เซอร์ คริสโตเฟอร์ ลี จากสายลับในสงคราม สู่ตำนานฮอลลีวูด

ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา

เพจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์น่ารู้ต่างๆ ทั่วโลก เพราะประวัติศาสตร์จะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป

          "เซอร์คริสโตเฟอร์ ลี (Sir Christopher Lee)" จากสายลับในสงคราม สู่ตำนานฮอลลีวูด
คริสโตเฟอร์ ลี

ภาพจาก : Featureflash Photo Agency/ Shutterstock.com

เซอร์คริสโตเฟอร์ ลี (Sir Christopher Lee)

          หลายคนที่เป็นคอภาพยนตร์ น่าจะต้องรู้จัก "เซอร์คริสโตเฟอร์ ลี (Sir Christopher Lee)" เป็นอย่างดี

          ลีเป็นนักแสดงที่โด่งดังจากบทบาทระดับตำนานหลายบท ตั้งแต่ "ซารูมาน (Saruman)" ใน "The Lord of the Rings" หรือจะเป็นบท "เคานท์ดูกู (Count Dooku)" ในมหากาพย์ "Star Wars" เป็นตัวร้ายในภาพยนตร์ชุด "เจมส์ บอนด์ (James Bond)" ในภาพยนตร์เรื่อง "The Man with the Golden Gun" และอีกมากมายหลายบทบาท
          แต่ทราบมั้ยครับว่าประวัติชีวิตของนักแสดงระดับตำนานผู้นี้นั้นน่าสนใจกว่าที่หลายคนคิด
          ลีนั้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่นักแสดงธรรมดา หากแต่สืบเชื้อสายขุนนาง เป็นทหารกล้า เป็นนักบิน เป็นนักดาบ และเป็นหนึ่งในต้นแบบของ "เจมส์ บอนด์ (James Bond)"

          ลีนั้นเป็นคนที่มีความสามารถรอบด้าน สามารถพูดได้มากกว่าห้าภาษา และตลอดช่วงชีวิตของเขา หลายช่วงก็เป็นช่วงเวลาที่คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจได้สัมผัส

          ในบทความนี้ เราจะมาดูเรื่องราวของนักแสดงผู้นี้กันครับ

          "เซอร์คริสโตเฟอร์ ลี (Sir Christopher Lee)" เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ.1922 (พ.ศ.2465) โดยบิดาของลีคือ "พันโทจอฟฟรีย์ ทรอลโลป ลี (Lieutenant Colonel Geoffrey Trollope Lee)" ส่วนมารดาคือ "เคานท์เตสเอสเตลล์ มารี คารันดีนี (Countess Estelle Marie Carandini)" ผู้สืบสายตระกูลขุนนางชั้นสูงของอิตาลี

          ตระกูลมารดาของลีนั้นเป็นหนึ่งในตระกูลขุนนางที่เก่าแก่ที่สุดตระกูลหนึ่งในยุโรป สามารถย้อนประวัติไปได้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 และสมาชิกหรือเชื้อสายตระกูลนี้ก็มักจะได้ดำรงตำแหน่งในแวดวงต่างๆ ซึ่งล้วนแต่มีตำแหน่งที่สูง เรียกว่าเป็นบุคคลชั้นนำในวงสังคม

          และดูเหมือนว่าลีเองก็จะถูกคาดหวังให้เป็นเช่นนั้น

          ต่อมา มารดาของลีได้หย่าขาดจากพ่อ และได้แต่งงานใหม่กับนายธนาคารที่มีฐานะมั่งคั่ง และลีก็ถูกส่งไปศึกษายังโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง และได้อาศัยอยู่ในย่านที่เหล่านักแสดงชื่อดัง ขุนนางรัสเซีย และเหล่านักการทูต พักอาศัย

          และด้วยความที่มารดาของลีมาจากตระกูลขุนนางชั้นสูงของอิตาลี ทำให้ลีได้รู้จักกับคนดังและคนในสังคมชั้นสูงมากมาย รวมทั้งพ่อเลี้ยงของลียังมีศักดิ์เป็นญาติผู้ใหญ่ของ "เอียน เฟลมมิง (Ian Fleming)" นักเขียนผู้แต่ง "เจมส์ บอนด์ (James Bond)" ทำให้ลีและเฟลมมิงมีศักดิ์เป็นญาติกัน
          ในการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ลีได้ศึกษาภาษากรีกและละติน และยังได้ร่วมเล่นละครเวทีของวิทยาลัย

