ปลดล็อกชีวิตที่ถูกคาดหวัง...บทเรียนวัย 60 เพื่อเริ่มต้นใหม่ในแบบของเรา

ลาไปอ่านหนังสือ.

หยิบเล่มไหนก็รีวิวเล่มนั้น บางครั้งก็เล่าเรื่องราวระหว่างบรรทัดของการอ่าน

          พอ... มานั่งนึกดูหลายครั้งเราก็เผลอใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการน้อยเกินไป และเลือกที่จะอยู่บนความคาดหวังของคนอื่นมากเกินไป สุดท้ายเราก็เสียเวลาเกือบทั้งชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์
จะมัวแคร์คนอื่นทำไม ถ้ายังไหวก็ลุยเลย

         ขณะเดียวกัน เราก็คิด.. ว่าการมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เราพบกับความยากลำบากของร่างกายมากขึ้น จนในที่สุดก็เบียดเบียนความคิดของเราให้ "ยอมจำนนกับข้อจำกัดด้านร่างกาย และไม่กล้าที่จะใช้ชีวิตแบบที่เคยคิดเอาไว้"
         ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากการใช้ชีวิตแบบไหน เราก็ได้รับแต่ผลลัพธ์ที่แย่อยู่ดี แล้วประเด็นสำคัญก็คือ ชีวิตของเราไม่ได้ใช้แบบที่อยากใช้เลย...
         ก็ถ้าเรารู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อให้ชีวิตไม่ต้องลงเอยกับผลลัพธ์อย่างที่กล่าว
งั้นลองมาอ่านเรื่องราวของคุณย็องมี ผู้หญิงในวัย 60 กว่าปีดูกัน... 
         (1) เล่น เมื่อยังเล่นได้ : ความแก่ไม่ได้ทำให้ความฝันของเราหยุดลง ในเมื่อเรายังรู้สึกว่าชีวิตยังดำเนินต่อไปได้ ความฝันนั้นก็ยัง.. มีโอกาสเป็นความจริงได้เช่นกัน
  • เพราะชีวิตประจำวันคือปาฏิหาริย์ แค่มีชีวิตแบบราบเรียบไม่ต้องเผชิญหน้ากับความวุ่นวายในแต่ละวันก็ถือว่าวันเหล่านี้คือปาฏิหาริย์แล้ว
  • ถ้าเรายังยึดติดกับความคิดและความคาดหวังของคนอื่น ชีวิตของเราคงยากลำบากขึ้นมาก แต่.. พอเราได้ปลดแอกและทำในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ โดยไม่ได้เดือดร้อนคนอื่น เท่านั้นแหละ ชีวิตของเราก็กลับคืนมา
  • ความสำคัญของการแก่ชราก็คือ "ครั้งหนึ่งเราเคยหนุ่มสาวมาก่อน ขณะที่คนหนุ่มสาวกลับจะไม่เคยสัมผัสความรู้สึกเหล่านี้" สิ่งนี้อาจจะไม่ใช่แง่มุมที่ทำให้เรามีความสุขก็ได้ แต่... สิ่งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเป็นทุกข์ที่จะต้องปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้กลับมาหนุ่มสาวอีกครั้ง ทั้งหมดอยู่ที่สีหน้าและท่าทางของเราต่างหาก
         (2) มอง เมื่อยังมองเห็น : สิ่งที่น่าสนใจ... คือ เรามักจะเลือกเลื่อนหรือผัดเวลาออกไปก่อนเสมอ และหลายครั้งเราก็พลาดสิ่งสำคัญที่สุดไปอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นหากจะทำสิ่งสำคัญและมีคุณค่าสำหรับเรา ก็ขอให้ทำทันที
  • ระหว่างการเดินทาง เราเองก็เจอกับเรื่องราวมากมาย ความเหงาหรือความคิดถึงต่างก็เข้าจู่โจมเราได้เสมอ ความเหงานั้นเกิดจากความคิดที่อยากให้ใครสักคนเข้ามาเติมเต็ม ส่วนความคิดถึง... นั้น เรากลับต้องการคนเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่เราคิดถึง นี่ยังไม่รวมถึงสิ่งที่ตกผลึกได้ระหว่างการขึ้นรถประจำทาง มีทั้งคนขึ้น มีทั้งคนลง แต่ละคนมีป้ายที่จะขึ้นและลง ดังนั้นเราเองก็ต้องตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้เช่นกัน
  • ในจังหวะที่เรามองเห็นสิ่งรอบตัว เราก็รับรู้ได้ว่า เรานั้นสะสมสิ่งของต่างๆ มากมาย การเลือกที่จะไม่ละทิ้ง... ก็เท่ากับเราเลือกที่จะตัดโอกาสใหม่ๆ ในชีวิต ดังนั้นชีวิตที่เหลืออยู่ก็คือการตัดสินใจทิ้งบางสิ่ง เพื่อเพิ่มเติมบางอย่างเสมอ
         (3) ไป เมื่อยังไปได้ : ชีวิตมักจะไม่เป็นไปตามที่เราเลือกหรอก แทนที่จะเลือกเชื่อและใช้ชีวิตตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ รวมถึงกำหนดว่าต้องไปให้ถึง ลองนำความรู้ที่มีมาใช้และค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงจุดหมายกัน
  • ส่วนหนึ่งของชีวิตคือการเดินทาง หลายครั้งที่การเดินทางของเราเร่งด่วนและเร่งรีบจนละเลยสภาพแวดล้อมระหว่างการเดินทาง เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง เราจะชะลอการเดินทางลง ใช้เวลากับสภาพแวดล้อมรอบตัวมากขึ้น ใส่ใจกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง
  • เมื่อเราเจอกับสิ่งต่างๆ มากขึ้น วันหนึ่งเราจะพบว่า "ทุกอย่างในชีวิตคือการเช่าทั้งนั้น... ตั้งแต่ร่างกาย รถ บ้าน ครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่งาน ทุกอย่างล้วนเช่าชั่วคราวทั้งสิ้น"
         (4) ในวัย 60 ปี ชีวิตเพิ่งเริ่มต้น : เอาเข้าจริง การใช้ชีวิตในแต่ละช่วงอายุ ล้วนแต่เริ่มใหม่ได้เสมอ ขอแค่เราได้ใช้อายุเป็นไปตามวัย เลิกเอาความคิดเรื่องอายุมาผูกติดกับตัวของเรา และใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการจะดีกว่า...
  • ชีวิตเปรียบเหมือนของขวัญสุดพิเศษ อดีตเป็นแค่หน้าหนึ่งที่ผ่านมาแล้ว อนาคตก็ยังเป็นเรื่องลึกลับที่ยังมาไม่ถึง มีเพียงปัจจุบันเท่านั้นแหละที่เป็นของขวัญสำหรับเรา ดังนั้นหากเราให้ความสำคัญกับปัจจุบันให้ดี... อนาคตอาจจะคลี่คลายและสดใสก็เป็นไป

