รู้จัก Robber Barons 5 ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงอิทธิพลแห่งประวัติศาสตร์อเมริกา

ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา

เพจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์น่ารู้ต่างๆ ทั่วโลก เพราะประวัติศาสตร์จะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป

          “Robber Barons” กลุ่มคนที่ทรงอิทธิพลแห่งประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา
Robber Baron

          ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19-ต้นศตวรรษที่ 20 เป็นช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกากำลังเฟื่องฟู
          เศรษฐกิจกำลังเติบโต เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมก็ก้าวหน้า โดยส่วนหนึ่งของความรุ่งเรืองนั้นก็มาจากกลุ่มนักธุรกิจและผู้ประกอบการกลุ่มหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
          คนกลุ่มนี้มีอิทธิพลมากจนถูกตั้งฉายาว่า “Robber Barons
          Robber Barons คือกลุ่มคนที่ทรงอิทธิพลและสร้างผลประโยชน์ในยุคนี้ได้มากที่สุด และถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำให้สหรัฐอเมริกาเฟื่องฟู แต่หลายคนก็มองว่าพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่เลือดเย็น เอาเปรียบผู้อื่น ร่ำรวยจากการฉกชิงผลประโยชน์ และผูกขาดการค้าจนทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กอยู่ไม่ได้
          Robber Barons ที่หลายคนตั้งฉายาให้นั้นจะมีใครบ้าง ลองไปดูกันครับ
          อันที่จริง กลุ่ม Robber Barons ก็มีหลายคน หากแต่ที่ทรงอิทธิพลที่สุดก็น่าจะเป็นห้าบุคคลนี้ เรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นนำในกลุ่ม Robber Barons

1. แอนดริว คาร์เนกี (Andrew Carnegie)

Robber Baron

          หลายคนอาจมองว่าคาร์เนกีนั้นเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่เลือดเย็น แต่หลายคนก็มองว่าเขาเป็นแรงบันดาลใจในการต่อสู้ชีวิต
          คาร์เนกีนั้นมาจากสก็อตแลนด์ เกิดในปีค.ศ.1835 (พ.ศ.2378) และย้ายตามครอบครัวมายังสหรัฐอเมริกาในปีค.ศ.1848 (พ.ศ.2391) ซึ่งคาร์เนกีก็ต่างจาก Robber Barons หลายๆ คน นั่นคือเขาไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย
          เขาเป็นลูกผู้อพยพชาวสก็อตที่ยากจน และต้องเริ่มงานแรกในวัยเพียง 12 ขวบที่โรงงานผ้าฝ้าย ทำงานวันละ 10-12 ชั่วโมง ค่าแรงก็น้อยนิด
          จากนั้น คาร์เนกีก็ได้ย้ายไปทำงานที่สำนักงานโทรเลขของบริษัททางรถไฟ ก่อนจะค่อยๆ ไต่บันไดสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น
          หลังจากทำงานมาได้นับสิบปี คาร์เนกีก็ได้ขึ้นเป็นผู้อำนวยการบริษัททางรถไฟ และนำเงินที่ได้ไปลงทุนในธุรกิจน้ำมัน ทางรถไฟ และอุตสาหกรรมเหล็ก และก็เพราะธุรกิจเหล็กนี่เองที่สร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้คาร์เนกี
          ในเวลาต่อมา คาร์เนกีก็ได้ก่อตั้งบริษัท “Carnegie Steel Company” และบริษัทของคาร์เนกีก็เรียกได้ว่า ทำธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
          คาร์เนกีเป็นเจ้าของแทบทุกอย่างในอุตสาหกรรมเหล็ก รวมทั้งเหมืองที่ผลิตเหล็ก ทางรถไฟที่ใช้ในการขนส่ง รวมทั้งตัวโรงงานด้วย
          เมื่อเป็นเช่นนี้ บริษัทของคาร์เนกีจึงเกือบจะผูกขาดอุตสาหกรรมเหล็กเลยทีเดียว และทำให้คาร์เนกีกลายเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีโลก ซึ่งในเวลาต่อมา คาร์เนกีก็ได้ขายบริษัทของตนให้แก่ “เจ. พี. มอร์แกน (J.P. Morgan)” ซึ่งเป็นหนึ่งใน Robber Barons ได้เงินมามหาศาล

