สำรวจโครงสร้างทางการเมืองและเศรษฐกิจ เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิอินคา

ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา

เพจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์น่ารู้ต่างๆ ทั่วโลก เพราะประวัติศาสตร์จะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป

          โครงสร้างทางการเมืองและเศรษฐกิจของ “จักรวรรดิอินคา (Inca Empire)”
จักรวรรดิอินดา

          ในช่วงศตวรรษที่ 15 และศตวรรษที่ 16 คือช่วงที่ “จักรวรรดิอินคา (Inca Empire)” รุ่งเรืองสุดขีด
          “จักรวรรดิอินคา (Inca Empire)” คือจักรวรรดิที่ครอบคลุมดินแดนกว้างใหญ่ ตั้งแต่ดินแดนที่ปัจจุบันคือประเทศเปรู เอกวาดอร์ ชิลี โบลิเวีย และดินแดนบางส่วนในโคลัมเบีย
          เรียกได้ว่าจักรวรรดิอินคาคือหนึ่งในอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองแห่งหนึ่งของยุคโบราณ
          สิ่งหนึ่งที่ทำให้จักรวรรดิแห่งนี้รุ่งเรืองและดำรงอยู่มาเป็นเวลานานนับศตวรรษ ก็คือโครงสร้างทางการเมืองและเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ
          บทความนี้เราจะลองมาดูรายละเอียดของโครงสร้างทางการเมืองและเศรษฐกิจของจักรวรรดิอินคากันครับ
          จักรวรรดิอินคามีรัฐบาลแบบรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง โดยมีผู้นำสูงสุดคือองค์จักรพรรดิหรือ “ซาปาอินคา (Sapa Inca)”
          ซาปาอินคาและสมาชิกราชวงศ์จะประทับอยู่ในเมืองคุสโค ซึ่งเป็นเมืองหลวง ส่วนแคว้นต่างๆ ก็จะมีผู้ปกครองของแต่ละแคว้น ขึ้นตรงต่อซาปาอินคาซึ่งเป็นผู้ปกครองสูงสุด
          อำนาจสูงสุดอยู่ที่ซาปาอินคา ซึ่งตามคติความเชื่อของชาวอินคา ซาปาอินคาคือเทพ เป็นตัวกลางระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า และด้วยความเชื่อนี้ ทำให้ชาวอินคาเคารพและนอบน้อมต่อซาปาอินคา ทำให้ซาปาอินคาเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนในดินแดนต่างๆ ใต้อำนาจของจักรวรรดิอินคา
          จักรวรรดิอินคานั้นแบ่งออกเป็นสี่แคว้น และแต่ละแคว้นก็จะถูกปกครองโดยข้าหลวงหรือเจ้าแคว้นที่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งแต่ละแคว้นแต่ละแดนจะได้รับสิทธิในการใช้ภาษาและดำรงไว้ซึ่งธรรมเนียมของตนได้ตามปกติ หากแต่ต้องถวายความจงรักภักดีต่อซาปาอินคาโดยการส่งเครื่องบรรณาการ
          เรียกได้ว่าระบอบการปกครองของจักรวรรดิอินคาถือว่าเป็นระบอบที่มีประสิทธิภาพในยุคนั้น โดยระบอบชนชั้นทางสังคมของจักรวรรดิอินคานั้น ก็ประกอบด้วยชนชั้นขุนนาง นักบวช สมุหบัญชี ผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่รัฐ
          ชาวอินคานั้นไม่มีระบบการเขียนที่ก้าวหน้า แต่มีการใช้เชือกถักมีสีเพื่อใช้ในการบันทึกจำนวนประชากรและสิ่งของ คำนวณภาษี โดยระบบการติดต่อสื่อสารในดินแดนนั้นจะผ่านเครือข่ายถนนและม้าเร็ว
          สำหรับเศรษฐกิจของจักรวรรดิอินคา จะบริหารผ่านส่วนกลาง มีการควบคุมการผลิตและจัดจำหน่ายอย่างเคร่งครัด โดยชนชั้นปกครองจะเป็นผู้ควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และสินค้าส่วนเกินจะถูกส่งไปให้แก่เหล่าชนชั้นปกครอง
          การเกษตรคือกิจกรรมหลักทางเศรษฐกิจ เกษตรกรจะปลูกพืชหลากชนิด เช่น ข้าวโพด มันฝรั่ง ถั่ว พริก ฟักทอง มันสำปะหลัง และถั่วลิสง เป็นต้น
