กุ้งล็อบสเตอร์ จากอาหารคนจน กลายเป็นเมนูจานหรู ราคาแพงได้อย่างไร ?

ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา

เพจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์น่ารู้ต่างๆ ทั่วโลก เพราะประวัติศาสตร์จะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป

          “กุ้งล็อบสเตอร์ (Lobster)” อาหารสุดหรูที่เคยเป็นอาหารของนักโทษในอดีต
กุ้งล็อบสเตอร์

          ในปีค.ศ.1622 (พ.ศ.2165) “วิลเลียม แบรดฟอร์ด (William Bradford)” ข้าหลวงแห่งอาณานิคมพลิมัทในนิวอิงแลนด์ ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับชาวอาณานิคมที่เดินทางมาจากอังกฤษ หากแต่อาหารที่จะใช้เลี้ยงต้อนรับก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากกุ้งล็อบสเตอร์กับน้ำเปล่า

          เมื่อฟังอย่างนี้หลายคนอาจจะประหลาดใจ ทำไมถึงบอกว่าไม่มีอะไรเลยนอกจากกุ้งล็อบสเตอร์? กุ้งล็อบสเตอร์นี่คืออาหารหรูหรามากเลยไม่ใช่หรือ?

          จริงๆ แล้วเรื่องราวของกุ้งล็อบสเตอร์นั้นมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจกว่าที่หลายคนคิด
          เรื่องราวเป็นอย่างไร ผมจะเล่าให้ฟังครับ
          อันที่จริง เรื่องราวของกุ้งล็อบสเตอร์นั้นมีสองด้าน มาจากสองซีกโลก นั่นคือโลกยุโรปโบราณและโลกใหม่ในสหรัฐอเมริกา
          ในสมัยโบราณ ชาวกรีกและชาวโรมันทานกุ้งล็อบสเตอร์ โดยกุ้งล็อบสเตอร์นั้นเป็นอาหารสำหรับชนชั้นสูง และทั้งชาวไวกิ้งและอารยธรรมโมเช ต่างก็ชื่นชอบกุ้งล็อบสเตอร์
          ในยุคของไวกิ้ง การเดินเรือเฟื่องฟูไปทั่วตอนเหนือของยุโรป และกุ้งล็อบสเตอร์ก็กลายเป็นอาหารจานหลักของชาวเรือ ส่วนอารยธรรมโมเชนั้น ไม่เพียงใช้กุ้งล็อบสเตอร์เป็นอาหารเท่านั้น แต่ยังใช้เปลือกเป็นเครื่องมือและเครื่องประดับอีกด้วย
          ในช่วงยุคมืดของยุโรป คริสตจักรได้ส่งเสริมให้งดการทานเนื้อสัตว์บกในบางวันของสัปดาห์ ทำให้ความต้องการอาหารทะเลสูงขึ้น และกุ้งล็อบสเตอร์ก็ถูกโฆษณาว่าดีต่อสุขภาพและช่วยส่งเสริมสมรรถภาพทางเพศ
          แต่หากมองจากฝั่งโลกใหม่ กลับกลายเป็นหนังคนละม้วน
          เมื่อชาวอาณานิคมอังกฤษมาถึงนิวอิงแลนด์ ชาวอาณานิคมก็เห็นชนเผ่าพื้นเมืองทานกุ้งล็อบสเตอร์ ซึ่งในเวลานั้น กุ้งล็อบสเตอร์นั้นมีเป็นจำนวนมาก และมักจะเกยตื้นขึ้นมาติดบนชายหาด
          แน่นอนว่าเมื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีจำนวนมาก ราคาก็จะตก มูลค่าหาย ซึ่งชาวอาณานิคมก็เห็นกุ้งล็อบสเตอร์นี้ทุกวัน จึงเริ่มจะเบื่อหน่ายและรังเกียจกุ้งล็อบสเตอร์
          กุ้งล็อบสเตอร์กลายเป็นสัญลักษณ์ของความยากจนในสหรัฐอเมริกาสมัยศตวรรษที่ 17 ผู้คนต่างดูถูกกุ้งล็อบสเตอร์ และมักจะเอากุ้งล็อบสเตอร์ไปทำปุ๋ยหรือไม่ก็เป็นอาหารสัตว์ ไม่นิยมบริโภค
          กุ้งล็อบสเตอร์กลายเป็นอาหารสำหรับนักโทษและคนรับใช้ เป็นอาหารสำหรับชนชั้นล่าง ที่นิวอิงแลนด์ เหล่าคนรับใช้ถึงกับจับกลุ่มประท้วงไม่ยอมทานกุ้งล็อบสเตอร์มากกว่าสัปดาห์ละสองครั้ง
