#นวนิยายที่มีฉากต่างประเทศ#ตามลมปลิว #ววินิจฉัยกุล#เรื่องราวระหว่างบรรทัดจากหนังสือที่รัก #นวนิยายที่รัก #หนังสือที่รัก

วันนี้นำบันทึกการอ่านนวนิยายเรื่อง "ตามลมปลิว" ของ ว.วินิจฉัยกุล มารีไรต์และรีรันลงเพจและแชร์ในกลุ่มอีกครั้งค่ะ
นวนิยายเรื่องนี้มีจุดเด่นตรงที่มีฉากสำคัญในต่างประเทศ แถบบ้านใกล้เรือนเคียงของเรา นั่นคือ เมืองหลวงพระบาง อ่านไปก็จะนึกภาพตามชัดเจนสวยงามตามท้องเรื่องค่ะ บันทึกนี้เขียนไว้ตั้งแต่ปี 2562 นะคะ
ระหว่างที่ฉันจัดตู้หนังสือเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ฉันค้นพบว่ากองดองเฉพาะนวนิยายของนักเขียนคนโปรดนั้นมีไม่ใช่น้อยๆ
เมื่อมานั่งเช็คไล่เรียงรายชื่อผลงานเขียนของทั้ง ว.วินิจฉัยกุล และแก้วเก้า ที่ตีพิมพ์วางจำหน่ายแล้ว รวมถึงนักเขียนท่านอื่นๆ ที่ตามอ่านผลงานไม่แพ้กัน อย่าง โสภาค สุวรรณ, กฤษณา อโศกสิน, ทมยันตี และอีกหลายท่าน
ฉันพบว่าตนเองยังพลาดไปอีกหลายเล่ม หลายเรื่อง ที่น่าอ่าน น่าสนใจ ซึ่งเป้าหมายการซื้อเก็บสะสมจะยังดำเนินต่อไป ควบคู่ไปกับการอ่านเพื่อเคลียร์กองดองเท่าที่มีในตู้หนังสือ ตบท้ายด้วยการเขียนบันทึกการอ่านไว้ระลึกถึงในภายหลังยามคิดถึง
สำหรับวันนี้ถึงคิวของนวนิยายที่ชอบมากอีกเรื่องของ ว.วินิจฉัยกุล เรื่อง "ตามลมปลิว"
ความจริงเรื่องนี้ฉันเคยอ่านไปรอบหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ยังจำได้ถึงความประทับใจในตัวละครเอกของเรื่อง ประกอบกับฉากสำคัญๆ ที่ผู้เขียนเลือกเมืองหลวงพระบาง มาเป็นสถานที่พบกัน เรียนรู้กันของพระเอกและนางเอก
พรีมา หรือ พราว นางเอกสาวสวยที่สมบูรณ์พร้อม เติบโตมาในครอบครัวที่มีผู้ใหญ่ดูแลอบอุ่น ทั้งคุณย่า คุณป้า และคุณแม่ของเธอ เป็นครอบครัวหญิงแกร่งที่อยู่ด้วยกันหลังหัวหน้าครอบครัวคือพ่อจากไป เธอเรียนจบ ทำงานบริษัทเอกชน มั่นคง และมีแววก้าวหน้า แล้วก็มีแฟนและแต่งงาน ตามขั้นตอนชีวิตที่สมบูรณ์
ที่บ้านของพราวแบ่งพื้นที่เปิดเป็นร้านอาหาร เป็นกิจการที่คุณป้าและคุณแม่ของพราวดูแล
พราวเป็นหญิงสาวที่น่าจะมีความสุขสมบูรณ์ เพราะเรื่องราวเริ่มต้นด้วยชีวิตแต่งงานแสนสุขกับหนุ่มรูปหล่อ ดีกรีด็อกเตอร์หนุ่มจากอังกฤษ "ดลภพ" นักวิชาการในหน่วยงานราชการ มีงานมั่นคง และหลังแต่งงานก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเจ้าสาว
