ครบรอบปี ทนายออทิสติก Extraordinary Attorney Woo อูยองอู ทนายอัจฉริยะ

          #ครบรอบปีซีรีส์ดีงามที่คิดถึง #อูยองอูทนายอัจฉริยะ

          ช่วงปีก่อนซีรีส์อีกเรื่องที่เขียนบันทึกความรู้สึกทุกตอนมีแฟนเพจตามอ่านกันทุกสัปดาห์ ซีรีส์เรื่องอูยองอูทนายอัจฉริยะ

          #ExtraordinaryAttorneyWoo #อูยองอูทนายอัจฉริยะ ซีรีส์น่ารักสนุกมากเล่าเรื่องราวชีวิตความรักของทนายออทิสติก บันทึกปีก่อนครั้งที่ดูจบสองตอนแรก

          สองตอนแรกผ่านไปประทับใจมากกับบทบาทใหม่ของนางเอกสาวพัคอึนบินในบท อูยองอู ทนายความสาวออทิสติกที่แสดงได้ดีมาก

          ซีรีส์เรื่อง Extraordinary Attorney Woo อูยองอูทนายอัจฉริยะ เล่าเรื่องราวชีวิตอูยองอู เด็กหญิงที่มีอาการออทิสติกแต่กลับเป็นอัจฉริยะด้านกฎหมาย

          ในสมัยเด็กอูยองอูไม่ยอมพูดจนอายุห้าขวบ พ่อของเธอกลุ้มใจมากพาไปหาหมอ จึงรับรู้ว่าลูกสาวมีอาการในกลุ่มเด็กออทิสติก ระหว่างกลับมาที่บ้านพบกับเจ้าของตึกที่ให้เช่าออกมาอาละวาดด้วยความโมโหหึงหวง เพราะพ่อของอูยองอูมักจะฝากภรรยาเจ้าของตึกช่วยดูแลอูยองอูระหว่างพ่อออกไปทำงาน เจ้าของตึกขี้หึงอารมณ์ร้อนมากจนเข้ามาหาเรื่องและทุบตีพ่อ

          เป็นครั้งแรกที่อูยองอูเห็นภาพการรุมทำร้ายกันต่อหน้าต่อตา เธอรู้สึกตกใจกลัว สองมือแนบปิดใบหู ใบหน้าก้มต่ำหลับตาในขณะที่เปล่งเสียงออกมาครั้งแรกในชีวิต ประโยคยาวเหยียดที่อูยองอูพูดออกมาคือประมวลกฎหมายอาญาข้อที่กล่าวถึงโทษของการทำร้ายร่างกายกัน

          พ่อตกใจและดีใจมากที่ได้ยินเสียงครั้งแรกของลูกสาว เป็นครั้งแรกที่เห็นความเป็นอัจฉริยะของลูก เมื่อพบว่าลูกสาววัยห้าขวบจำประมวลกฎหมายเล่มหนา ตำราเรียนของพ่อที่เป็นอดีตนักศึกษากฎหมายจากมหาวิทยาลัยโซลเช่นกัน

          อูยองอูเติบโตมาเรียนจบกฎหมายเหมือนพ่อ เธอหน้าตาน่ารัก ชอบกินคิมบับ เพราะมันมองเห็นส่วนประกอบของอาหาร พ่อจึงเปิดร้านขายคิมบับและเลี้ยงดูเธอในฐานะพ่อเลี้ยงเดี่ยว อูยองอูกำลังเรียนรู้และพยายามทำความเข้าใจเรื่องอารมณ์ความรู้สึกของคนจากภาพใบหน้าพ่อที่ถ่ายรูปไว้ในทุกอารมณ์ความรู้สึกและเขียนกำกับไว้บนบอร์ดขนาดใหญ่ข้างตู้เสื้อผ้า

