ทราบไหมคะว่า "หวัด" เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยที่สุด จนอาจจะบอกได้ว่า ไม่มีใครไม่เคยเป็นหวัดนะคะ
แม้ว่าหวัดจะไม่ใช่โรคร้ายแรง สามารถหายเองได้ แต่ก็คงไม่มีใครอยากป่วยจริงไหมคะ
ยิ่งเมื่อป่วยแล้ว เราก็อยากจะหายให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติได้ไม่ต้องมีอาการป่วยมาจำกัดการใช้ชีวิตของเรา
โรคหวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งหายเองได้ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ยิ่งไปกว่านั้น เราทุกคนยังสามารถติดหวัดกันได้ทุกฤดูตลอดปีอีกด้วย ไม่ว่าจะหน้าร้อนที่เจอทั้งอากาศร้อน มลภาวะและความแตกต่างของอุณหภูมิในแต่ละช่วงเวลา หน้าฝนที่มีความชื้นสูง และหน้าหนาวที่อากาศแห้ง
วันนี้เรามาทำความรู้จักโรคนี้กันให้มากขึ้น เพื่อจะได้ดูแลตัวเองและคนที่เรารักได้อย่างถูกต้องกันค่ะ
โรคหวัดมีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อไวรัส
ซึ่งหายเองได้
โดยเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยของโรคหวัด ได้แก่ Rhinovirus, Adenovirus, Influenza virus และ Enterovirus เป็นต้น ซึ่งสามารถติดต่อกันง่ายมากๆ เพียงแค่สัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อก็สามารถติดหวัดได้แล้วนะคะ ทำให้โรคหวัดพบบ่อยในเด็กๆ ที่อาจจะยังมีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือในคนที่ไม่ได้ระมัดระวังเรื่องสุขอนามัย หรือคนที่ใกล้ชิดคนที่เป็นหวัด
เมื่อได้รับเชื้อมาแล้วเมื่อพ้นระยะฟักตัวก็อาจจะทำให้เกิดอาการ โดยอาการหลักของโรคหวัด ได้แก่ มีน้ำมูก คัดจมูก และอาจจะมีอาการเจ็บคอร่วมด้วยในบางราย อาการเหล่านี้จะหายไปได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ เมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายจัดการกับเชื้อได้แล้ว
แม้ว่าการติดเชื้อไวรัสที่ก่อโรคหวัดส่วนใหญ่จะมีอาการน้อย แต่ก็มีการติดเชื้อไวรัสบางกลุ่มที่ทำให้เกิดอาการของโรคติดเชื้อระบบหายใจที่รุนแรง เช่น เชื้อ RSV ที่ทำให้เกิดอาการหลอดลมอักเสบในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี เชื้อไข้หวัดใหญ่หรือ influenza viruses ที่ทำให้มีไข้สูงและปวดเมื่อยตัวมากได้ค่ะ
แม้จะหายเองได้ แต่ก็มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้นะคะ อาการที่ควรเฝ้าระวังเนื่องจากเป็นอาการที่บ่งชี้ว่าคุณอาจกำลังมีภาวะแทรกซ้อนตามมาจากหวัด เช่น ไข้ที่เคยหายไปแล้วกลับมีใหม่ หรือมีอาการปวดหู ซึ่งเป็นอาการของการติดเชื้อในหูชั้นกลาง โดยเฉพาะในเด็กๆ หรือน้ำมูกไหลนานเกิน 10-14 วันที่อาจจะทำให้สงสัยว่ามีไซนัสอักเสบร่วมด้วยค่ะ
การรักษาหวัด
การรักษาหวัด จะเป็นการรักษาตามอาการ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ นะคะ เนื่องจากย่าฆ่าเชื้อจะเป็นยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย ในขณะที่หวัดมีสาเหตุหลักมาจากเชื้อไวรัส
การพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รักษาร่างกายให้อบอุ่น หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างรวดเร็วก็มีส่วนช่วยให้อาการหวัดดีขึ้นนะคะ ทั้งนี้ในระหว่างที่มีอาการควรให้ความสำคัญกับสุขอนามัย โดยเฉพาะการล้างมือ และการใช้ของที่ปนปื้อนสารคัดหลั่งร่วมกับผู้อื่น เพื่อลดการแพร่เชื้อให้กับคนรอบตัวด้วยค่ะ
ยาที่ใช้รักษาอาการหวัด ได้แก่ ยาลดน้ำมูก ที่ใช้บ่อย คือ ยากลุ่มต้านฮิสตามีน เช่น Chlorpheniramine Maleate หรือยาที่มีส่วนผสมของยาต้านฮิสตามีนร่วมกับยาลดการคัดจมูก เช่น Brompheniramine Maleate, Phenylephrine Hydrochloride และ Phenylpropanolamine Hydrochloride เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมียาลดไข้ เช่น ยา Paracetamol และยาแก้ไอ ทั้งแบบที่กดการไอ และลดเสมหะ ซึ่งนอกจากจะมียาเม็ดเดี่ยวแล้วยังมียาเม็ดรวมแบบที่มียาซึ่งออกฤทธิ์หลายอย่างร่วมกันด้วยนะคะ เช่น ยาเม็ดรวมที่มีตัวยา Paracetamol, Phenylephrine Hydrochloride และ Chlorpheniramine Maleate ในเม็ดเดียวกัน การเลือกใช้ยา รวมถึงขนาดของยาที่ใช้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย และไม่ลืมที่จะอ่านคำเตือนบนฉลากก่อนใช้ยาเสมอด้วยนะคะ
มาทำความรู้จักยาที่ใช้บ่อยๆ ในการรักษาหวัดกันนะคะ
ยาตัวแรก คือ Paracetamol หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Acetaminophen เป็นยาลดไข้ที่ใช้บ่อยมากถึงมากที่สุดในโลก บรรเทาไข้ที่เกิดจากสาเหตุต่างๆ ได้อย่างดี โดยยาจะมีกลไกการออกฤทธิ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน ยา Paracetamol จะมีระดับสูงสุดในเลือดที่ 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมงหลังจากกินยานะคะ สาเหตุที่มีการใช้ยาตัวนี้เพื่อแก้ปวดหรือลดไข้อย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการลดไข้และแก้ปวดค่อนข้างดี รวมถึงมีผลข้างเคียงน้อยหากใช้ในขนาดที่เหมาะสม คือ ไม่เกิน 4 กรัม หรือ 4,000 มิลลิกรัมต่อวันค่ะ
ยาตัวที่ 2 ที่ใช้บ่อยมากเมื่อเป็นหวัด คือ Chlorpheniramine Maleate หรือบางคนเรียกชื่อย่อว่า CPM เป็นยาต้านฮิสตามีนที่อยู่ในกลุ่ม first generation ช่วยลดน้ำมูกและการคัดจมูก ยาจะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากรับประทานประมาณ 30 นาทีและคงอยู่นาน 4-6 ชั่วโมงนะคะ ก็มีผลข้างเคียงคือ ทำให้ง่วงได้ ดังนั้น หลังจากใช้ยากลุ่มนี้จึงควรนอนพัก ไม่ควรขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักรนะคะ
ยาอีกกลุ่มที่ใช้กันบ่อยมาก คือ ยาที่ลดอาการคัดจมูก โดยที่รู้จักกันดี คือ Phenylephrine Hydrochloride ออกฤทธิ์โดยตรงต่อตัวรับในจมูก ลดอาการบวมของหลอดเลือดในจมูกและท่อระบายของเหลวจากหูชั้นใน มักจะใช้ร่วมกันกับยาในกลุ่มต้านฮิสตามีนเพื่อบรรเทาอาการหวัดค่ะ
คำถามที่มักเกิดเสมอเมื่อต้องมีการใช้ยาหลายตัวร่วมกัน คือ เรื่องของประสิทธิภาพและความปลอดภัย นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมียาบรรเทาอาการหวัดในรูปแบบที่เป็นเม็ดยารวม จึงได้รวบรวมข้อมูลการใช้ยาบรรเทาอาการหวัดที่ใช้ร่วมกันบ่อย ๆ เช่น Paracetamol, Chlorpheniramine Maleate และ Phenylephrine hydrochloride มาฝากค่ะ
