[รีวิว] 1899 ซีรีส์ชวนปวดหัวเรื่องใหม่จากทีมผู้สร้างซีรีส์เรื่อง Dark [Series]
1899 | ทีเซอร์อย่างเป็นทางการ | Netflix
1899 ซีรีส์แนว Epic Sci-Fi Mystery สัญชาติเยอรมันจาก Netflix ที่สร้างโดย
Jantje Friese และ
Baran bo Odar ซึ่งเคยฝากผลงานซีรีส์ชั้นเยี่ยมเรื่อง
Dark มาก่อนหน้านี้
เขียนบทโดย Jantje Friese, Dario Madrona López Gallego, Emma Ko, Jerome Bucchan-Nelson, Juliana Lima Dehne และ Emil Nygaard Albertsen
กำกับโดย Baran bo Odar
นำแสดงโดย
- Emily Beecham รับบทเป็น Maura Henriette Franklin / Singleton
- Aneurin Barnard รับบทเป็น Daniel Solace
- Andreas Pietschmann รับบทเป็น Eyk Larsen
- Miguel Bernardeau รับบทเป็น Ángel
- José Pimentão รับบทเป็น Ramiro
- Isabella Wei รับบทเป็น Ling Yi
- Gabby Wong รับบทเป็น Yuk Je
- Yann Gael รับบทเป็น Jérôme
- Mathilde Ollivier รับบทเป็น Clémence
- Jonas Bloquet รับบทเป็น Lucien
- Rosalie Craig รับบทเป็น Virginia Wilson
- Maciej Musiał รับบทเป็น Olek
- Clara Rosager รับบทเป็น Tove
- Lucas Lynggaard Tønnesen รับบทเป็น Krester
- Maria Erwolter รับบทเป็น Iben
- Alexandre Willaume รับบทเป็น Anker
- Tino Mewes รับบทเป็น Sebastian
- Isaak Dentler รับบทเป็น Franz
- Fflyn Edwards รับบทเป็น Elliot
- Anton Lesser รับบทเป็น Henry Singleton
รับชมได้ทาง
Netflix (ปัจจุบันมี 1 Season จำนวน 8 ตอน)
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
ภาพจาก : เว็บไซต์ Netflix
ในปี 1899 คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินทางจาก เซาแทมป์ตัน สหราชอาณาจักร ไปยัง นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ด้วยเรือเดินสมุทรสุดหรูหราที่ชื่อ Kerberos
ซึ่งภายในเรือโดยสารลำนี้ มีผู้โดยสารและลูกเรือรวมกันกว่าพันคนที่แตกต่างกันทั้งเชื้อชาติ, ภาษาและฐานะ ซึ่งผู้โดยสารแต่ละคนต่างก็มีจุดมุ่งหมายในการเดินทางที่แตกต่างกันไป ทั้งผู้โดยสารระดับเศรษฐีที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยว, ทำธุรกิจ และผู้โดยสารระดับล่างที่ถือว่าเป็นบุคคลชั้นสองที่ต่างก็มุ่งหวังจะเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศแห่งเสรีอย่างอเมริกา
ในระหว่างการเดินทาง ลูกเรือของเรือ Kerberos ก็ได้รับสัญญาณลึกลับที่คาดว่าจะถูกส่งมาจากเรือเดินสมุทร Prometheus ที่หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว
Eyk Larsen ซึ่งเป็นกัปตันของเรือ Kerberos จึงตัดสินใจหันหัวเรือไปยังทิศทางที่สัญญาณนั้นส่งมา โดยคาดหวังว่าจะได้พบกับเรือ Promrtheus
ภาพจาก : เว็บไซต์ Netflix
ภาพจาก : เว็บไซต์ Netflix
ภาพจาก : เว็บไซต์ Netflix
ภาพจาก : เว็บไซต์ Netflix
และทันใดที่พวกเขาเดินทางไปถึง เรื่องราวสุดลึกลับและชวนพิศวงก็ค่อยปรากฏขึ้นทีละน้อย
ความรู้สึกหลังดูจบ
แรกเริ่มที่ได้รู้ว่าซีรีส์ชุดนี้สร้างโดยทีมเดียวกันกับที่เคยสร้างความงุนงงมาแล้วก่อนหน้านี้อย่างซีรีส์เรื่อง Dark ดังนั้นก่อนเริ่มดูจึงพยายามเคลียร์หัวตัวเองให้โล่งๆ ก่อนเลย เพราะกลัวดูแล้วจะมึนตึ้บเหมือนเรื่องที่แล้ว
แต่หลังจากที่ดูจนจบซีซั่นแรกก็พบว่ามันดูง่ายและเล่าเรื่องได้ลงตัวกว่าซีรีส์เรื่อง Dark เยอะเลยฮะ เพราะแม้ตัวเนื้อเรื่องจะมีความซับซ้อนและมีปมปริศนาอยู่เยอะเหมือนเดิม แต่พอถึงจุดที่หนังเริ่มเฉลย หลายๆ อย่างมันก็คลี่คลายไปในตัวนะฮะ (แม้จะตามมาด้วยปริศนาใหม่ก็ตาม)
แต่ส่วนที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นักก็เห็นจะเป็นช่วง EP แรกนี่แหละฮะ ที่ยังมีการเล่าเรื่องแบบเรื่อยๆ เอื่อยๆ เหมือนในเรื่อง Dark (ซึ่งโดยส่วนตัวไม่ชอบวิธีการเดินเรื่องแบบนั้น) แต่พอเข้า EP 2 เท่านั้นแหละฮะ หนังก็เริ่มเดินเรื่องได้สนุกและตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ และชวนให้ลุ้นระทึกไปพร้อมๆ กับตัวละคร ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ทำให้รู้สึกชื่นชอบกว่าเรื่อง Dark นะฮะ
และสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ของทีมสร้างชุดนี้ก็คือ ซาวด์ดนตรีประกอบ ที่ให้อารมณ์แบบเดียวกับในซีรีส์เรื่อง Dark เลย (จนบางซีนยังแอบคิดเลยว่า เอ๊ะ? เอาซาวด์ดนตรีจากกเรื่อง Dark มารียูสหรือเปล่าหว่า)
สำหรับคนที่ยังไม่เคยดู แนะนำให้เลือกดูแบบภาษาอังกฤษต้นฉบับ และเปิดซับไตเติ้ลเอานะฮะ เพราะประเด็นหลักสำคัญอย่างหนึ่งของซีรีส์ชุดนี้คือเรื่องความต่างทางด้านภาษาของตัวละครแต่ละตัว ที่มาจากหลากหลายชนชาติ เราจึงจะได้เห็นว่าตัวละครแต่ละตัวจะมีความยากลำบากในการสื่อสารกัน แต่ถ้าดูเป็นพากย์ไทย อารมณ์ตรงจุดนี้จะถูกหายไปเพราะกลายเป็นว่าตัวละครทุกตัวพูดภาษาเดียวกัน ซึ่งมันจะผิดไปจากความตั้งใจที่ผู้สร้างต้องการให้เป็น
สรุป >> ให้ไป 8.5 เต็ม 10 นะฮะ ซีรีส์มีการดำเนินเรื่องที่สนุก น่าตื่นเต้นและชวนให้ติดตามได้เป็นอย่างดี แต่ EP แรกรู้สึกอืดๆ ยืดๆ ไปหน่อย
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตาม
กติกา สามารถคลิก
แจ้งปัญหาได้ที่นี่