ย้อนเหตุการณ์การล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟ ราชวงศ์สุดท้ายแห่งรัสเซีย

ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา

เพจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์น่ารู้ต่างๆ ทั่วโลก เพราะประวัติศาสตร์จะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป

          การประหารชีวิตราชวงศ์โรมานอฟ (Execution of the Romanov family)
ราชวงศ์โรมานอฟ

          หากใครได้เคยอ่านซีรีส์ชุดเครมลิน รวมทั้งบทความเรื่องการปฏิวัติรัสเซียของผม น่าจะรู้จัก “จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย (Nicholas II of Russia)” หรือ “พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2”
          พระองค์เป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งรัสเซีย และถูกปลงพระชนม์อย่างน่าสลด
          แต่เรื่องราวในช่วงท้ายๆ ของพระองค์เป็นอย่างไร ลองมาดูกันครับ
          ในปีค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) รัสเซียได้ถูกดึงเข้ามาพัวพันในสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยขณะที่ออสเตรียประกาศสงครามกับเซอร์เบีย รัสเซียก็ได้ก้าวเข้ามาสนับสนุนเซอร์เบีย ตามมาด้วยเยอรมนีที่สนับสนุนจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
ราชวงศ์โรมานอฟ

จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย (Nicholas II of Russia)

          ถึงแม้ในช่วงแรก พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 จะได้รับการสนับสนุนจากชาวรัสเซียให้ทำสงคราม หากแต่เมื่อสงครามดำเนินต่อมาเรื่อยๆ เสียงสนับสนุนก็เริ่มจะแผ่วลงเรื่อยๆ เช่นกัน
          กองทัพรัสเซียภายใต้การนำของพระองค์ไม่มีการบริหารจัดการที่ดีนัก อาวุธก็ไม่เพียงพอ ทำให้ประสบกับความลำบาก และตลอดระยะเวลาของสงคราม ก็ต้องสูญเสียกำลังไปเกือบสองล้านคน
          ขณะที่ติดสงคราม พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ก็ได้มอบหมายให้พระมเหสี นั่นคือ “จักรพรรดินีอเล็กซานดรา เฟโอโดรอฟนา แห่งรัสเซีย (Alexandra Feodorovna)” เป็นผู้บริหารงานต่างๆ หากแต่ชาวรัสเซียก็ไม่ไว้วางใจจักรพรรดินีอเล็กซานดรามากนัก เนื่องจากพระองค์เสด็จพระราชสมภพที่เยอรมนี และหลายคนก็สงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของพระองค์กับ “เกรกอรี รัสปูติน (Grigori Rasputin)”
          รัสปูตินเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับสมาชิกราชวงศ์โรมานอฟ เหล่าทหารและขุนนางหลายคนก็ไม่ชอบเขาและคิดว่าเขาเป็นผู้ชักใยราชวงศ์อยู่หลังม่าน
          กลุ่มขุนนางได้วางแผนสังหารรัสปูติน และลงมือในเดือนธันวาคม ค.ศ.1916 (พ.ศ.2459) โดยทำการวางยา ยิง ก่อนจะนำไปโยนทิ้งลงยังแม่น้ำ
          ในเวลานั้น ความโกลาหลได้แผ่ขยายไปทั่วรัสเซีย
          เหล่าชนชั้นแรงงานนั้นประสบปัญหาปากท้อง ค่าแรงก็น้อย แทบไม่มีจะกิน ทำให้ผู้คนเริ่มออกมาชุมนุมประท้วง
          คนที่ออกมาประท้วงนั้นเริ่มจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทหารหลายนายที่ได้รับหน้าที่ให้มาสลายการชุมนุม กลับไปเข้ากับผู้ชุมนุม ทำให้ทหารที่มาปราบปรามนั้นเหลือจำนวนน้อย
          ในที่สุด เหล่าผู้ชุมนุมก็สามารถเข้าควบคุมเมืองได้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปฏิวัติรัสเซีย (Russian Revolution) ในปีค.ศ.1917 (พ.ศ.2460)
          เมื่อเมืองหลวงตกอยู่ในมือของกลุ่มคณะปฏิวัติ พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 จึงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยอมรับความจริงว่าพระองค์สิ้นอำนาจแล้ว
          วันที่ 15 มีนาคม ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ทรงสละราชสมบัติ ทำให้ราชวงศ์โรมานอฟที่อยู่มานานกว่า 300 ปีถึงคราวจบสิ้น
ราชวงศ์โรมานอฟ

          พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัวยังได้รับอนุญาตให้ประทับอยู่ในพระราชวัง ในขณะที่ทางการก็กำลังหารือว่าจะเอายังไงกับพระองค์และครอบครัวต่อดี
          พระองค์และครอบครัวต้องพลิกชีวิต จากชีวิตที่หรูหรา มีกินมีใช้ไม่จำกัด ก็ต้องถูกจำกัดอาหาร คนรับใช้ก็เหลือเพียงไม่กี่คน
          สมาชิกราชวงศ์ต่างหวังว่าจะได้ลี้ภัยไปอังกฤษ ซึ่งพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และ “สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร (George V)” พระประมุขแห่งสหราชอาณาจักร ก็ทรงเป็นพระญาติกัน
          ภายในฤดูร้อน ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) สถานการณ์การเมืองในกรุงเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กยังไม่ดีนัก พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัว จึงทรงถูกย้ายไปประทับยังไซบีเรีย
          ที่ประทับซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายของพระชนม์ชีพนั้นแตกต่างจากพระราชวังที่พระองค์เคยประทับลิบลับ แต่อย่างน้อยพระองค์ก็ไม่ต้องแยกจากครอบครัว
          สิงหาคม ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) พรรคบอลเชวิกสามารถเข้าควบคุมรัฐบาลไว้ได้ ทำให้พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัวตกอยู่ใต้การควบคุมของบอลเชวิก โดยที่ประทับของพระองค์นั้น มีทหารคอยเฝ้าดูแลถึง 50 คน
          ในช่วงเดือนมิถุนายน ค.ศ.1918 (พ.ศ.2461) ทหารได้ทูลพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ว่าพระองค์และครอบครัวจะต้องเสด็จไปมอสโคว และให้พระองค์ทรงเตรียมองค์ไว้ให้พร้อม
          หากแต่ก็ยังไม่มีการย้ายซะที มีการเลื่อนการย้ายออกไปอีกหลายวัน
          ในขณะที่สมาชิกราชวงศ์กำลังรอคอยความช่วยเหลือ ก็ได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นทั่วในรัสเซีย เป็นสงครามระหว่างคอมมิวนิสต์และกองกำลังต่อต้านคอมมิวนิสต์
          ในขณะที่กองกำลังต่อต้านคอมมิวนิสต์ยึดพื้นที่และมุ่งมายังเมืองที่ประทับของพระราชวงศ์ บอลเชวิกก็คิดว่าถึงเวลาต้องทำอะไรบางอย่าง จะปล่อยให้พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัวได้รับการช่วยเหลือไม่ได้
          เวลา 2.00 น. ของวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ.1918 (พ.ศ.2461) สมาชิกราชวงศ์ทุกพระองค์ถูกปลุกให้ตื่นบรรทม คนรับใช้จำนวนสี่คนก็ถูกปลุกเช่นกัน
          ทุกพระองค์ถูกนำไปยังห้องเล็กๆ ใต้ดิน จากนั้น ก็ได้มีทหารเข้ามาในห้องนั้นจำนวน 11 คน
          ทหารทั้ง 11 คนนั้นยิงปืนใส่สมาชิกพระราชวงศ์ โดยพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และจักรพรรดินีอเล็กซานดราสวรรคตในทันที หากแต่เหล่าพระราชโอรส ธิดา ยังคงไม่สิ้นพระชนม์ในทันที น่าจะเป็นเพราะในฉลองพระองค์นั้นมีเครื่องเพชรที่ถูกซ่อนไว้อยู่ กระสุนจึงโดนเครื่องเพชร ทำให้ทหารต้องยิงซ้ำและแทงด้วยดาบปลายปืน
          การสังหารนี้ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
          ภายหลังการสังหาร ได้มีการนำร่างทั้งหมดออกจากห้อง นำไปยังบริเวณเหมืองเก่า
          มือสังหารได้พยายามทำลายศพ มีการใช้ขวานมาหั่นร่างเป็นชิ้นๆ ก่อนจะราดด้วยน้ำกรดและน้ำมัน จากนั้นก็จุดไฟเผา
          เวลาผ่านมานานกว่า 70 ปี ในปีค.ศ.1991 (พ.ศ.2534) จึงมีการพบเศษร่างของพระราชวงศ์ มีการขุดพบร่างจำนวนเก้าร่าง และผลการตรวจดีเอ็นเอก็พิสูจน์ชัดว่านี่คือร่างของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 พระมเหสี พระราชธิดาจำนวนสามพระองค์ และคนรับใช้อีกสี่คน
          ในปีค.ศ.2007 (พ.ศ.2550) ก็มีการพบหลุมศพที่สองที่เก็บร่างของพระราชโอรสและพระราชธิดาที่เหลือ
          ปิดฉากราชวงศ์โรมานอฟที่อยู่มานานกว่า 300 ปี

References:

Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่
เรื่องอื่นๆของ ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา
Advertisements
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ย้อนเหตุการณ์การล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟ ราชวงศ์สุดท้ายแห่งรัสเซีย อัปเดตล่าสุด 22 มิถุนายน 2566 เวลา 17:29:11 10,529 อ่าน
TOP