Harry Potter ภาคที่ชอบที่สุด
เพิ่งมีโอกาสได้ไปชม Harry Potter and the Prisoner of Azkaban (2004) มาอีกครั้งครับ ก็พบว่าความรู้สึกหลังจากกลับมาดูใหม่ในรอบหลายปียังคงเอ็นจอยกับภาคสามนี้มากที่สุด คือในขณะที่ภาคอื่นๆ ชอบสูสีกัน จัดลำดับยาก ก็มี “นักโทษแห่งอัซคาบัน” นี่แหละที่ประทับใจชัดเจนกว่าเพื่อน

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Warner Bros
ก่อนอื่น มันเป็นภาคที่ค่อยๆ หลุดจากการเป็นหนังเด็กแบบสองภาคแรกของ คริส โคลัมบัส โทนดาร์กขึ้น บรรยากาศอึมครึมกว่าเดิม รวมถึงมีการใส่ความตลกร้ายเข้าไป กลายมาเป็นกำกับโดย อัลฟอนโซ คัวรอน ซึ่งตัวเขาคงเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ชอบภาคนี้เป็นพิเศษ

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Warner Bros
จะว่าไป การที่ผู้กำกับเม็กซิกันอย่างคัวรอนมาทำบล็อกบัสเตอร์ที่แมสสุดๆ แบบ Harry Potter ได้เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์ไม่เบา ก่อนนั้นเพิ่งทำ Y tu mamá también (2001) หนังขวัญใจชาวซินีไฟล์ แถมไม่เคยอ่านนิยายจนกระทั่งจะกำกับ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เคยทำ A Little Princess (1995) ให้ฮอลลีวูดมาแล้ว จึงไม่ได้แปลกหน้าต่องานแนวนี้เสียทีเดียว
โดยนอกจากเข้ามาเพิ่มความหม่นให้กับหนัง งานดีไซน์สิ่งมีชีวิตในสไตล์ของคัวรอนจัดเป็นองค์ประกอบที่โดดเด่นมาก โดยเฉพาะผู้คุมวิญญาณซึ่งดูน่าสะพรึง ยิ่งโคลสอัพใกล้ๆ ยิ่งดูน่าเกลียดน่ากลัวสมจริงอย่างประหลาด ส่วนมนุษย์หมาป่าก็ดูอัปลักษณ์เก้งก้าง เป็นการเน้นย้ำถึงบริบทบุคคลชายขอบที่ถูกสังคมผลักไสอย่างดี ไหนจะเจ้าบัคบีค หรือเท้าปุย

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Harry Potter
ขณะเดียวกัน ทีมนักแสดงใหม่ๆ ที่เสริมเข้ามาล้วนแล้วระดับเทพ ไม่ว่า แกรี่ โอลด์แมน, เดวิด ธิวลิส, เอ็มม่า ธอมป์สัน, ทิโมธี สปอลล์ และการดึง ไมเคิล แกมบอน มาเล่นเป็น ดัมเบิลดอร์ แทน ริชาร์ด แฮร์ริส ที่เสียชีวิตไป แถมมีการปรับเปลี่ยนลักษณะตัวละครใหม่ ทำให้ดัมเบิลดอร์ดูชราน้อยลง คล่องแคล่วขึ้น มีเอเนอร์จี้ขึ้น เมื่อดูๆ ไปก็ชินกับภาพจำใหม่นี้ไปเอง
กลับมาที่คัวรอน รู้สึกว่าการกำกับของเขามีอิทธิพลต่อตัวหนังเยอะมาก พวกงานภาพงดงามหลายช็อต มีการนำสไตล์ถ่ายลองเทคมาใช้พอหอมปากหอมคอแล้วเสริมการเล่าเรื่องให้ยิ่งมีมิติ เช่น ฉากสนทนาระหว่างลูปินกับแฮร์รี่บนสะพาน วิธีที่ให้คนดูรับฟังคำพูดของลูปินบรรยายถึงแม่ของแฮร์รี่แล้วก็ให้สังเกตปฏิกิริยาสีหน้าของแฮร์รี่ไปพร้อมกัน

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Warner Bros
นอกจากนั้น Harry Potter ภาคนี้ดูร่วมสมัยขึ้นอีกหน่อยตรงที่เด็กๆ ใส่ชุดไปรเวทมากขึ้นแทนการเน้นสวมแต่เครื่องแบบ แล้วชุดธรรมดาพวกนี้ก็ช่วยบ่งบอกคาแร็คเตอร์แต่ละคนในมุมอื่นๆ ได้ด้วย ซึ่งก็เป็นไอเดียของคัวรอนอีกเช่นกัน หรือจะเป็นการติวนักแสดงหลักทั้งสามให้ยิ่งเข้าใจตัวละคร เคยมีเกร็ดเล่าต่อๆ กันที่ว่าผู้กำกับสั่งให้เขียนเรียงความแล้วเอ็มม่าเขียนเป็นสิบหน้า แดเนียลเขียนสองหน้า ส่วนรูเพิร์ตไม่ทำ มันคือฝีมือคัวรอนนั่นเอง

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Harry Potter
ที่สำคัญ การกลับมาดูภาคนี้ตอนนี้ยิ่งอินกว่าเดิมเพราะคำพูดบางฉากบังเอิญโยงไปถึงเหตุการณ์ในภาคสุดท้าย โดยเฉพาะซีนที่ซิเรียสบอกกับแฮร์รี่ว่า “คนที่รักเราไม่เคยจากเราไปไหน” ภาพนั้นที่แฮร์รี่ถือหินชุบวิญญาณวาบกลับมาทันที ดูอยู่ดีๆ ก็จุกอก ความรู้สึกประเดประดัง นี่คือหนึ่งในภาคที่ถ่ายทอดอารมณ์ความสัมพันธ์ตัวละครได้ยอดเยี่ยม

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Harry Potter
และทั้งนี้ทั้งนั้น เหตุการณ์ไคลแม็กซ์ทั้งหมดของหนังทำออกมาได้พีค มีอารมณ์ลุ้นระทึก แถมด้วยส่วนเสี้ยวเล็กๆ ที่เตะตาเป็นพิเศษ มันคือจังหวะที่สเนปเอาตัวเองขวางพวกเด็กๆ จากมนุษย์หมาป่า ถือเป็นความรู้สึก “เอ๊ะ” ใหญ่ๆ ก็ว่าได้ จากที่เห็นรังเกียจแฮร์รี่ ทว่าปฏิกิริยาตอนนั้นดูปกป้องผิดแผกมากๆ ไม่รู้ว่าเป็นส่วนที่ อลัน ริกแมน จงใจแสดงออก หรือมีอยู่แล้วในสคริปต์ หรือเป็นการกำกับ ไม่ว่าแบบไหนก็จำฉากนี้ได้ขึ้นใจ และเริ่มทำให้คิดว่าสเนปยังมีอะไรมากกว่านั้น

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Harry Potter
นี่เองครับเหตุผลหลักๆ ที่ชอบ Harry Potter and the Prisoner of Azkaban มากที่สุด ในฐานะคนที่ไม่ใช่สาวก แค่ตามดูหนังและอ่านเล็กๆ น้อยๆ เพราะสงสัย ภาคนี้ครบเครื่องจริงๆ บันเทิง ดราม่า และมีความประหลาดที่ถูกจริต
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก Harry Potter, เฟซบุ๊ก Warner Bros. Thailand
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่