เด็กน้อยกับรถไฟคือของคู่กันจริงๆ ค่ะ เข็มทิศก็คนนึงล่ะที่คลั่งรักรถไฟเอามากๆ เลย มาญี่ปุ่นคราวนี้เลยไม่พลาดที่จะหาพิพิธภัณฑ์รถไฟพาลูกไปเยือนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจซักหน่อย… เพราะประเทศญี่ปุ่นนี่เค้าขึ้นชื่อเรื่อง "รถไฟ" อยู่แล้ว
จริงๆ แล้วที่ประเทศญี่ปุ่นก็มีพิพิธภัณฑ์รถไฟอยู่หลายแห่งหลายเมืองค่ะ แต่สำหรับทริปนี้ บ้านเราเลือกไปชมรถไฟกันที่ Romancecar Museum พิพิธภัณฑ์รถไฟโรแมนซ์คาร์ เมือง Ebina จังหวัด Kanagawa ค่ะ ที่นี่เป็นที่จัดแสดงรถไฟสาย Odakyu และ Romancecar เป็นที่ที่สนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลย
Odakyu เป็นบริษัทรถไฟเอกชนของประเทศญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบที่คลาสสิคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีรถไฟด่วนพิเศษ หรือ Odakyu Romancecar ที่มีเส้นทางการเดินรถเชื่อมต่อจากโตเกียวที่ Shinjuku Station มายังเมืองท่องเที่ยวอย่าง Enoshima และ Hakone
ปัจจุบันรถไฟ Romancecar มีวิ่งอยู่ 5 รุ่น แต่ละรุ่นก็จะตกแต่งทั้งภายนอกและภายในที่มีจุดเด่นแตกต่างกันไป และด้วยความที่รถไฟจะวิ่งไปยังเมืองท่องเที่ยว ระหว่างทางมีวิวสวยๆ การออกแบบเลยจะเน้นหน้าต่างที่กว้างเป็นพิเศษเพื่อให้ผู้โดยสารได้เสพวิวสวยๆ อย่างเต็มที่ค่ะ
Romancecar Museum เพิ่งเปิดให้เข้าชมเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมานี่เองค่ะ แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ที่มีความน่าสนใจแตกต่างกันไป
Romancecar Simulator โซนนี้จะให้ประสบการณ์การขับรถไฟเสมือนจริงด้วยระบบอุปกรณ์ที่ถูกใช้งานจริง โดยมีหัวรถไฟ Romancecar รุ่น LSE 7000 มาให้ได้นั่งด้วย ซึ่งสำหรับห้อง Simulator นี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะ ราคา 500 JPY ต่อรอบ เล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลย
Interactive Art โซนนี้เอาใจเด็กๆ ได้ปลดปล่อยจินตนาการสร้างเมืองรถไฟบนจอภาพแบบ 3 มิติแบบ touch screen
Diorama Park ห้องนี้คือว้าวสุดๆ ค่ะ เป็นห้องแสดงนิทรรศการแสงสีเสียงเสมือนจริง จำลองเมืองในประเทศญี่ปุ่นที่มีรถไฟโอดะคิววิ่งผ่าน เช่น Tokyo, Hakone, Ebina, Kamakura และ Enoshima มีโมเดลรถไฟ Romancecar กว่า 10 รุ่นที่วิ่งได้จริง นั่งดูได้เพลินมากๆ ค่ะ
Kids’ Romancecar Park อีกโซนน่ารักๆ สำหรับเด็ก กับเมืองรถไฟกระดาษสไตล์ Paper Craft ให้เด็กๆ ได้ประดิษฐ์รถไฟกระดาษด้วยตัวเองแล้วเอามาแล่นได้จริง
History Theater & Romancecar Gallery โซนจัดแสดงรถไฟ Romancecar ของจริงที่ปลดประจำการแล้ว ไม่ว่าจะเป็น RSE (20000 type), HiSE (type 10000) และ SE (3000 type) สวยคลาสสิกทุกคันจริงๆ
นอกจากนี้ที่ชั้นดาดฟ้าของอาคารยังมีจุดชมวิวรถไฟ Station View Terrace ที่สามารถขึ้นไปดูรถไฟ Odakyu แล่นผ่านไปมาเข้าสถานี Ebina ได้ด้วยค่ะ
ก่อนกลับไม่พลาดที่จะแวะซื้อของที่ระลึกซะหน่อย… บอกเลยว่าสาวกรถไฟต้องเสียตังค์รัวรัว เพราะมีโมเดลรถไฟ Odakyu และ Romancecar และของพรีเมียมหลากหลายมาก น่ารัก น่าเก็บสะสมทั้งนั้นเลย
สำหรับใครที่อยากพาลูกมาดูพิพิธภัณฑ์รถไฟที่ Romancecar Museum ถ้าเป็นจาก Tokyo สามารถจัดเป็น day-trip มาได้นะคะ นั่งรถไฟสายโอดะคิวจาก Shinjuku Station มา Ebina Station ใช้เวลาประมาณ 50 นาที จากนั่นออกจากสถานี Ebina มาก็จะเจอกับ Romancecar Museum เลย สะดวกมากๆ ดูรถไฟเสร็จ เดินต่อไปอีกนิดก็จะมีห้าง Lalaport ด้วย มีร้านอาหาร ร้านค้าให้ช้อปปิ้งเพียบ
หรือถ้าบ้านไหนอยากลองนั่งรถไฟสาย Odakyu เที่ยว ลองเข้าไปติดตามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่
Odakyu Has A Japan เพื่อการท่องเที่ยวชินจุกุ ฮาโกเนะ เอโนะชิมะ-คามาคุระ
ปล. จริงๆ แล้วที่ประเทศญี่ปุ่นก็มีพิพิธภัณฑ์รถไฟอยู่หลายแห่งหลายเมืองค่ะ ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์รถไฟเกียวโต (Kyoto Railway Museum) พิพิธภัณฑ์รถไฟไซตามะ (The Railway Museum) พิพิธภัณฑ์การรถไฟญี่ปุ่น (SCMAGLEV and Railway Park) เมือง Nagoya และอีกหลายที่ ทริปญี่ปุ่นครั้งต่อไป ลองดูว่าใกล้ที่ไหน ก็ไปที่นั่นได้เลยค๊าา
ติดตามเรื่องราว "การเดินทางของเข็มทิศ" เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/journeyofkemtis
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตาม
กติกา สามารถคลิก
แจ้งปัญหาได้ที่นี่