          การปลูกพืชหลากชนิดและการวางแผนทางการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ทางการสามารถคาดการณ์ปริมาณพืชผลที่จะเก็บเกี่ยวได้ล่วงหน้า และพืชผลส่วนเกินยังนำไปใช้เลี้ยงคนในเมือง รวมทั้งเป็นเสบียงกองทัพได้อีกด้วย
          ชาวอินคายังมีระบบการผลิตสินค้าที่มีประสิทธิภาพ มีการผลิตทั้งอาวุธ เสื้อผ้า และเครื่องปั้นดินเผา โดยระบบถนนหนทางในจักรวรรดิอินคาที่มีเครือข่ายยาวนับหมื่นกิโลเมตร ก็ทำให้ขนส่งสินค้าไปทั่วอาณาจักรได้โดยสะดวก
          การทำเหมืองคืออีกหนึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยแร่ที่เป็นแร่หลักก็คือทองคำ ซึ่งชาวอินคาถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแร่เงินที่สำคัญรองลงมา
          คนงานในเหมืองแร่ต้องทำงานหนัก หากแต่ภาครัฐก็เลี้ยงดูอย่างดี โดยทองคำที่ได้จะถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ
          สำหรับระบอบสกุลเงินนั้น จักรวรรดิอินคาไม่มีระบอบสกุลเงินของตน กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่การแลกเปลี่ยนแรงงานเป็นหลัก และที่ดินก็จะแบ่งออกเป็นสามประเภท หนึ่งคือที่ดินที่ใช้สำหรับภาคศาสนาและภาครัฐ สองคือที่ดินที่ใช้สำหรับให้ประชาชนทำกิน และสามคือที่ดินสำหรับองค์กษัตริย์
          เกษตรกรจะได้รับที่ดินให้เพาะปลูก โดยผลผลิตที่ได้ส่วนมากเกษตรกรจะเก็บไว้บริโภคเอง แต่เกษตรกรก็ต้องเป็นแรงงานสำหรับกิจกรรมทางศาสนา ภาครัฐ และที่ดินขององค์กษัตริย์ด้วย
          แรงงานในที่ดินของรัฐจะไม่ได้รับค่าตอบแทน แต่จะได้รับที่พักและอาหาร โดยแรงงานแต่ละคนจะต้องรับใช้ภาครัฐเป็นระยะเวลาหนึ่ง นานเท่าใดก็ขึ้นกับสถานะทางสังคมของผู้นั้น
          จักรวรรดิอินคายังเรียกรับเครื่องบรรณาการจากดินแดนที่จักรวรรดิอินคาเข้ายึดครอง ทั้งเสบียงอาหาร เสื้อผ้า และสิ่งของหรูหราต่างๆ
          สำหรับโครงสร้างทางสังคมนั้น บนสุดคือองค์กษัตริย์และเหล่าพระราชวงศ์ ตามมาด้วยชนชั้นขุนนางและชนชั้นสูง ตามมาด้วยนักบวช ต่อด้วยเหล่าช่างฝีมือและพ่อค้า จนสุดท้ายคือชาวนาชาวไร่
          ชนชั้นขุนนางจะมีชีวิตที่สุขสบายและควบคุมเศรษฐกิจจำนวนมาก ส่วนชาวนาชาวไร่ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่อย่างหรูหรา แต่ก็ได้รับสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ใช้ในการดำรงชีพจากภาครัฐ
          การเลื่อนชนชั้นทางสังคมนั้นทำได้จำกัด อาจจะมีบ้างเล็กน้อยเช่น ทหารที่ทำผลงานได้ดีและได้เลื่อนยศ
          เด็กกำพร้า หญิงม่าย คนพิการ และคนชรา จะได้รับอาหารจากภาครัฐ ส่วนการแพทย์ก็มีการรองรับอย่างดี ทั้งการสร้างโรงอาบน้ำและมีการรักษาคนป่วยด้วยสมุนไพร มีแม้กระทั่งการผ่าตัดอย่างง่ายๆ
          ความรุ่งเรืองของจักรวรรดิอินคาดำเนินเรื่อยมาจนกระทั่งสเปนเข้ามารุกรานในต้นศตวรรษที่ 16 ทำให้ประวัติศาสตร์ของอินคาต้องเปลี่ยนไปในที่สุด
          และจักรวรรดิอินคา ก็คือหนึ่งในอารยธรรมโบราณที่ยังเป็นที่ศึกษามาจนถึงปัจจุบัน
          References:
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่
เรื่องอื่นๆของ ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา
Advertisements
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สำรวจโครงสร้างทางการเมืองและเศรษฐกิจ เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิอินคา อัปเดตล่าสุด 17 มีนาคม 2568 เวลา 10:49:47
TOP