ล้วงลึกเบื้องหลังชื่อดาวเคราะห์ ทำไมถึงตั้งตามชื่อเทพเจ้าโรมัน

Histofun Deluxe

Histofun Deluxe เพจที่นำเสนอเรื่องราวของประวัติศาสตร์ทั้งไทยและเทศ ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย สนุกสนาน

          ทำไมดาวเคราะห์ในระบบสุริยะตั้งชื่อตามเทพเจ้าโรมัน?
ดาวเคราะห์

          เมอร์คิวรี่ (Mercury) วีนัส (Venus) มาร์ส (Mars) จูปิเตอร์ (Jupiter) แซทเทิร์น (Saturn) ยูเรนัส (Uranus) เนปจูน (Neptune) ชื่อเหล่านี้นอกจากจะเป็นชื่อเทพเจ้าในตำนานปกรณัมของโรมันแล้ว ยังเป็นชื่อของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะด้วย
          ว่าแต่สงสัยไหมว่า ทำไมชื่อดาวเคราะห์ในระบบสุริยะตั้งชื่อตามเทพเจ้าโรมัน?
          คำตอบก็คือ เพราะนักดาราศาสตร์ยุโรปในยุคแรกจดบันทึกข้อมูลเป็นภาษาละติน และภาษาละตินก็คือภาษาของชาวโรมัน
          ดาวเคราะห์ห้าดวงแรกที่ค้นพบในระบบสุริยะได้แก่ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ จึงถูกตั้งชื่อตามเทพเจ้าของโรมัน
          เริ่มต้นจากดาวพุธ ดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ได้เร็วที่สุด ตั้งชื่อตามเทพเมอร์คิวรี่ (หรือเฮอร์เมสตามคติกรีก) เทพเจ้าแห่งการส่งสาส์น ขณะที่ดาวศุกร์ที่สว่างมากที่สุด ตั้งชื่อตามเทพีวีนัส (หรืออโฟร์ไดท์ตามคติกรีก) เทพีแห่งความงาม
          สีแดงของดาวอังคาร ทำให้ดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกตั้งชื่อตามเทพมาร์ส (หรือแอรีสตามคติกรีก) เทพเจ้าแห่งสงคราม ส่วนดาวพฤหัสบดีที่เป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุด ตั้งชื่อตามจอมเทพจูปิเตอร์ (หรือซุสตามคติกรีก) และดาวเสาร์ถูกตั้งชื่อตามเทพแซทเทิร์น (หรือโครนัสตามคติกรีก) เทพเจ้าแห่งการเกษตรและเวลา
          ส่วนดาวเคราะห์ที่ถูกค้นพบภายหลังได้แก่ดาวยูเรนัสและเนปจูน เริ่มจากดาวยูเรนัสที่ตั้งชื่อตามเทพยูเรนัส (หรือโอรานอสตามคติกรีก) เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า โดยก่อนหน้านั้นดาวยูเรนัสเคยถูกตั้งชื่อว่า Georgium Sidus หรือดาวพระเจ้าจอร์จ จากการตั้งชื่อของวิลเลียม เฮอร์เชล (William Herschel) นักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษที่เป็นผู้ค้นพบดาวยูเรนัสในปี 1781
          ดาวเนปจูนที่ถูกค้นพบในช่วงศตวรรษที่ 19 ตั้งชื่อตามเทพเนปจูน (หรือโพไซดอนตามคติกรีก) เทพเจ้าแห่งท้องทะเล จากการที่ดาวเนปจูนมีสีฟ้าสดใส
          แถมท้ายอีกสักนิด ก็คือที่มาของคำว่า Sun ที่แปลว่าดวงอาทิตย์ Earth ที่แปลว่าโลก และ Moon ที่แปลว่าดวงจันทร์ รวมไปถึงดาวพลูโตที่เคยเป็นดาวเคราะห์ของระบบสุริยะ ก่อนจะถูกลดสถานะเป็นดาวเคราะห์แคระ
          โดย Sun ที่แปลว่าดวงอาทิตย์ มาจากภาษาอังกฤษแบบเก่า (Old English) คือคำว่า sunne ขณะที่ภาษากรีกเรียกดวงอาทิตย์ว่า helios ส่วนภาษาละตินคือ sol
          ส่วนคำว่า Earth มีรากศัพท์จากคำว่า eorthe ในภาษาอังกฤษแบบเก่าที่แปลว่าพื้นดิน
          ขณะที่ Moon มาจากภาษาอังกฤษแบบเก่า mōna โดยมีรากศัพท์จากสองคำในภาษาละตินคือ metri แปลว่าการวัด และ mensis แปลว่าเดือน เพราะดวงจันทร์ถูกใช้วัดหรือระบุเดือนนั่นเอง
          ปิดท้ายกันที่ดาวพลูโตที่ตั้งชื่อตามเทพพลูโต (หรือฮาเดสตามคติกรีก) เทพเจ้าแห่งยมโลก โดยผู้ที่ตั้งชื่อให้ดาวพลูโต เป็นเด็กหญิงชาวอังกฤษวัยเพียง 11 ปี ชื่อเวเนเทีย เบอร์นีย์ ฟาร์ (Venetia Burney Phair) ที่เธอได้ตั้งไว้ในปี 1930
          ติดตามช่องทางอื่น ๆ ของ Histofun Deluxe 
          อ้างอิง
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่
เรื่องอื่นๆของ Histofun Deluxe
Advertisements
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ล้วงลึกเบื้องหลังชื่อดาวเคราะห์ ทำไมถึงตั้งตามชื่อเทพเจ้าโรมัน อัปเดตล่าสุด 12 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14:24:56
TOP