เหตุผลที่โลกมีชื่อว่า Earth ไม่ได้ตั้งชื่อตามเทพเจ้าเหมือนดาวเคราะห์ดวงอื่น

Histofun Deluxe

Histofun Deluxe เพจที่นำเสนอเรื่องราวของประวัติศาสตร์ทั้งไทยและเทศ ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย สนุกสนาน

          ทำไมโลกถึงเรียกว่า ‘Earth’?
ทำไมโลกถึงชื่อ Earth

          ถ้านึกถึงชื่อของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ เรารู้ว่าชื่อดาวเคราะห์เหล่านี้อ้างอิงจากชื่อเทพเจ้าในเทพปกรณัมกรีก-โรมัน อย่างเช่นดาวพฤหัสบดีที่เรียกว่าจูปิเตอร์ (Jupiter) ที่มาจากชื่อจอมเทพสูงสุด หรือจะเป็นดาวยูเรนัส (Uranus) ที่มาจากยูเรนัสเทพเจ้าแห่งท้องฟ้า
          แต่เคยสงสัยไหมว่า แล้วทำไมดาวเคราะห์ที่บ้านของพวกเราทุกคนอย่างโลก กลับมีชื่อว่า ‘Earth’ ที่ไม่ได้เป็นชื่อที่ตั้งตามเทพเจ้ากรีก-โรมัน
          นั่นก็เพราะว่า คำว่า ‘Earth’ ในภาษาอังกฤษมีต้นตอจากคำว่า ‘ertha’ ในภาษาของชาวแองโกล-แซกซอน (Anglo-Saxon) ที่เป็นกลุ่มชนเยอรมันโบราณที่เคยครอบครองพื้นที่เกาะบริเตนใหญ่ในช่วงศตวรรษที่ 5 ถึงกลางศตวรรษที่ 11
          ertha ของชาวแองโกล-แซกซอนมีความหมายว่า ดิน พื้นดิน แผ่นดิน ประเทศ หรือดินแดน ต่อมาพัฒนาเป็นคำว่า ‘eorþe’ ในภาษาอังกฤษแบบเก่า (Old English) จนกลายเป็น Earth แบบในปัจจุบัน
          ไม่เพียงแค่ในภาษาอังกฤษเท่านั้น เพราะภาษาอื่น ๆ ที่อยู่ในตระกูลภาษาเยอรมัน ก็มีคำที่มีความหมายว่าโลกที่คล้ายกับ Earth อย่างเช่น ‘Erde’ ในภาษาเยอรมัน หรือ ‘Aarde’ ในภาษาดัตช์
          ขณะที่ในภาษาละตินก็มีคำว่า ‘Terra’ ที่หมายถึงโลก โดยที่ความหมายดั้งเดิมของคำนี้ก็มีความหมายว่า ดินหรือพื้นดิน และยังปรากฏอยู่ในคำภาษาอังกฤษอย่าง ‘Terrestrial’ ‘Subterranean’ รวมถึง ‘Extraterrestrial’
          นอกจากนี้ยังมีคำภาษาอังกฤษอย่าง ‘World’ ที่หมายถึงโลกเช่นกัน แต่ World จะมีความหมายถึง ‘โลก’ ที่ไม่ใช่เฉพาะดาวเคราะห์โลกเท่านั้น อย่างเช่น Underworld หรือ Sea World เป็นต้น
          แล้วเหตุผลอะไรที่ทำให้คำที่มีความหมายถึงดินหรือพื้นดิน กลายเป็นคำที่หมายถึงโลกทั้งใบได้ ก็เพราะมนุษย์มีมุมมองว่า โลกคือสถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ตั้งแต่เกิดจนตาย ความผูกพันระหว่างมนุษย์กับผืนแผ่นดินที่พวกเขาเหยียบอยู่ จึงมีความหมายที่ลึกซึ้ง
          นอกจากนี้ยังรวมถึงแนวคิดที่ว่า โลกคือจุดศูนย์กลางของทุกสรรพสิ่งหรือแนวคิดแบบ Geocentrism ที่ทำให้มนุษย์มองว่าโลกไม่ใช่เทหวัตถุบนท้องฟ้าเหมือนกับดวงดาวอื่น ๆ ที่ล้วนโคจรอยู่รอบโลกหรือแผ่นดินของพวกเขา
          อย่างไรก็ตามผลพวงของการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ในช่วงศตวรรษที่ 16-17 แนวคิด Heliocentrism ที่ทำให้รู้ว่าโลกเป็นเพียงดาวเคราะห์บริวารของดวงอาทิตย์ และเป็นดาวดวงเล็ก ๆ ท่ามกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่ ทำให้ความหมายของ Earth แปรเปลี่ยนเป็นดาวเคราะห์ดวงสีฟ้าที่เป็นบ้านของเรา เป็นเทหวัตถุที่ไม่ต่างจากดาวดวงอื่น ๆ

อ้างอิง

Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่
เรื่องอื่นๆของ Histofun Deluxe
Advertisements
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เหตุผลที่โลกมีชื่อว่า Earth ไม่ได้ตั้งชื่อตามเทพเจ้าเหมือนดาวเคราะห์ดวงอื่น อัปเดตล่าสุด 1 สิงหาคม 2567 เวลา 13:48:10 4,494 อ่าน
TOP