          กุ้งล็อบสเตอร์ยังถูกใช้เป็นเหยื่อตกปลา หากแต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในสมัยศตวรรษที่ 19 เนื่องจากความเจริญสามข้อในสหรัฐอเมริกา
  1. ทางรถไฟ 
  2. อาหารกระป๋อง
  3. สงครามกลางเมือง
          เมื่อถึงศตวรรษที่ 19 ชาวยุโรปจำนวนมากได้อพยพเข้ามายังสหรัฐอเมริกา และต่างก็ไม่รู้จักกุ้งล็อบสเตอร์ ไม่เหมือนกับชาวอาณานิคมที่อยู่มาก่อนและเห็นกุ้งล็อบสเตอร์จนชินแล้ว
          ในช่วงสงครามกลางเมืองในสหรัฐอเมริกา รัฐบาลของแต่ละฝ่ายมองว่ากุ้งล็อบสเตอร์คือเสบียงชั้นดี และก็เริ่มมีการผลิตกุ้งล็อบสเตอร์ใส่กระป๋องไปยังแนวรบต่างๆ โดยในเวลานั้นอุตสาหกรรมอาหารกระป๋องกำลังเติบโต ทำให้การขนส่งกุ้งล็อบสเตอร์ไปยังพื้นที่ห่างไกลสะดวกขึ้น
          การกำเนิดกุ้งล็อบสเตอร์กระป๋องทำให้ผู้คนจำนวนมากได้ลองลิ้มชิมรสชาติของกุ้งล็อบสเตอร์ ผู้คนในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจกุ้งล็อบสเตอร์เหมือนชาวนิวอิงแลนด์แต่ก่อน และต่างก็อยากลองชิมกุ้งล็อบสเตอร์กระป๋อง ราคาก็ถูก ทำให้ความรู้สึกที่ว่ากุ้งล็อบสเตอร์เป็นอาหารสำหรับชนชั้นล่างค่อยๆ หายไป
          ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กุ้งล็อบสเตอร์ก็เป็นอาหารเพียงไม่กี่อย่างที่ไม่ได้ถูกจำกัดการบริโภคในสหรัฐอเมริกา ทำให้ความนิยมในกุ้งล็อบสเตอร์ยิ่งขยายไปอย่างกว้างไกล
          การขยับขยายของรางรถไฟในสหรัฐอเมริกาก็ทำให้กุ้งล็อบสเตอร์ได้รับความนิยมมากกว่าเดิม เหล่าเชฟต่างคิดว่าหากนำกุ้งล็อบสเตอร์มาเสิร์ฟให้ผู้โดยสารบนรถไฟ ก็น่าจะดีไม่น้อย
          กุ้งล็อบสเตอร์เป็นๆ กลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากบนรถไฟ มีการขนส่งกุ้งล็อบสเตอร์เป็นๆ ไปยังหลายพื้นที่ในสหรัฐอเมริกา
          เมื่อความต้องการเพิ่มสูงขึ้น ภาพลักษณ์อาหารสำหรับคนยากจนของกุ้งล็อบสเตอร์ก็หายไป เชฟในนิวยอร์กและบอสตันก็เริ่มนำกุ้งล็อบสเตอร์มาเสิร์ฟเป็นเมนูหลักในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และเมื่อถึงต้นศตวรรษที่ 20 ความรู้สึกรังเกียจล็อบสเตอร์ก็หายไปอย่างถาวร
          ในศตวรรษที่ 20 กุ้งล็อบสเตอร์กลายเป็นอาหารยอดนิยมในสหรัฐอเมริกา หากแต่ราคายังไม่ได้แพงกระเป๋าฉีกดังเช่นทุกวันนี้
          แล้วทำไมในปัจจุบันกุ้งล็อบสเตอร์จึงแพงนักล่ะ?
          จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ พบว่าหากคนสองคนไปทานอาหารอิตาเลียนในร้านอาหารบุฟเฟต์ และทานอาหารแบบเดียวกัน แต่คนแรกต้องจ่ายค่าอาหารแพงกว่า แต่อีกคนจ่ายถูกกว่าครึ่งหนึ่งทั้งๆ ที่กินอาหารแบบเดียวกัน ทำให้คนที่จ่ายแพงกว่าคาดหวังว่าอาหารของตนจะต้องเลิศกว่า เป็นที่น่าพึงพอใจมากกว่าของอีกคน
          ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ เราย่อมคาดหวังว่าจะต้องได้ในสิ่งที่เราจ่ายเงินไป
          สิ่งที่มีราคาถูกก็อาจจะไม่ได้ดีเลิศ ดังนั้นราคาของกุ้งล็อบสเตอร์จึงสะท้อนถึงคุณค่าที่มนุษย์มองกุ้งล็อบสเตอร์ ถึงแม้ว่าปริมาณกุ้งล็อบสเตอร์จะมีมาก ไม่ได้ขาดแคลน แต่ราคาก็ไม่เคยตกเนื่องจากภาพลักษณ์ความเป็นอาหารหรูหราของกุ้งล็อบสเตอร์
          แต่ก็ยังมีเหตุผลอื่นๆ อีกที่ทำให้ราคากุ้งล็อบสเตอร์ไม่ตก
          การเลี้ยงกุ้งล็อบสเตอร์นั้นทำได้ยาก มักจะต้องเป็นการจับจากทะเลน้ำลึก และกว่ากุ้งล็อบสเตอร์จะโตก็ต้องใช้เวลากว่าเจ็ดปี อีกทั้งกุ้งล็อบสเตอร์ยังกินอาหารในปริมาณมาก ซึ่งหนึ่งในเหยื่อที่ใช้จับกุ้งล็อบสเตอร์ก็คือปลาแฮร์ริง ซึ่งก็มีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ
          นอกจากนั้น กุ้งล็อบสเตอร์ยังอ่อนแอ ติดเชื้อง่าย เน่าเสียง่าย การขนส่งจึงมักจะต้องส่งล็อบสเตอร์เป็นๆ ไปยังจุดหมาย ทำให้ราคากุ้งล็อบสเตอร์ยิ่งแพงขึ้นไปอีก
          เชฟที่ปรุงกุ้งล็อบสเตอร์ก็นิยมที่จะใช้กุ้งล็อบสเตอร์เป็นๆ มากกว่า เนื่องจากกุ้งล็อบสเตอร์ที่ตายแล้วเนื้อจะแข็ง หยาบกระด้าง ในขณะที่กุ้งล็อบสเตอร์เป็นๆ เนื้อจะมีความนุ่ม เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า
          กุ้งล็อบสเตอร์ขนาด 1.5 ปอนด์ให้เนื้อได้เพียงแค่ประมาณสี่ออนซ์ ในขณะที่ร้านอาหารต้องซื้อในราคาเต็มทั้งตัว ดังนั้นจึงต้องคิดราคาเพิ่มกับลูกค้า ทำให้ราคายิ่งแพงขึ้นไปอีก
          อ่านถึงตรงนี้ก็อาจจะเข้าใจแล้วว่าทำไมกุ้งล็อบสเตอร์จึงมีราคาแพงมาก แต่ลองสมมติว่าเราสามารถลดราคากุ้งล็อบสเตอร์ให้ถูกลงได้ล่ะ จะทำให้มีลูกค้าหันมาทดลองกินกุ้งล็อบสเตอร์มากขึ้นหรือไม่?
          อาจจะไม่เป็นเช่นนั้น
          จากการศึกษาในปีค.ศ.1996 (พ.ศ.2539) พบว่าผู้คนคิดว่ากุ้งล็อบสเตอร์ราคาถูกนั้นมีอันตราย อีกทั้งการจะเปลี่ยนมุมมองของผู้คนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะเปลี่ยนให้ผู้คนมองว่ากุ้งล็อบสเตอร์เป็นของแพงและไม่ใช่อาหารสำหรับชนชั้นล่างก็ต้องใช้เวลากว่า 200 ปี
          ดังนั้นหากมีใครมาบอกว่าจะเสริ์ฟกุ้งล็อบสเตอร์จานละ 99 บาท เราก็คงคิดว่ามันแปลกๆ ไม่น่าใช่กุ้งล็อบสเตอร์ของแท้
          สมมติมีคนบอกจะขายนาฬิกา Patek Philippe ราคาเรือนละ 15,000 บาท สิ่งที่ตัวผมและเชื่อว่าคนที่เล่นนาฬิกาต้องคิดเหมือนกันก็คือ “ของเก๊แน่นอน”
          นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการลดราคากุ้งล็อบสเตอร์ให้ถูกลงเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดี การจะเปลี่ยนกุ้งล็อบสเตอร์จากอาหารหรูหรากลับเป็นอาหารธรรมดาสามัญก็คงต้องใช้เวลาไม่น้อย

          และนี่ก็คือเรื่องราวของกุ้งล็อบสเตอร์ อาหารหรูหราราคาแพงที่มีประวัติความเป็นมาไม่ธรรมดา

          แล้วคุณล่ะครับ? ชอบทานกุ้งล็อบสเตอร์หรือไม่?

References:

Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่
เรื่องอื่นๆของ ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา
Advertisements
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กุ้งล็อบสเตอร์ จากอาหารคนจน กลายเป็นเมนูจานหรู ราคาแพงได้อย่างไร ? อัปเดตล่าสุด 1 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13:15:41 5,296 อ่าน
TOP