แต่นวนิยายที่เริ่มต้นด้วยการแต่งงานของนางเอกแล้วนั้น เรามักจะเดาเรื่องได้ว่าสุดท้ายชีวิตแต่งงานนั้นไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ดั่งเช่นพล้อตเรื่องระยะหลังๆ ของผู้เขียน ที่ฉันคิดว่าสะท้อนชีวิตแต่งงานของหนุ่มสาวยุคใหม่ที่เมื่อแต่งงานแล้วไปไม่รอดก็ไม่จำเป็นต้องทนอยู่กันต่อ เรื่องนี้ก็ไม่ต่างกัน
"ตามลมปลิว" ชื่อเรื่องชื่อนี้สะท้อนถึงชีวิตทั้งของพระเอกและนางเอกของเรื่อง
เมื่อพราวพบปัญหาชีวิตหนักหน่วง เธอก็วิ่งหนีความทุกข์และปัญหา ในช่วงเวลาที่ทุกข์ใจที่สุด เมื่อโชคชะตาพัดพาให้เธอหนีเหมือนใบไม้ที่ถูกลมพัดปลิวไปตามทิศทางใดก็ได้ที่จะไปให้พ้นจากชีวิตเดิมๆ
สุดท้ายพัดพาเธอไปไกลถึงหลวงพระบาง ไปพบกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตที่ผ่านมาล่องลอยอย่างอิสระและเลือกเส้นทางที่ต่างจากคนอื่นทั่วไป เพื่อทำตามที่หัวใจปรารถนา
"ต้นไทร" ชายหนุ่มรักอิสระที่ไม่ยอมมีชีวิตอยู่ในกรอบแบบคนทั่วไป เขาเลือกชีวิตที่จบการศึกษาในระบบเพียงมัธยมปลาย หลังจากนั้นคือการเรียนรู้ชีวิตจากการทำงานทุกชนิดเพื่อแลกประสบการณ์และการได้ท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ
เขาเป็นชายหนุ่มที่ปล่อยให้ชะตาชีวิตล่องลอยไปอย่างอิสระตามลมพัดพาให้ปลิวไปยังที่ต่างๆ ไม่เคยคิดเรื่องลงหลักปักฐานแบบคนอื่น
แต่เมื่อทั้งคู่มาพบกัน พราว หนีความทุกข์จากปัญหาชีวิตแต่งงาน ไปพบกับต้นไทร ชายหนุ่มที่ช่วยงานพี่สาวของพราวในการออกแบบตกแต่งจัดการเรื่องร้านอาหารในโรงแรมที่กำลังจะเปิดใหม่ เขาเป็นทั้งฟู๊ดสไตลิสต์ และมัณฑนากรผู้ออกแบบไปในตัว
ทั้งคู่พบกัน กระชับความสัมพันธ์จากเรื่องงาน พัฒนาเรียนรู้อารมณ์ความรู้สึกที่ค่อยๆซึมซับเข้ามาในจิตใจของตนเอง และชีวิตที่ตัดสินใจเลือกเดินต่อไปในเส้นทางนั้น ต้องขึ้นกับความสำคัญของการให้คุณค่าต่อความรักความรู้สึกตรงหน้าว่ามากน้อยเพียงไหน
ฉันประทับใจฉากสำคัญจากบทสนทนาของพราวและต้นไทร ในตอนหนึ่งที่ว่า

ตอนที่ประทับใจ
"ฉันก็ยังเป็นตัวของตัวเองอยู่นะคะ ต้นไทร" หล่อนเรียกชื่อเขาเต็มปาก ด้วยเสียงชัดเจน
"เปลี่ยนไปบางอย่าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ถ้าหากว่าคุณคิดจะคบกับฉัน ฉันก็ยินดี คุณเป็นคนน่ารัก มีหลายอย่างน่าทึ่งมากด้วย แต่ว่าคบในแบบของฉันนะคะ ไม่ใช่แบบของคุณ ฉันจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ผู้ชายคนไหนพอใจ…"
ต้นไทรลุกขึ้นบ้าง ทั้งคู่มองกัน ราวกับจะหยั่งถึงความในใจของแต่ละฝ่าย ก่อนชายหนุ่มหัวเราะเสียงต่ำๆ
