
1. ตอนเย็นคือ “อีกหนึ่งวัน” ที่เริ่มขึ้นหลังเลิกงาน
2. การได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบในตอนเย็น อาจช่วย “เติม” พลังชีวิตเราได้
3. 3 ทริกสำคัญถ้าอยากหา “โปรเจ็กต์เสริม” หลังเลิกงาน
1. เลือกกิจกรรมที่ผ่อนคลายก่อน เพราะถ้าเริ่มด้วยกิจกรรมยากและใช้พลังงานมาก เราจะมีโอกาสล้มเลิกสูง
2. คำนวณเวลาและค่าใช้จ่ายไว้ล่วงหน้า กิจกรรมบางอย่างอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชันขึ้นมาใหม่
3. ลองทำดูก่อน ถ้าไม่เหมาะกับตัวเองค่อยเลิก อย่ายึดติดกับความสมบูรณ์แบบ ว่าเราต้องเจอกับสิ่งที่ชอบในทันที ให้ลองทำไปเรื่อย ๆ เราจะค่อย ๆ รู้จักตัวเองมากขึ้นทีละนิด และเจอสิ่งที่เหมาะจริง ๆ กับเราในที่สุด
4. ของขวัญ 4 อย่างที่ได้รับเมื่อทำกิจวัตรยามเย็น
1. เติมเต็มความภูมิใจในตัวเอง แม้เป็นวันที่งานพัง ค้นพบคุณค่าตัวเองนอกที่ทำงาน
2. เติมเต็มความฝันอีกอย่างที่อาจไม่ใช่งานออฟฟิศ หลายคนมีฝันที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะยังไงก็ต้องทำงานออฟฟิศ หาเลี้ยงชีพ การได้ทำตามฝันของตัวเองในตอนเย็น จึงอาจช่วยเติมเต็มสิ่งเหล่านี้ได้
3. ได้มีช่วงเวลาที่ตัวเองเป็นศูนย์กลางของงานและชีวิต เพราะในเวลางานเรามักต้องทำตามคำสั่งคนอื่น แต่งานของตัวเราเอง เราจะต้องรับผิดชอบและตัดสินใจเอง เราจึงมีโอกาสที่จะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มที่
4. อาจได้รายได้ตามมา แน่นอนว่าอย่าให้เรื่องเงินเป็นเป้าหมายหลักในการทำกิจกรรมเสริม เพราะอาจเป็นการกดดันตัวเองมากเกินไป แต่จงเชื่อว่า ถ้าได้ทำในสิ่งที่ชอบ รายได้ก็จะเข้ามาหาเอง
5. เป้าหมายไม่จำเป็นต้องสำเร็จก็มี “ความหมาย” ได้
ไม่ใช่ว่าเราตั้งเป้าหมายแล้วต้องยึดติดตัวเองกับการทำมันให้สำเร็จ จงอย่าดำดิ่งลงไปกับเป้าหมายที่ตัวเองตั้ง
เพราะชีวิตเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ มีเหตุการณ์ที่อาจเกิดขั้นมากมายระหว่างที่เราเดินทางไปสู่เป้าหมาย นอกจากนี้การยึดติดกับเป้าหมาย ก็ไม่ได้แปลว่าจะทำให้มันมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น
และที่สำคัญที่สุดคือ การตั้งเป้าหมายมีไว้เพื่อให้เรามีความสุขกับปัจจุบัน ไม่ไหวั่นไหวไปกับเรื่องราวของคนอื่น ถ้าตั้งเป้าหมายแล้วมีแต่ทำให้เรารู้สึกดาวน์และลดคุณค่าของตัวเอง การตั้งเป้าหมายอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่
6. รู้จักทำ Daily Planner
วิธีนี้จะช่วยสะท้อนรูปแบบการใช้เวลาที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา เราจดจ่อได้ดีช่วงไหน ช่วงไหนที่เรามีพลังงานมาก พลังงานน้อย เราเหมาะที่จะทำกิจกรรมแต่ละประเภทในเวลาไหน การบันทึกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราใช้เวลาได้ดีมากยิ่งขึ้น
7. อย่าใช้แผนเป็น “ตัวจับผิด” หรือ “ฉุดรั้ง” เรา
หลายคนไม่อยากเขียนแผนการในแต่ละวันขึ้นมา เพราะพอทำไม่ได้ก็จะรู้สึกแย่กับตัวเอง หรือการที่มีเรื่องอื่นมาแทรก แผนการที่วางไว้ก็อาจพังหมด เราจึงควรระลึกไว้เสมอว่า เราเขียนแผนขึ้นมาเพื่อช่วยให้เราจัดการตัวเองได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเอง
อย่าเริ่มต้นในวันที่ไฟแรง เพราะไฟแห่งความปรารถนาที่ลุกโชนอาจอยู่ได้ไม่นาน และพอถึงเวลาที่ไฟมอดลง เราจะรู้สึกผิดหวังกับตัวเอง ที่ยังทำอะไรไม่สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน วิธีที่ดีกว่า คือ เริ่มทำในสิ่งเล็ก ๆ แต่ให้ทำสม่ำเสมอ แม้ในวันที่ไฟไม่ลุกโชน เราก็ยังคงทำสิ่งเหล่านี้ให้สำเร็จได้
9. ความคิดเป็นเรื่องของ “ผู้ใหญ่” แต่การลงมือทำเป็นเรื่องของ “เด็ก”
10. จงอย่าทุกข์ทรมานไปกับการไล่ตามเป้าหมาย
เป็นหนังสือที่ออกมาในชุดเดียวกับเล่ม “สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเมื่อฉันลองตื่นก่อนโลก” แต่คนเขียนเป็นคนละคนกัน แม้จะเป็นคนเกาหลีเหมือนกัน จริง ๆ ก็อาจพอเดาได้ เพราะคนหนึ่งเป็นนกเช้า ชอบตื่นมาทำโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ตอนเช้า ในขณะที่อีกคนชอบทำอะไรตอนเย็น หลังเลิกงาน
เล่มนี้คือเล่มของคนที่ชอบทำ “โปรเจ็กต์ใหม่ ๆ” หลังเลิกงาน เพราะความจริงแล้ว ถ้าตัดเวลาทำงาน เวลานอน เวลาเดินทางกลับบ้าน และทำธุระส่วนตัวออกไป เราก็อาจมีเวลาเหลือมากถึง 5 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งสามารถทำอะไรได้เยอะมาก และไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงเสาร์-อาทิตย์ ธีมหนังสือจึงเป็นการกระตุ้นให้เราลุกขึ้นมาเริ่มทำโปรเจ็กต์ต่าง ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย การฝึกทักษะใหม่ การเขียนบล็อก การเขียนหนังสือ การทำ Youtube อย่าเอาแต่นอนเฉื่อย ดูซีรีย์ และปล่อยให้เวลาหลังเลิกงานหมดไปโดยเปล่าประโยชน์
หนังสือไม่ได้แค่กระตุ้นให้หันมาริเริ่มโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ แต่ยังเน้นเรื่องการจัดสรรเวลา และหลักในการบริหารเวลาในแต่ละวัน ซึ่งไฮไลท์ของเล่มนี้เหมือนจะอยู่ตรง เทคนิค Daily Planner หรือ Daily Report ที่ให้เราบันทึกกิจกรรมที่ทำทุกชั่วโมง
แล้วลองวิเคราะห์ดูว่าเราใช้เวลาในแต่ละวันไปกับอะไรบ้าง คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปรึยัง พร้อมกับการย้ำอยู่เสมอว่า การมีเป้าหมายเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่ายึดติดกับมันเกินไปจนใช้ชีวิตไม่สนุก รวมถึงการบันทึกการใช้เวลาเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่อย่าไปกดดันตัวเอง จนรู้สึกเฟล ถ้าทำไม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้
โดยรวมแล้ว หนังสืออ่านง่าย เป็นหนังสือที่ผสมระหว่าง “สร้างแรงกระตุ้น + howto บริหารเวลา” ได้อย่างลงตัว เป็นหนังสือแปลเกาหลีอีกเล่มที่เหมือนอ่านบันทึกของผู้เขียน เรื่องราวอ่านเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน คนเขียนเคยทำงานประจำเป็นสัตวแพทย์ แต่ปัจจุบันลาออกมาทำช่อง Youtube เต็มตัว และทำงานสอนออนไลน์ด้านการออกแบบแพลนเนอร์การบริหารเวลา รวมทั้งเป็นนักแสดงละครเวที ใครชอบเรื่องบริหารเวลาอยู่แล้ว ลองไปหาอ่านกันดูได้ครับ
สนใจสั่งซื้อหนังสือ พลังพลิกชีวิตของกิจวัตรยามเย็น ได้ที่ร้าน Attorney285
- ผู้เขียน: รยู, ฮันบิน
- ผู้แปล: อาสยา อภิชนางกูร
- จำนวนหน้า: 190 หน้า
- สำนักพิมพ์: อมรินทร์ How To, สนพ.
- เดือนปีที่พิมพ์: 4/2022
- ชื่อเรื่องต้นฉบับ: The Power of The Evening Routine The Changes The Morning