ครบรอบ 35 ปี Cinema Paradiso: สรวงสวรรค์ที่เรียกว่า “ภาพยนตร์”
ในยามพูดถึงหนังแนว “Love Letter to Cinema” หนังเรื่องนี้ก็มักผุดขึ้นมาในความคิดเป็นเรื่องแรกๆ เสมอครับ สำหรับการบอกเล่าเสน่ห์ของภาพยนตร์ซึ่งเป็นทั้งศิลปะ เป็นกิจกรรมทางสังคม และเป็นเครื่องบันทึกความทรงจำ ในแง่ที่ว่าเวลาเรานึกถึงหนังเรื่องนึง เราอาจไม่ได้นึกถึงเฉพาะตัวหนัง แต่ยังอาจนึกถึงคนที่ดูด้วยกัน นึกถึงสถานที่ หรือนึกถึงสภาพตัวเองในช่วงเวลานั้น นี่คืออิทธิพลที่ภาพยนตร์มีต่อผู้คนเรื่อยมานับแต่ยุคเฟื่องฟู
อีกทั้งปัจจัยที่ส่งให้ Cinema Paradiso (1988) เป็นที่จดจำนักก็ด้วยองค์ประกอบงานภาพตราตรึง หรือดนตรีที่สามารถดังแว่วค้างเติ่งในห้วงคำนึง คอยห้อมล้อมมิตรภาพอันอบอุ่นระหว่างลุงอัลเฟรโดกับเจ้าหนูโตโต้ ทั้งหมดรวมกันเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ที่ละเมียดละไม ทั้งชวนซาบซึ้งและโหยหาวันวาน กระนั้น สาระสำคัญจริงๆ ของหนังเรื่องนี้คือสอนให้จดจำ แต่ไม่ได้กล่อมให้ยึดติด ในเมื่อมีสัจธรรมความไม่จีรังเป็นฉากหลัง เท่าที่ทำได้คือก้าวเดินไปต่อพลางรำลึกคุณค่าไว้ในใจ
ใดๆ คือพูดถึง Cinema Paradiso ขึ้นมาทีไรก็พาให้นึกถึงวันที่ไปดูหนังเรื่องนี้ที่สกาลาเป็นรอบสุดท้ายครับ
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก Cinema Paradiso
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่