวลาไปก่อน เวลา 8.00-22.00
ความตลกในวันนั้นของเราคือ เรา Search GPS ว่า Blue lagoon แล้วดันขึ้นมาว่า Blue lagoon spa ที่ Reykjavik ซึ่งเราเข้าใจว่ามันคงมีที่เดียว ปรากฏว่าพอไปถึงแล้วมันไม่ใช่นิหว่า ไปผิดที่จ้า!!!
Strokkur Geysir
Strokkur Geysir เป็นน้ำพุร้อนที่จะพุ่งออกมาทุกๆ 5-10 นาที ก็ดูมีอะไรให้ลุ้นดีครับ บางครั้งรอตั้งนานพุ่งออกมานิดเดียว ก็ต้องอดทนรอรอบต่อไป
Gullfoss
Gullfoss Falls อีกหนึ่งน้ำตกที่มีชื่อเสียง ยิ่งใหญ่อลังการ ซึ่งจุดที่ถ่ายภาพกัน จำได้ว่าตอนนั้นเราจะต้องเดินเท้าเข้าไปอีกนะ ทางเดินไม่ยาก บรรยากาศโดยรวมก็สวยดีครับ โดยเฉพาะตอนที่มีสายรุ้งพาดผ่าน
Kerid Crater
Kerid Crater เป็นเหมือนแอ่งน้ำที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ตอนนั้นจำได้ว่าเราต้องเสียค่าเข้า แต่โดยรวมแล้วเฉยๆมากเลย
Bruarfoss
Bruarfoss ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยมีใครไปเยือนมากนักและที่สำคัญหายากด้วย พวกผมใช้เวลาหาทางเข้าอยู่เกือบชั่วโมง แต่ขอบอกเลยว่าคุ้มมากๆครับ
Pingvellir (National park)
Pingvellir (National park) โดยที่แรกที่เราไปคือ น้ำตก Öxarárfoss และเดินต่อไปยังสถานที่ใกล้เคียง
สำหรับบรรยากาศช่วงที่เราไป (ต้นเดือนกันยายน) อุณหภูมิจะอยู่ประมาณ 10 องศา ซึ่งถือว่าไม่หนาวจนเกินไป เสื้อยืด+ เสื้อกันหนาว ก็น่าพอไหวครับ หรือ ใครขี้หนาวก็เสริม Heat tech ด้านในอีกชั้นก็ได้
ตอนแรกอยากจะเที่ยวให้รอบเกาะเลย แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดทางด้านเวลา ทริปนี้เราแพลนว่าจะเที่ยวแค่โซนล่างของเกาะ โดยขับจากซ้ายตรงไปยังที่เที่ยวที่แรกที่อยู่ด้านขวาก่อน จากนั้นก็ค่อยๆเที่ยวไล่มาด้านซ้ายเรื่อยๆ
หมายเหตุ: ทริปนี้ผมไปมาเมื่อหลายปีที่แล้วนะ ปัจจุบันบางที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตาม
กติกา สามารถคลิก
แจ้งปัญหาได้ที่นี่