ความรู้สึกหลังอ่าน

          โดยรวมเป็นหนังสือที่ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของเวลา การเริ่มต้นใหม่เกิดขึ้นได้เสมอและความสำคัญของอายุที่เพิ่มมากขึ้น ในแง่หนึ่งความแก่ไม่ได้ทำให้เราสูญเสียตัวตนของเรา ความรู้สึกที่เอาตัวเองไปผูกติดกับความคิดของคนอื่นต่างหากที่ทำให้เราพลาดสิ่งดีๆ ในชีวิตไป ดังนั้นถ้าเราใช้ชีวิตที่สอง (ตอนนี้แหละ) ได้อีกครั้งด้วยความคิดที่จะไม่ละทิ้งตัวตน และเลือก... ในแบบที่เราเลือกได้ ก็มีโอกาสที่เราจะได้พบกับวันที่ได้ใช้ชีวิตเหมือนทุกสิ่งเป็นปาฏิหาริย์
          สุดท้ายไอน์สไตน์กล่าวไว้ว่า "การใช้ชีวิตมีแค่ 2 แบบ ได้แก่ ใช้ชีวิตแบบไม่มีปาฏิหาริย์ หรือไม่ก็ใช้ชีวิตเหมือนทุกสิ่งคือปาฏิหาริย์"
          จะมัวแคร์คนอื่นทำไม ถ้ายังไหวก็ลุยเลย
          (1) https://s.shopee.co.th/9UoLa1nW9E
          (2) https://s.lazada.co.th/s.EmNSv?cc
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่
เรื่องอื่นๆของ ลาไปอ่านหนังสือ.
Advertisements
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ปลดล็อกชีวิตที่ถูกคาดหวัง...บทเรียนวัย 60 เพื่อเริ่มต้นใหม่ในแบบของเรา อัปเดตล่าสุด 26 พฤษภาคม 2568 เวลา 11:21:48 1,605 อ่าน
TOP