"ตรงดีเชียวล่ะ งั้นมันจะถูกหรือคุณ คุณไม่ยอมเปลี่ยน แต่ผู้ชายต้องเป็นฝ่ายเปลี่ยน ก็ถ้าเขาอยากจะเป็นตัวของเขาเองเหมือนกันล่ะ มันจะหาจุดพบกันได้ตรงไหน"
พราวเริ่มเดินกลับไปตามทางเดิม เลียบแม่น้ำโขงที่เห็นเป็นสีเงินสลัวอยู่ในแสงเดือนอ่อนๆ ต้นไทรเดินคู่มาด้วย
"ไม่รู้สิคะ ฉันไม่คิดว่าเป็นเรื่องถูกหรือผิด เอาเป็นว่าถ้าผู้หญิงคนหนึ่งมีความหมายพอสำหรับคุณ คุณก็คงหาวิธีเปลี่ยนตัวเองได้ ถ้าคุณไม่ได้สนใจมากขนาดนั้น เราก็ไม่มีจุดพบกันอยู่ดี"
หล่อนหัวเราะเบาๆก่อนจบลง
"เราสองคนก็เหมือนใบไม้ที่ถูกลมพัดปลิวมาอยู่บนพื้นดินใกล้กัน พอลมพัดมาอีกที ก็ปลิวกันไปคนละทาง"
ฉันเรียนรู้ความสัมพันธ์ในความรักอีกรูปแบบหนึ่งจากนวนิยายรักเรื่องนี้
การให้ค่าและความหมายต่อกันของคู่รักทุกคู่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการประคับประคองชีวิตและความรักนั้นให้ยืนยาวร่วมทางกันไปจนสุดเส้นทางชีวิต
บางทีเราอาจคิดว่าเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยเมื่อต้องอยู่ร่วมกันกับอีกคน
แต่จริงๆแล้ว ฉันคิดว่าทุกคนเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงนั้นโอบกอดด้วยความรู้สึกรักที่ทำให้เราเผลอไผลหลงลืมไม่ใส่ใจโดยไม่รู้ตัว
ฉันถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เต็มใจและเป็นไปเอง อันมีต้นเหตุมาจาก "ความรัก" นั่นเอง
บันทึกไว้เมื่อ 8 สิงหาคม 2562
โปรยปกหลัง

บาดแผลที่คนรักก่อให้พราว ใส่ยาเท่าไหร่ก็ไม่หาย ผิดหวังก็ผิดหวัง เสียดายก็เท่านั้น พราวไม่รู้จะมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายใดได้ เรือชีวิตของเธอกำลังจะถูกลมร้าย หอบปลิดปลิวไปอย่างไร้ทิศทาง ทว่าผู้ชายที่เปรียบเสมือนโลกทั้งโลกของเธอ เอาเข้าจริงก็เป็นแค่โลกจำลองใบเล็กเท่านั้นเอง
- ตามลมปลิว : ว.วินิจฉัยกุล
- พิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสารสกุลไทย พ.ศ. 2547-2548
- พิมพ์รวมเล่มครั้งแรก เดือนเมษายน พ.ศ. 2548
- ภาพประกอบเรื่องคือฉบับพิมพ์ครั้งที่ 4 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2551
- จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ทรีบีส์
- ภาพปก : สุขุมาล เล็กสวัสดิ์
- ราคาปก 300 บาท
- จำนวน 400 หน้า
รีรันลงบล็อกอีกครั้งค่ะ
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่