โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เคยตกเป็นเหยื่อบูลลี่ในวัยเด็ก

"โจ ไบเดน (Joe Biden)" หนึ่งในเหยื่อการถูกบูลลี่ในวัยเด็ก

ภาพจาก : Alexandros Michailidis/ Shutterstock.com

การ “บูลลี่” ไม่ใช่สิ่งที่ดี

การบูลลี่สามารถสร้างรอยแผลให้คนคนนึงไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ สร้างความเจ็บปวดให้เหยื่อ

แต่บางคนก็อาจจะตรงกันข้าม สามารถนำการบูลลี่นั้นมาเป็นพลังผลักดันให้เดินไปสู่เป้าหมาย

หนึ่งในเหยื่อการบูลลี่ในวัยเด็กก็คือ “โจ ไบเดน (Joe Biden)” ประธานาธิบดีคนปัจจุบันแห่งสหรัฐอเมริกา

ไบเดนนั้นเกิดในปีค.ศ.1942 (พ.ศ.2485) ที่เมืองสแครนตัน รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา โดยครอบครัวของเขานั้นไม่ได้มีฐานะร่ำรวย พ่อและแม่ก็ต้องทำงานหนัก

เมืองที่ไบเดนเกิดและเติบโตนั้นมีระบบชนชั้น ครอบครัวคนรวยจะได้อภิสิทธิ์ต่างๆ ซึ่งครอบครัวไบเดนก็ไม่ใช่กลุ่มครอบครัวคนรวย

ครอบครัวไบเดนต้องปากกัดตีนถีบพอสมควร มีช่วงที่การเงินฝืดเคือง ชักหน้าไม่ถึงหลัง และถึงแม้จะไม่ถึงกับยากจน แต่ก็ไม่ได้สุขสบาย ไม่ได้อยู่ในกลุ่มครอบครัวที่ร่ำรวยของเมือง

ไบเดนนั้นเติบโตมาอย่างเด็กจนๆ คนหนึ่ง มักจะรู้สึกแปลกแยก และมักจะถูกกลุ่มเด็กรวยคนอื่นๆ บูลลี่อยู่เสมอๆ

เหล่าเด็กที่มาจากครอบครัวฐานะร่ำรวยมักจะล้อเรื่องที่ไบเดนนั้นยากจนกว่าพวกตน ล้อที่เขามีเสื้อผ้าเก่าๆ บ้านโทรมๆ ไม่มีของเล่นหรือของใช้ดีๆ เหมือนพวกตน

อีกเรื่องที่ไบเดนมักจะถูกล้อก็คือเรื่อง “พูดติดอ่าง”

ในวัยเด็ก ไบเดนนั้นเป็นเด็กที่พูดติดอ่าง และการพูดติดอ่างนี้ก็กลายเป็นความท้าทายในชีวิตสำหรับเด็กอย่างไบเดน ทำให้เขายิ่งดูแปลกแยก และเป็นที่ขบขันของเพื่อนๆ

เมื่อใดที่ต้องพูดในห้องเรียนหรืองานโรงเรียน เหล่าเด็กบูลลี่มักจะล้อเลียนและทำให้ไบเดนรู้สึกแย่

ในปีค.ศ.2008 (พ.ศ.2551) ไบเดนได้กล่าวสุนทรพจน์แก่หน่วยงานเกี่ยวกับคนที่ประสบปัญหาติดอ่าง โดยไบเดนได้กล่าวถึงประสบการณ์ของตัวเอง ความว่า

“ผมนึกไม่ออกเลยว่ามีอะไรอีกบ้างที่ทำให้ผมอับอายขายหน้าได้มากเท่ากับตอนที่ผมพูดติดอ่างสมัยเป็นนักเรียนประถม”

แต่ถึงจะประสบปัญหานี้ แต่ไบเดนก็พยายามที่จะเอาชนะและไม่ยอมแพ้

นอกจากนั้น การต้องเผชิญหน้ากับพวกเด็กที่ชอบบูลลี่ก็เป็นเรื่องที่หนักหนา

ถึงแม้จะถูกเยาะเย้ย ดูถูก แต่ไบเดนก็ไม่ยอมให้ใครมาทำให้ตนรู้สึกต่ำ หากแต่กล้าที่จะลุกขึ้นเผชิญอย่างสง่าผ่าเผย