2. จอห์น ดี. ร็อกกีเฟลเลอร์ (John D. Rockefeller)

Robber Baron

ภาพจาก : Everett Collection / Shutterstock.com

          Robber Barons คนที่สองก็คือ “จอห์น ดี. ร็อกกีเฟลเลอร์” และน่าจะเป็น Robber Barons ที่โด่งดังที่สุดอีกด้วย
          ร็อกกีเฟลเลอร์นั้นเป็นเจ้าแห่งธุรกิจน้ำมัน โดยภายหลังจากสงครามกลางเมือง ร็อกกีเฟลเลอร์ก็เล็งเห็นว่าอุตสาหกรรมน้ำมันคืออนาคตของสหรัฐอเมริกา จึงได้ก่อตั้งบริษัท “Standard Oil Company
          เช่นเดียวกับคาร์เนกี ร็อกกีเฟลเลอร์ก็ไม่ได้มาจากครอบครัวร่ำรวย เขาเกิดมาในครอบครัวชนชั้นกลางค่อนไปทางล่าง โดยงานแรกของเขา ก็เป็นเพียงเสมียนธรรมดา หากแต่ด้วยความเฉียบแหลมทางการเงิน ทำให้เขาสามารถเก็บเงินจนมีเงินก้อน และมากพอที่จะซื้อบริษัทน้ำมันแห่งแรกเป็นของตน
          จากนั้น ร็อกกีเฟลเลอร์ก็ใช้กำไรจากการลงทุน นำไปซื้อบริษัทน้ำมันอื่นๆ เรื่อยๆ รวมทั้งท่อส่งน้ำมันหลายแห่ง จนเขาสามารถครอบครองการผลิตน้ำมันทั่วสหรัฐอเมริกากว่า 90%
          ด้วยเหตุนี้ เท่ากับว่าร็อกกีเฟลเลอร์แทบจะผูกขาดอุตสาหกรรมน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันมีราคาสูง และร็อกกีเฟลเลอร์ยังมีอำนาจต่อรองไม่จำกัด
          ธุรกิจน้ำมันนี้ทำให้ร็อกกีเฟลเลอร์กลายเป็นเศรษฐีพันล้านคนแรกของสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในชายที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์โลก โดยหากคิดตามค่าเงินปัจจุบัน ทรัพย์สินของร็อกกีเฟลเลอร์จะเท่ากับ 400,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 14 ล้านล้านบาท) ซึ่งรวยกว่าทุกคนบนโลกในปัจจุบัน

3. คอร์เนเลียส แวนเดอร์บิลต์ (Cornelius Vanderbilt)

Robber Baron

          แวนเดอร์บิลต์นับเป็นผู้อาวุโสที่สุดในกลุ่ม Robber Barons โดยเขาเกิดในปีค.ศ.1794 (พ.ศ.2337) และเริ่มต้นทำธุรกิจแรก คือกลุ่มเรือเฟอร์รีรับส่งผู้โดยสารระหว่างเกาะสแตเทนและแมนฮัตตัน ก่อนที่จะสร้างความมั่งคั่งจากอุตสาหกรรมรางรถไฟ โดยเขาได้เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรางรถไฟแห่งแรกๆ ในสหรัฐอเมริกา
          นอกจากธุรกิจรางรถไฟแล้ว แวนเดอร์บิลต์ยังขยายกิจการเรือเฟอร์รี ขนส่งทั้งสินค้าและผู้โดยสารทั่วประเทศ รวมทั้งยังขยายเข้าไปยังอเมริกาใต้และอเมริกากลางอีกด้วย
          และด้วยความที่แวนเดอร์บิลต์แทบจะผูกขาดกิจการรถไฟและเรือเฟอร์รี ทำให้หลายคนจัดให้เขาอยู่ในกลุ่ม Robber Barons เช่นกัน

