
ชาวมายันในฮอนดูรัสปลูกเมล็ดโกโก้เพื่อทำช็อกโกแลตเป็นครั้งแรก พวกเขาบดถั่วและผสมในน้ำ รวมกับข้าวโพด พริก ที่พวกเขาพบว่าอร่อย แต่เมื่อนักสำรวจชาวสเปนนำเครื่องดื่มช็อกโกแลตกลับมายังยุโรป และมีการผสมน้ำตาลลงใน ahí está! ชาวยุโรปก็ไม่สามารถห้ามใจต่อรสชาติที่ได้ลิ้มลองได้ จนเมื่อบริษัท JS Fry & Sons ในสหราชอาณาจักรผลิตช็อกโกแลตแท่งแรกออกมาในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ของหวานชิ้นนี้จึงกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
เมล็ดโกโก้ประมาณ 40 เมล็ด เมื่อแห้งและนำมาคั่วเพื่อสร้างผงช็อกโกแลตที่แสนอร่อย แม้ไม่ชัดเจนว่าต้นโกโก้เข้ามาเมื่อใดหรือใครเป็นผู้คิดค้น แต่จากข้อมูลของ Hayes Lavis ภัณฑารักษ์ด้านศิลปวัฒนธรรมของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอเมริกันอินเดียน สมิธโซเนียน พบหม้อและภาชนะ Olmec โบราณอายุราว 1,500 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งพบพร้อมกับร่องรอยของ theobromine ซึ่งเป็นสารกระตุ้นชั้นดีที่พบในช็อกโกแลตและชา
เชื่อกันว่า Olmecs ใช้โกโก้สร้างเครื่องดื่มในพิธีต่าง ๆ อย่างไรก็ตามช็อกโกแลตไม่มีประวัติเป็นลายลักษณ์อักษร ความคิดเห็นจึงแตกต่างกันว่าในอดีตพวกเขาใช้เมล็ดโกโก้ในการปรุงหรือเพียงแค่เนื้อของฝักโกโก้
แต่ถึงอย่างนั้นครอบครัว Olmecs ก็ได้ส่งต่อความรู้เรื่องโกโก้ไปยังชาวมายา ในอเมริกากลางซึ่งไม่เพียงแต่บริโภคช็อกโกแลตเท่านั้น แต่พวกเขายังนับถือช็อกโกแลตอีกด้วย
ประวัติศาสตร์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรของชาวมายันกล่าวถึงเครื่องดื่มช็อกโกแลตที่ใช้ในงานเฉลิมฉลองและเพื่อทำพิธีการที่สำคัญ แม้ว่าช็อกโกแลตจะมีความสำคัญในวัฒนธรรมของชาวมายัน แต่ก็ไม่ได้สงวนไว้สำหรับผู้มั่งคั่งและผู้มีอำนาจ อีกทั้งในครัวเรือนของชาวมายันหลายครัวเรือนจะมีช็อกโกแลตไว้ทานคู่กับอาหารทุกมื้อ
ความอร่อย มักเกิดจากความลงตัวของรสชาติที่ผสมผสานเข้าด้วยกัน
ชีวิตคนเราก็เช่นกัน
ชีวิตคนเราก็เช่นกัน
ที่มา :
ติดตามเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดี ๆ ได้ใน Comments นี้เลย
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่