หนึ่งในผู้ที่เป็นกำลังใจสำคัญก็คือผู้เป็นแม่ โดยแม่ของไบเดนนั้นเชื่อมั่นในตัวลูกชาย และมักจะปลอบโยน ให้กำลังใจเขาเสมอ

ผู้เป็นแม่บอกกับไบเดนว่าอย่ารู้สึกต่ำต้อยเพราะแค่ตนนั้นพูดติดอ่างหรือเกิดมาจน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ตัดสินคุณค่าของคน โดยคำที่ผู้เป็นแม่พูดคือ

“จำไว้นะโจอี้ ลูกคือไบเดน ไม่มีใครดีไปกว่าลูก ลูกก็ไม่ได้ดีไปกว่าใคร แต่ก็ไม่มีใครดีกว่าลูก”

คำของผู้เป็นแม่ติดอยู่ในใจของไบเดน ทำให้เขากล้าที่จะเผชิญกับพวกบูลลี่ และเป็นหลักการหนึ่งเมื่อเขาเข้าสู่วงการเมือง

หนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัยเด็กและน่าจดจำก็คือ มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่ครอบครัวไบเดนแวะร้านโดนัทเพื่อซื้อโดนัท และขณะที่กำลังจะออกจากร้าน น้องสาวของไบเดนก็ได้ชี้ให้ไบเดนดูเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่แกล้งถีบเธอจนกระเด็นตกจากจักรยาน

ไบเดนไม่รอช้า เขาได้ขี่จักรยานกลับไปยังร้านโดนัท และพบว่าเด็กชายจอมบูลลี่นั้นยังคงอยู่ในร้านโดนัทกับผู้ปกครอง

สิ่งที่ไบเดนทำก็คือเดินเข้าไปหาเด็กชายคนนั้น และจับหัวของเด็กชายคนนั้นฟาดเข้ากับเคาน์เตอร์คิดเงินในร้าน

เรื่องราวนี้เปิดเผยมาจากตัวไบเดนเองในงานงานหนึ่ง ซึ่งกลุ่มสิทธิสตรีได้ยกย่องเขาในฐานะของผู้ที่ต่อต้านความรุนแรงในสตรี ซึ่งไบเดนได้เล่าเรื่องนี้ หากแต่ก็ได้กล่าวปิดท้ายว่า

“แต่ผมก็ไม่แนะนำให้ทำอย่างนี้นะ”

ภาพจาก : Drop of Light/ Shutterstock.com

เมื่อเติบใหญ่ ประสบการณ์การถูกบูลลี่ในวัยเด็กก็ได้ทำให้ไบเดนเข้าใจคนที่ถูกบูลลี่ และรู้สึกเห็นอกเห็นใจ เข้าใจเหยื่อเหล่านั้น

ในปีค.ศ.2020 (พ.ศ.2563) ไบเดนเคยกล่าวถึง “โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump)” โดยกล่าวว่าทรัมป์นั้นเหมือนกับเด็กจอมบูลลี่ที่ตนเคยเจอในวัยเด็ก

ไบเดนกล่าวว่าถ้าเป็นในวัยเด็ก เขาคงตบปากคนอย่างทรัมป์ไปแล้ว และตนนั้นไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของทรัมป์

ทรัมป์มักจะใช้คำพูดที่รุนแรงและโจมตีบุคคลที่เห็นต่างจากตน ซึ่งไบเดนมองว่านี่คือพฤติกรรมของพวกบูลลี่ ทางที่ดีคือควรจะปฏิบัติต่อบุคคลอื่นด้วยความเคารพและยุติธรรม

ด้วยภาพลักษณ์นี้ทำให้คนส่วนหนึ่ง (ย้ำนะครับว่า “ส่วนหนึ่ง”) ชื่นชมไบเดนที่มีความให้เกียรติและดูจะมีวุฒิภาวะ ต่อต้านการบูลลี่

เรียกได้ว่านี่ก็เป็นช่วงชีวิตหนึ่งของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา

References:

Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่

เรื่องราวชีวิตวัยเด็กของ โจ ไบเดน ที่เคยตกเป็นเหยื่อการถูกบูลลี่

References: