เริ่มต้นที่ปี 536 โดยไมเคิล แมคคอร์มิค (Michael McCormick) นักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ให้นิยามปีดังกล่าวว่า ‘จุดเริ่มต้นของช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดช่วงหนึ่งในการมีชีวิตอยู่’
ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของยุคมืด (Dark Age) ที่เกิดขึ้นหลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก และถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคกลาง
ในปีดังกล่าวเกิดภูเขาไฟระเบิดที่ไอซ์แลนด์ เถ้าถ่านจากการระเบิดได้ปกคลุมชั้นบรรยากาศโลกและบดบังแสงแดด ส่งผลให้ยุโรป ตะวันออกกลาง และบางส่วนของเอเชียตกอยู่ในความมืดมิดตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลานานถึง 18 เดือน อุณหภูมิในฤดูร้อนลดลงระหว่าง 1.5-2.5 องศาฯ ส่งผลให้พืชผลเสียหาย และผู้คนนับล้านต้องอดตาย
ไม่เพียงเท่านั้น พอถึงช่วงทศวรรษ 540 การระเบิดของภูเขาไฟอีกสองลูก ทำให้เกิดทศวรรษที่หนาวเย็นที่สุดในรอบ 2,300 ปี แถมยังมีโรคระบาดจัสติเนียน (Justinian Bubonic Plaque) ระบาดทั่วทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่ทำให้ประชากร 1 ใน 3 ของยุโรปเสียชีวิต
ข้ามมาในปี 1816 ปีดังกล่าวถูกเรียกว่า ‘ปีที่ปราศจากฤดูร้อน’ (Year without a summer) โดยเกิดจากชั้นบรรยากาศโลกที่ถูกปกคลุมด้วยเถ้าถ่านจากการระเบิดของภูเขาไฟบนเกาะซุมบาวา (Sumbwawa) ในอินโดนีเซีย ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกลดลง 1 องศาฯ แต่เพียงแค่นั้นก็ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประชากรโลกในตอนนั้นแล้ว
ปิดท้ายที่ครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ผลกระทบของสงครามโลกทั้งสองครั้ง ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
อ้างอิง