จากการตรวจสอบโดยใช้โปรแกรม Drug interactions checker จาก website Drugs.com พบว่า ยาทั้ง 3 ตัวไม่มีปฏิกิริยาต่อกัน สามารถใช้ร่วมกันได้ค่ะ
ในด้านของข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาแบบเม็ดรวม พบผลการศึกษารายงานว่า ยาเม็ดรวมที่ประกอบด้วยยาทั้งสามตัวข้างต้นมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการหวัดและอาการไข้หวัดใหญ่ได้เมื่อเทียบกับยาหลอกโดยไม่เพิ่มผลข้างเคียงจากการใช้ยา (1) การใช้ยาแบบเม็ดรวมมีข้อดีในมุมของคนที่กินยายาก หรือลดภาระงานในผู้ที่ดูแลคนป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ในแง่ของประสิทธิภาพการรักษาอาจจะไม่ได้แตกต่างกับการใช้ยาแต่ละตัวแยกกัน (2) ทั้งนี้ ควรใช้ยาภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร โดยเฉพาะในคนที่ใช้ยารักษาโรคประจำตัวอื่นๆ ร่วมด้วย เนื่องจากอาจจะมีปฏิกิริยาต่อกัน และอ่านคำเตือนในฉลากอย่างละเอียดทุกครั้งก่อนใช้ยา
Ref
- Picon PD, Costa MB, da Veiga Picon R, Fendt LC, Suksteris ML, Saccilotto IC, Dornelles AD, Schmidt LF. Symptomatic treatment of the common cold with a fixed-dose combination of paracetamol, chlorphenamine and phenylephrine: a randomized, placebo-controlled trial. BMC Infect Dis. 2013 Nov 22;13:556. doi: 10.1186/1471-2334-13-556. PMID: 24261438; PMCID: PMC4222817.
- 2.De Sutter AI, Eriksson L, van Driel ML. Oral antihistamine-decongestant-analgesic combinations for the common cold. Cochrane Database Syst Rev. 2022 Jan 21;1(1):CD004976. doi: 10.1002/14651858.CD004976.pub4. PMID: 35060618; PMCID: PMC8780136.
สรุป
โดยสรุปนะคะ โรคหวัดเป็นโรคที่พบบ่อยและสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนตลอดทั้งปี ไม่ว่าฤดูไหนก็ตาม
แม้สามารถหายเองได้ แต่ก็ต้องมีการดูแลในระหว่างที่มีอาการเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดตามมา โดยการเลือกใช้ยารักษาหวัด จะเป็นการรักษาตามอาการโดยไม่จำเป็นต้องใช้ฆ่าเชื้อ ซึ่งในระหว่างการใช้ยาตามอาการ อาจจะมีการใช้ยาหลายตัวเพื่อบรรเทาอาการหวัดแต่ละอาการ เช่น ลดน้ำมูก ลดการคัดจมูก อาการไข้ อาการไอ เป็นต้น ทั้งนี้ยารักษาหวัดแม้จะมีหลายกลุ่ม แต่ก็สามารถใช้ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย และมีทางเลือกในการใช้ยาแบบเม็ดรวมเพื่อความสะดวกในวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ โดยพบว่าประสิทธิภาพการรักษาและความปลอดภัยไม่ได้แตกต่างจากการใช้ยารักษาหวัดตามอาการแบบแยกเม็ด
นอกจากการรักษาแล้ว การป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อโดยการดูแลรักษาความสะอาดส่วนบุคคลยังเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อและตัดวงจรการแพร่ระบาดของไวรัสก่อโรคเหล่านี้ได้ ดังนั้น อย่าลืมให้ความสำคัญกับสุขอนามัยที่ดีด้วยนะคะ
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่