4. จอห์น เพียร์พอนต์ มอร์แกน (John Pierpont Morgan)

Robber Baron

          “จอห์น เพียร์พอนต์ มอร์แกน (John Pierpont Morgan)” หรือที่รู้จักในนามของ “เจ. พี. มอร์แกน (J.P. Morgan)” เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทการเงินซึ่งมีชื่อเดียวกับชื่อตนในปีค.ศ.1871 (พ.ศ.2414)
          มอร์แกนนั้นมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย และตัวเขาก็ได้ครอบครองธุรกิจการเงิน และร่ำรวยมากซะจนสามารถยึดครองธนาคารได้เป็นจำนวนมากในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
          แต่แล้วในปีค.ศ.1907 (พ.ศ.2450) รัฐบาลอเมริกันก็ได้ตระหนักถึงอำนาจของมอร์แกน และเพื่อป้องกันไม่ให้มอร์แกนควบรวมธุรกิจการเงินได้มากกว่านี้ จึงมีการออกบัญญัติที่นำไปสู่การจัดตั้งธนาคารกลางของสหรัฐ
          มอร์แกนยังซื้อกิจการบริษัทเหล็กของคาร์เนกี และยังช่วยสนับสนุนเงินทุนแก่บริษัทชั้นนำอีกหลายแห่ง
          และด้วยความสำเร็จอย่างล้นเหลือในธุรกิจการเงินนี้เอง มอร์แกนจึงถูกมองว่าเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของทุนนิยม และเป็นต้นแบบของนักการเงินและนายธนาคารจากทั่วโลก

5. เฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford)

Robber Baron

ภาพจาก : Sergey Goryachev / Shutterstock.com

          คนสุดท้ายในกลุ่มห้าผู้ยิ่งใหญ่ของ Robber Barons ได้แก่ “เฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford)
          ฟอร์ดนั้นไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังจากอำนาจที่มี หากแต่โด่งดังจากการเป็นผู้ประกอบการธุรกิจรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์รายแรกๆ ในสหรัฐอเมริกา และยังนำออกขายต่อประชาชน โดยฟอร์ดเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท “Ford Motor Company
          ในบรรดา Robber Barons อาจจะเรียกได้ว่าฟอร์ดนั้นไม่เข้าเค้า Robber Barons เท่าไรนัก เนื่องจากฟอร์ดนั้นดูแลพนักงานอย่างดี และค่อนข้างจะมีน้ำใจ ไม่ได้โลภมากเท่าไรนัก
          ถ้าให้ยกตัวอย่าง ในยุคนั้น พนักงานส่วนใหญ่ทำงานวันละ 10 ชั่วโมง สัปดาห์ละหกวัน ค่าแรงก็น้อยนิด แต่ฟอร์ดกลับริเริ่มให้ทำงานห้าวันต่อสัปดาห์ สัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง และจ่ายค่าแรงให้พนักงานเป็นสองเท่าของผู้ประกอบการรายอื่น
          ด้วยความที่ยุติธรรมต่อพนักงานและยังบริจาคเงินช่วยการกุศล ทำให้ภาพลักษณ์ของฟอร์ดค่อนข้างจะดีเมื่อเทียบกับ Robber Barons คนอื่นๆ แต่ที่หลายคนจัดให้เขาอยู่ในกลุ่ม Robber Barons ก็เนื่องจากเขานั้นควบคุมอุตสาหกรรมยานยนต์ในสหรัฐอเมริกา ทรงอิทธิพลในธุรกิจยานยนต์
          และนี่ก็คือเรื่องราวของห้าผู้ทรงอิทธิพลแห่งกลุ่ม Robber Barons กลุ่มคนที่ทรงอิทธิพลในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา

References :

Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่
เรื่องอื่นๆของ ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา
Advertisements
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รู้จัก Robber Barons 5 ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงอิทธิพลแห่งประวัติศาสตร์อเมริกา อัปเดตล่าสุด 21 มิถุนายน 2566 เวลา 14:35:24 3,628 อ่าน
TOP