"ซามูเอล แอล. แจ็คสัน" จากนักเคลื่อนไหวทางสังคมหัวรุนแรงสู่ตำนานฮอลลีวู้ด

ภาพจาก : Featureflash Photo Agency/ Shutterstock.com
"ซามูเอล แอล. แจ็คสัน (Samuel L. Jackson)" ชื่อนี้คอหนังฮอลลีวู้ดต้องรู้จักเป็นอย่างดี
เขาเป็นดาราระดับบิ๊กเนมในฮอลลีวู้ด มีผลงานภาพยนตร์ทำเงินรวมกันกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 210,000 ล้านบาท) ทำให้ชื่อของแจ็คสันอยู่ในทำเนียบดาราทำเงินเบอร์ต้นๆ ของวงการ และทำให้เขามีฐานะร่ำรวย โดยตัวของแจ็คสันมีทรัพย์สินประมาณ 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8,750 ล้านบาท)
แต่ก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จดังเช่นทุกวันนี้ ทราบมั้ยครับว่าเขาเคยเป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคมหัวรุนแรง และเคยถึงขนาดมีส่วนในการจับตัวบิดาของ "มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ (Martin Luther King Jr.)" นักสิทธิมนุษยชนชื่อดังเป็นตัวประกัน
ลองมาดูเรื่องราวของเขากันครับ
แจ็คสันเกิดที่วอชิงตันดีซี สหรัฐอเมริกา ในปีค.ศ.1948 (พ.ศ.2491) และเป็นเด็กเฉลียวฉลาด สามารถเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัย "Morehouse University" ในแอตแลนต้า
แจ็คสันเลือกศึกษาทางด้านชีววิทยาทางทะเล หากแต่ตัวของเขานั้นก็ให้ความสนใจเกี่ยวกับประเด็นทางสังคม ทำให้ทางเดินชีวิตของเขานั้นนำพาเขาไปอีกทาง ก่อนจะจบลงด้วยการเป็นตำนานฮอลลีวู้ด
ในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ.1968 (พ.ศ.2511) "มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ (Martin Luther King Jr.)" ถูกสังหาร โดยขณะนั้นแจ็คสันเพิ่งจะเรียนจบชั้นปีที่สาม ทำให้แจ็คสันและเพื่อนๆ รู้สึกโกรธเกรี้ยวและคิดว่าจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้

ภาพจาก : catwalker/ Shutterstock.com
แจ็คสันต้องการจะมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหว ไม่ต้องการให้การเสียชีวิตของคิงนั้นเปล่าประโยชน์ เขาจึงขึ้นเครื่องบินไปเทนเนสซีเพื่อเข้าร่วมการประท้วงของเหล่าคนงาน
จากนั้นเขาก็กลับมายังแอตแลนต้า และได้ทำหน้าที่พนักงานอำนวยความสะดวกในงานศพของคิง และประสบการณ์ในช่วงนี้เองทำให้แจ็คสันยิ่งมั่นคงต่อจุดยืนและแนวคิดของตน
แจ็คสันและเพื่อนคนอื่นๆ ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและความเท่าเทียมในมหาวิทยาลัย เนื่องจากคลาสเรียนต่างๆ ก็ไม่มีที่สำหรับคนผิวดำ ทำให้แจ็คสันและเพื่อนๆ คิดว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลง
แจ็คสันและคนอื่นๆ ได้เรียกร้องให้บอร์ดของมหาวิทยาลัยมาเจรจา หากแต่ไม่เป็นผล พวกเขาจึงวางแผนที่จะทำการใหญ่
นั่นคือการล็อคตัวสมาชิกบอร์ดไว้ในห้องห้องหนึ่ง ไม่ยอมปล่อยตัว เรียกได้ว่าจับเป็นตัวประกันเลย และหนึ่งในบอร์ดก็คือ "มาร์ติน ลูเทอร์ คิง ซีเนียร์ (Martin Luther King Sr.)" บิดาของคิง จูเนียร์
ภายหลังเหตุการณ์คลี่คลาย แจ็คสันก็มีความผิดอาญา มีประวัติอาชญากรรม และทางมหาวิทยาลัยก็สั่งพักการเรียนแจ็คสันเป็นเวลาถึงสองปี
ในช่วงที่ถูกพักการเรียน แจ็คสันก็เข้าไปข้องเกี่ยวกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองหัวรุนแรง ก่อนจะทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ในลอสแอนเจลิส และเมื่อกลับมาเรียน เขาก็เปลี่ยนสาขาจากชีววิทยาทางทะเล เปลี่ยนเป็นสถาปัตย์ และเปลี่ยนไปเรียนการแสดงและจบการศึกษาในปีค.ศ.1972 (พ.ศ.2515)
จากนั้นแจ็คสันก็มีโอกาสเข้าสู่วงการแสดง โดยรับบทตัวประกอบในภาพยนตร์ทีวีและภาพยนต์ต่างๆ รวมทั้งได้เล่นละครเวที และเมื่อถึงปลายยุค 80 (พ.ศ.2523-2532) แจ็คสันก็มีงานแสดงมากขึ้น ก่อนจะมีผลงานดังๆ ตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น "Good Fellas" "Jurassic Park" "Pulp Fiction" "Star Wars" และ "Avengers"
ทุกวันนี้แจ็คสันมีอายุย่าง 75 ปี และยังคงเป็นนักแสดงระดับเกรดเอในฮอลลีวู้ด มีค่าตัวอยู่ระหว่าง 10-20 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 350-700 ล้านบาท)
ใครจะรู้ว่าอดีตเด็กหัวรุนแรงที่เคยถึงขนาดจับบอร์ดมหาวิทยาลัยเป็นตัวประกัน จะสามารถก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จเป็นนักแสดงระดับท๊อปของวงการได้
References:
- https://medium.com/@historianandrew/how-samuel-l-jackson-went-from-taking-martin-luther-king-sr-hostage-to-hollywood-legend-5d0f69a74513
- https://www.watchtheyard.com/colleges/samuel-l-jackson-morehouse/
- https://www.hollywoodreporter.com/lifestyle/lifestyle-news/samuel-l-jackson-how-i-became-an-usher-at-martin-luther-king-jrs-funeral-guest-column-1099033/
- https://blavity.com/icymi-samuel-l-jackson-once-held-martin-luther-king-jrs-father-hostage-during-a-campus-protest
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่