“อีลอน มัสก์ (Elon Musk)” กับ “ขั้วโลกใต้” และ “มนุษย์ต่างดาว”
ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ “อีลอน มัสก์ (Elon Musk)” มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ผู้มีทรัพย์สินจำนวน 269,800 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8.5 ล้านล้านบาท) และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังบริษัท “SpaceX” บริษัทขนส่งทางอวกาศและวิจัยอวกาศชื่อดัง ได้ออกมาแสดงความสนใจในเรื่องราวของขั้วโลกใต้ และแสดงความเห็นว่าอาจจะมีบางอย่างที่ไม่ธรรมดาอยู่ที่นั่น
ด้วยคำพูดนี้ ทำให้หลายคนคิดโยงไปถึงเรื่องอารยธรรมโบราณและเทคโนโลยีจากนอกโลก และสิ่งเหล่านั้นอาจจะซ่อนอยู่ที่ขั้วโลกใต้นี้เอง
เรื่องราวเป็นอย่างไร ผมจะเล่าให้ฟังครับ
ที่ผ่านมานั้น มีเรื่องเล่าต่างๆ เกี่ยวกับขั้วโลกใต้มากมาย
ด้วยความที่เป็นดินแดนห่างไกล สภาพภูมิอากาศหนาวเหน็บ ก็ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ ตามมามากมาย
มีการสำรวจขั้วโลกใต้มาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 และจนถึงทุกวันนี้ ขั้วโลกใต้ก็ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีการสำรวจน้อยที่สุดในโลก ทำให้เกิดตำนานและเรื่องเล่าต่างๆ ตามมามากมาย
มีเรื่องเล่าลี้ลับต่างๆ โดยที่ได้ยินบ่อยๆ ก็คือเรื่องของแสงประหลาดที่ปรากฏบนท้องฟ้าเหนือขั้วโลกใต้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์และกองทัพที่ประจำอยู่ในสถานีวิจัยได้พบเห็น โดยมีรายงานว่าแสงเหล่านี้เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและสว่างจ้า
ข้อเท็จจริงอีกข้อก็คือ ดูเหมือนว่าใต้พื้นน้ำแข็งนั้น ดูเหมือนจะมีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งดาวเทียมและเรดาร์จับได้ โดยบางคนเชื่อว่าสิ่งก่อสร้างเหล่านี้คือเศษซากของอารยธรรมโบราณหรือเทคโนโลยีจากต่างดาว
ปริศนาของขั้วโลกใต้ยิ่งเป็นที่พูดถึงมากขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพอเมริกันได้ดำเนินการ “ปฏิบัติการไฮจัมป์ (Operation High Jump)” ในปีค.ศ.1946 (พ.ศ.2489)
ปฏิบัติการนี้เป็นปฏิบัติการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดปฏิบัติการหนึ่งในยุคนั้น ใช้คนหลายพันคน เรือและเครื่องบินอีกจำนวนมาก โดยมีจุดประสงค์เพื่อก่อตั้งฐานทัพอเมริกันในขั้วโลกใต้ เริ่มดำเนินการสำรวจและวิจัยทางวิทยาศาสตร์
หลายคนคิดว่าปฏิบัติการนี้เป็นเพียงปฏิบัติการบังหน้าเท่านั้น แต่เบื้องหลังคือความพยายามตามหาฐานทัพเยอรมันหรือฐานทัพญี่ปุ่นหรือฐานยูเอฟโอซึ่งซ่อนอยู่ใต้น้ำแข็ง
ขั้วโลกใต้นั้นยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีรายงานการพบเห็นยูเอฟโอบ่อยครั้ง ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ ตามมามากมาย และก็ยิ่งเป็นประเด็นขึ้นมาอีกครั้งในปีค.ศ.2020 (พ.ศ.2563)
ในปีค.ศ.2020 (พ.ศ.2563) “อีลอน มัสก์ (Elon Musk)” ได้ทวิตลงโซเชียลมีเดีย โดยกล่าวถึงอารยธรรมโบราณบนดาวอังคาร ทำให้ผู้คนสนใจ
และถึงแม้ทวิตของมัสก์นั้นจะเกี่ยวข้องกับดาวอังคาร แต่หลายคนก็โยงไปว่านั่นคือการส่งสาส์นถึงปรากฏการณ์ที่คล้ายกับบนโลก โดยเฉพาะในขั้วโลกใต้
แพชชั่นเรื่องการท่องอวกาศและอารยธรรมโบราณของมัสก์ ทำให้เกิดข่าวลือตามมาว่ามัสก์อาจจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับขั้วโลกใต้ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก
“SpaceX” บริษัทของมัสก์ ก็เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจอวกาศโดยตรง ก็ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการท่องอวกาศมาแล้ว และบางคนก็คิดว่ามัสก์นั้นไม่ได้มองเพียงแค่ดาวอังคารหรือดวงจันทร์ แต่ขั้วโลกใต้อาจจะเป็นเป้าหมายต่อไปของ SpaceX
ขั้วโลกใต้นั้นเป็นพื้นที่ห่างไกล มีการพบเห็นยูเอฟโออยู่บ่อยครั้ง ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การสำรวจ โดยมัสก์ได้เคยกล่าวว่าในอนาคต SpaceX อาจจะใช้ขั้วโลกใต้เป็นสถานที่ทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ ของบริษัทในอนาคต ดังนั้นเป็นไปได้ว่าในอนาคตจะมีการสำรวจขั้วโลกใต้ครั้งใหญ่ และบางที ตัวมัสก์เองก็อาจจะเชื่อว่าขั้วโลกใต้นั้นมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
“สนธิสัญญาแอนตาร์กติก (Antarctic Treaty)” ที่จัดทำขึ้นในปีค.ศ.1959 (พ.ศ.2502) มีรัฐบาลของ 12 ประเทศร่วมกันลงนาม ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต โดยมีข้อตกลงว่าขั้วโลกใต้จะต้องเป็นที่ปลอดกองทัพและเป็นสถานที่สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ห้ามไม่ให้มีการรบและผลาญทรัพยากรธรรมชาติในขั้วโลกใต้
ฟังดูเหมือนจะดี แต่ดูเหมือนว่าผู้ที่เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดจะคิดต่างออกไป โดยคิดว่าความเข้มงวดที่ระบุในสนธิสัญญา โดยเฉพาะการเข้าถึงพื้นที่ขั้วโลกใต้ แท้จริงแล้วก็เพื่อปกปิดการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว
บางที พื้นที่ที่ห้ามเข้าถึงเหล่านี้อาจจะซุกซ่อนเทคโนโลยีบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยได้
บทบาทของกองทัพในขั้วโลกใต้ก็ทำให้หลายฝ่ายเป็นกังวล เนื่องจากถึงแม้ตามสนธิสัญญาจะระบุห้ามมีการทำกิจกรรมทางการทหารในพื้นที่ขั้วโลกใต้ แต่ที่ผ่านมา ก็มีปฏิบัติการทางทหารเช่น ปฏิบัติการไฮจัมป์ ทำให้ยิ่งเกิดความคิดว่าขั้วโลกใต้อาจจะมีบางสิ่งที่มากกว่าที่หลายๆ คนคิด
บางคนคิดว่าขั้วโลกใต้นั้นมีการดำเนินการของโครงการลับของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่ค้นพบในขั้วโลกใต้ โดยมีการกล่าวอ้างว่ากองทัพได้ค้นพบเทคโนโลยีจากนอกโลกและสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก และเรื่องนี้ก็ถูกปิดเป็นความลับมานานหลายสิบปี
หากว่ารัฐบาลหรือบริษัทเอกชนรายใหญ่สามารถครอบครอง ควบคุมเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ ก็จะสร้างผลประโยชน์มหาศาล และก็จะมีคนเพียงแค่หยิบมือที่สามารถแสวงผลประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้
นอกจากนั้น หากมีการเปิดเผยว่ามีการค้นพบสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกที่ขั้วโลกใต้ ก็อาจจะเกิดความตื่นตกใจในหมู่ประชาชน ทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายต่างๆ ตามมา รัฐบาลจึงต้องปกปิดข้อมูลเหล่านี้เป็นความลับ
บางที บริษัทเอกชนขนาดใหญ่อย่าง SpaceX อาจจะมีศักยภาพพอที่จะเปิดเผยความลับของขั้วโลกใต้ได้
และหากมีการสำรวจขั้วโลกใต้อย่างจริงจัง บางที ความลับบางอย่างที่ไม่เคยมีใครทราบก็อาจจะถูกเปิดเผยก็เป็นได้
References:
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่