เหตุผลที่สหรัฐอเมริกาไม่ทิ้งระเบิดลงโตเกียว
โตเกียว
การทิ้งระเบิดของสหรัฐอเมริกาลงยังเมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) เป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์
เหตุการณ์นี้มีบทบาททำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง และทำให้มุมมองของโลกที่มีต่อสงครามเปลี่ยนไป
แต่คำถามที่หลายคนสงสัยก็คือ
ทำไมจึงไม่เป็นโตเกียว?
เหตุผลก็มีหลายข้อ โดยในเวลานั้น กองทัพอากาศอเมริกันได้ทำการทิ้งระเบิดลงยังจุดต่างๆ ที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจและสาธารณูปโภคสำคัญของกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปีค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) แล้ว
โตเกียวนั้นเป็นศูนย์กลางการเมืองและเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งแน่นอนว่าโตเกียวย่อมไม่ใช่ข้อยกเว้น โดยในวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) ภายในเวลา 48 ชั่วโมง เครื่องบินของกองทัพอากาศอเมริกันได้ทิ้งระเบิดเพลิงกว่า 2,000 ตันลงยังโตเกียว สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างเกือบ 16 ตารางไมล์รอบๆ โตเกียว
มีผู้เสียชีวิตกว่า 100,000 คน เมืองทั้งเมืองก็ได้รับความเสียหาย
ทางฝ่ายอเมริกัน ก็ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งในปีค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) เพื่อทำหน้าที่เลือกเมืองที่จะทำการทิ้งระเบิดปรมาณู
เจ. โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer)
ในกลุ่มนี้มี “เจ. โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer)” รวมอยู่ด้วย และยังมีนักวิทยาศาสตร์และทหารอีกจำนวนมากในโครงการ
ปัจจัยในการเลือกก็มีหลายข้อ ทั้งความสำคัญต่อการทหารและอุตสาหกรรม ขนาดของเมือง และศักยภาพของเมืองที่จะสามารถแสดงให้เห็นถึงอานุภาพของระเบิดปรมาณู ปัจจัยเหล่านี้ล้วนแต่ถูกพิจารณา
ในทีแรก โตเกียวก็คือหนึ่งในเป้าหมายที่ถูกเลือก หากแต่หลังจากพิจารณา ก็มีหลายปัจจัยที่ทำให้โตเกียวถูกตีตกไป
ข้อแรก การทิ้งระเบิดเพลิงเมื่อก่อนหน้านี้ก็ได้สร้างความเสียหายให้โตเกียวมากพอสมควรแล้ว
ข้อสอง มีความกังวลว่าหากทิ้งระเบิดลงยังโตเกียว ก็อาจจะทำให้ “จักรพรรดิโชวะ (Hirohito)” ซึ่งประทับอยู่ในโตเกียวสวรรคตได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น การเจรจากับญี่ปุ่นในภายหลังก็จะยิ่งลำบาก
จักรพรรดิโชวะ (Hirohito)
และหลายฝ่ายก็กังวลว่าหากทิ้งระเบิดซ้ำลงยังเมืองที่ถูกระเบิดหนักไปแล้วจะกระทบกับภาพลักษณ์ของกองทัพอเมริกัน
อเมริกาจะถูกมองว่าป่าเถื่อน โหดร้าย กระทบต่อภาพลักษณ์และจุดยืนของฝ่ายอเมริกา
ดังนั้น วันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) สหรัฐอเมริกาจึงได้ทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรก “ลิตเติ้ลบอย (Little Boy)” ลงยังเมืองฮิโรชิม่า ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 80,000 คน ก่อนที่ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) ระเบิดลูกที่สอง “แฟตแมน (Fat Man)” จะถูกทิ้งลงยังเมืองนางาซากิ ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 40,000 คน และทำให้ญี่ปุ่นต้องยอมแพ้
นี่ก็เป็นประวัติศาสตร์บทหนึ่งแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2
References:
- https://themysterywriter.medium.com/the-curious-case-of-why-the-us-chose-not-to-nuke-tokyo-2f4f5d390108
- https://www.atomicarchive.com/history/atomic-bombing/hiroshima/page-4.html
- https://www.mofa.go.jp/j_info/japan/opinion/paul.html
- https://www.britannica.com/question/Why-did-the-atomic-bombings-of-Hiroshima-and-Nagasaki-happen
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่