          แต่ในปีค.ศ.1939 (พ.ศ.2482) ขณะมีอายุได้ 17 ปีและเหลือเวลาอีกแค่เพียงหนึ่งปีก็จะสำเร็จการศึกษา ลีก็จำต้องออกจากการเรียนเนื่องจากพ่อเลี้ยงนั้นประสบปัญหาทางการเงิน ล้มละลาย ทำให้ฐานะทางการเงินของครอบครัวอยู่ในขั้นย่ำแย่

          ดังนั้นลีจึงต้องหางานทำ โดยในเวลานั้นพี่สาวของลีทำงานเป็นเลขานุการ และด้วยความที่การหางานก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาจึงไปอยู่กับพี่สาวที่โกตดาซูร์ในแถบฝรั่งเศส โดยในเวลานั้น "ยูจีน ไวด์แมนน์ (Eugen Weidmann)" ฆาตกรต่อเนื่องชาวเยอรมันได้ถูกจับขังคุกอยู่ที่ฝรั่งเศส และถูกตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยกิโยติน

          ลีได้ไปร่วมดูการประหารด้วยการตัดหัวร่วมกับชาวฝรั่งเศสอีกนับพัน ซึ่งการประหารไวด์แมนน์นั้นเป็นการประหารกลางที่สาธารณะ และสร้างความแตกตื่นเป็นอย่างมาก ทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสสั่งห้ามการประหารในที่สาธารณะอีกต่อไป ทำให้ลีได้เข้าชมการประหารด้วยการตัดหัวกลางที่สาธารณะคนสุดท้าย

          ต่อมา ลีได้กลับมายังลอนดอน และได้งานเป็นเมสเซนเจอร์ในบริษัทชิปปิ้ง ได้ค่าแรงสัปดาห์ละหนึ่งปอนด์

          แต่ไม่นาน สงครามโลกครั้งที่ 2 (WWII) ก็ได้เกิดขึ้น และลีก็ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนทหารเพื่อจะเข้าร่วมรบ โดยในต้นปีที่เกิดสงคราม ลีได้อาสาเข้าร่วมกับกองทัพฟินแลนด์ รบกับรัสเซีย

          ในปีค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) ลีได้เข้าร่วมกับกองทัพอากาศ หากแต่ลีนั้นมีปัญหาที่เส้นประสาทตา ทำให้ลีไม่สามารถขับเครื่องบินได้อีก ทำให้ลีเดินทางไปแอฟริกา และคิดหาวิธีที่จะเข้าร่วมรบอีกครั้ง
          ลีตัดสินใจสมัครเข้าทำงานในหน่วยข่าวกรองของกองทัพอากาศ และเป็นสายลับให้กับหน่วยงาน ปฏิบัติงานที่แอฟริกาเหนือเป็นหลัก
          ลีถูกส่งไปประจำการยังเมืองอิสไมเลียในอียิปต์ และคอยส่งข้อมูลให้กองกำลังที่ปฏิบัติการอยู่ในแนวรบที่แอฟริกาเหนือ
          จากนั้น ลีก็ถูกย้ายไปยังยุโรป และก็ได้ทำการออกไล่ล่าเหล่าอาชญากรสงคราม
          แม้กระทั่งทุกวันนี้ ปฏิบัติการหลายๆ อย่างในกองทัพของลีก็ยังคงเป็นความลับ และลีก็ได้เกษียณตัวเองจากกองทัพในปีค.ศ.1946 (พ.ศ.2489)
          หลังจากออกจากกองทัพ บริษัทชิปปิ้งที่ลีเคยทำงานก็ได้เสนอตำแหน่งงานให้ลี หากแต่ลีก็ไม่อยากกลับไปทำงานออฟฟิศอีกแล้ว
          ในช่วงพักรับประทานอาหารเที่ยงวันหนึ่ง ญาติของลีก็ได้แนะนำให้ลีลองไปทำงานทางการแสดง
          ตอนแรก มารดาของลีก็ไม่เห็นด้วย มองว่างานแสดงเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน หากแต่ลีก็ได้เตือนความจำของมารดาว่ายายของลีเองก็เป็นนักร้องโอเปร่าเช่นกัน
คริสโตเฟอร์ ลี

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Hammer Films

          จากนั้น ลีก็เริ่มต้นอาชีพการแสดง โดยรับบทแสดงเล็กๆ น้อยๆ ในภาพยนตร์หลายเรื่องตั้งแต่ค.ศ.1946-1957 (พ.ศ.2489-2500) โดยบทที่ได้รับก็มักจะเป็นบทตัวประกอบเล็กๆ มีบทพูดแค่ไม่เท่าไร
          แต่บทบาทที่ส่งให้ชื่อของลีโด่งดังก็มาถึงในปีค.ศ.1957 (พ.ศ.2500) นั่นคือบทบาทของ “สัตว์ประหลาด” ในภาพยนตร์เรื่อง “The Curse of Frankenstein”
          หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ลีก็มีผลงานการแสดงตามมามากมาย ซึ่งก็มักจะเป็นบทร้าย เนื่องด้วยลีมีเสียงที่ต่ำ ชวนขนลุก และรูปลักษณ์น่าเกรงขาม ส่วนสูงถึง 196 เซนติเมตร
          ตลอดยุค 60 (พ.ศ.2503-2512) และ 70 (พ.ศ.2513-2522) ลีก็ได้แสดงในบทนักสืบชื่อดังอย่าง “เชอร์ล็อค โฮล์มส์ (Sherlock Holmes)” และก็ได้แสดงภาพยนตร์ดังในยุโรปอีกมากมาย

          ต่อมา ลีก็ได้รับบท “สการามังกา (Scaramanga)” ซึ่งเป็นบทตัวร้ายในภาพยนตร์ชุดเจมส์ บอนด์ตอน “The Man with the Golden Gun”

          เฟลมมิงซึ่งเป็นผู้แต่งเจมส์ บอนด์และมีศักดิ์เป็นญาติของลี ก็เคยเป็นสายลับในช่วงสงคราม และเฟลมมิงก็ได้เคยกล่าวว่าลีนั้นเป็นหนึ่งในต้นแบบตัวละครเจมส์ บอนด์ของเฟลมมิง

          อันที่จริง ลีเคยเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับบทเจมส์ บอนด์ในตอนแรก นั่นคือ “Dr.No” หากแต่บทนี้ก็ตกเป็นของ “ฌอน คอนเนอรี (Sean Connery)”

          ในยุค 80 (พ.ศ.2523-2532) ลีได้ย้ายไปฮอลลีวูด และภายในยุค 90 (พ.ศ.2533-2542) ก็ได้ร่วมงานในภาพยนตร์ดังมากมาย
คริสโตเฟอร์ ลี

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Lord of the Rings Trilogy

คริสโตเฟอร์ ลี

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Lord of the Rings Trilogy

คริสโตเฟอร์ ลี

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Lord of the Rings Trilogy

          ในปีค.ศ.2001 (พ.ศ.2544) ลีได้รับบท “ซารูมาน (Saruman)” ในภาพยนตร์ชุด “The Lord of the Rings” ซึ่งเป็นการเติมเต็มความใฝ่ฝันทางการแสดงของลี
          อันที่จริง ลีนั้นก็เคยได้อ่านนิยายชุด The Lord of the Rings ตั้งแต่สมัยที่ตีพิมพ์เมื่อยุค 50 (พ.ศ.2493-2502) และเคยพบกับ “เจ.อาร์.อาร์. โทลคีน (J. R. R. Tolkien)” ผู้เขียนนิยายชุดนี้อีกด้วย
          นอกจากความสามารถทางการแสดง ลียังมีผลงานเพลงออกมาในปีค.ศ.2005 (พ.ศ.2548) กับเพลง “The Magic of the Wizard’s Dream.” และมีผลงานเพลงตามมาอีกหลายเพลง
          เมื่อยุค 2000 (พ.ศ.2543-2552) สิ้นสุดลง ลีก็ได้รับการยกย่องและได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย ได้รับเกียรติยศอย่างสูงทั้งในฐานะของนักแสดง นักการกุศล และทหาร และได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินเมื่อปีค.ศ.2009 (พ.ศ.2552)
          ในวัยกว่า 90 ปี ลีก็ยังคงพยายามจะสื่อสาร มีปฏิสัมพันธ์กับแฟนๆ อยู่เสมอ โดยช่อง “ChristopherLeeWeb” ซึ่งเป็นช่อง Youtube ของลี ลีก็ได้อัพคลิป ทักทายแฟนๆ ในโอกาสต่างๆ อยู่เสมอ
คริสโตเฟอร์ ลี

ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Warner Bros. Entertainment

          เซอร์คริสโตเฟอร์ ลี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ.2015 (พ.ศ.2558) ด้วยวัย 93 ปี
          การเสียชีวิตของลี นับเป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญระดับตำนานในวงการฮอลลีวูด และเชื่อว่าแฟนหนังทั่วโลก แม้แต่แฟนๆ ชาวไทย ก็คงไม่ลืมชายผู้นี้เป็นแน่

References:

Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่
เรื่องอื่นๆของ ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา
Advertisements
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เซอร์ คริสโตเฟอร์ ลี จากสายลับในสงคราม สู่ตำนานฮอลลีวูด อัปเดตล่าสุด 22 มิถุนายน 2566 เวลา 17:08:58 2,465 อ่าน
TOP