          อูยองอูรักสัตวเลี้ยงลูกด้วยนมตัวโปรดคือวาฬ ของสะสมที่มีมากที่สุดคือทุกอย่างเกี่ยวกับวาฬ เธอจึงชอบคุยถึงเรื่องธรรมชาติของวาฬทุกชนิด จนเมื่อวันเริ่มงานวันแรก พ่อต้องสั่งห้ามเธอถึงสิ่งที่เธอเคยชินเสมอๆ เวลาอยู่บ้าน นั่นก็คือห้ามพูดซ้ำๆ ห้ามคุยเรื่องวาฬเมื่ออยู่ระหว่างทำงาน อูยองอูจึงต้องพยายามไม่คิดถึงวาฬ แม้จะพยายามแล้วแต่ระหว่างเดินทางขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงานวันแรก เธอก็จินตนาการถึงวาฬตัวใหญ่ว่ายเคียงข้างคู่ขนานไปกับขบวนรถไฟของเธอ

          อูยองอูได้รับการฝากฝังจาก ฮันซอนยอง ประธานสำนักงานกฎหมายฮันมาดาที่เป็นรุ่นน้องพ่อของเธอสมัยเรียนกฎหมายด้วยกันในมหาวิทยาลัย อูยองอูจึงได้เข้ามาทำงานในสำนักงานทนายแห่งนี้

          ความลำบากแรกในวันทำงานคือเธอไม่สามารถเดินเข้าประตูหมุนตรงหน้าตึกสำนักงานได้ แต่สุดท้ายเธอก็ได้รับความช่วยเหลือจากชายหนุ่มใจดี เขาคือ อีจุนโฮ พระเอกที่รับบทโดยคังแทโอนั่นเอง

          ความน่ารักของฉากพบกันครั้งแรกที่หน้าประตูหมุนของพระเอกนางเอกที่ต่อมากลายเป็นเพื่อนร่วมงานคนพิเศษนั้นน่าประทับใจมาก เมื่อพระเอกเป็นคนนำทางเธอขึ้นไปสำนักงานพบปะทนายความหัวหน้า ตลอดจนเป็นพี่เลี้ยงเมื่อเธอรับมอบหมายคดีแรกต้องออกไปพบลูกความ

          ทุกครั้งทั้งคู่จะพบกันที่ประตูหมุนในขณะที่อูยองอูไม่สามารถจับจังหวะในการก้าวให้พ้นประตูไปได้ อีจุนโฮพระเอกที่มีบุคลิกอบอุ่นมากก็สอนให้เธอจินตนาการถึงจังหวะการเต้นรำ แล้วเขาก็ช่วยนับจังหวะไปพร้อมๆกัน พาเธอก้าวออกจากประตูหมุนด้วยกัน เป็นฉากโรแมนติกที่ชอบมาก น่าประทับใจและซีรีส์เกาหลีก็เขียนบทหวานน่ารักสไตล์นี้ออกมาได้ดีจนเราคนดูยิ้มตาม

          ในซีรีส์แต่ละตอนก็จะเป็นเรื่องราวคดีความที่อูยองอูได้รับมอบหมาย เธอจะแสดงให้เพื่อนร่วมงานเห็นถึงความสามารถพิเศษจากอัจฉริยะในตัวเธอออกมาทุกตอน สลับกับเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอีจุนโฮ เพื่อนร่วมงานคนแรกที่แสนอบอุ่นและบอกเธอว่า ถ้าเธออยากคุยเรื่องวาฬเมื่อไหร่ให้คุยกับเขาได้เมื่อเราอยู่ด้วยกันสองคน

          บทพระเอกคือน่ารักมาก เป็นทนายความหนุ่มน่ารักที่บรรดาทนายความสาวๆ ในบริษัทต่างให้ความสนใจแต่เขากลับมองเห็นความน่ารักอันแสนพิเศษในตัวอูยองอู และคอยช่วยเหลือเธออยู่ข้างๆ เรื่องราวในตอนสองจะเห็นว่าพระเอกรุกคืบเรื่องความสัมพันธ์เร็วมาก ถึงขนาดบอกอูยองอูว่า เราสองคนมากำหนดเวลาคุยเรื่องวาฬกันนะในช่วงเวลาพักทุกมื้อเที่ยง คือพระเอกจีบโดยที่นางเอกยังไม่รู้จักเรื่องอารมณ์และความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว

          เธอสังเกตเองจากคดีที่เธอว่าความให้ว่าคนแต่งงานกันควรจะรักกัน การแสดงออกถึงความรักความห่วงใยจากการกระทำภายนอกที่เป็นรูปธรรมนั้นเป็นอย่างไร

          เธอยังไม่รู้ว่าความรักเป็นอย่างไร ตัวเองซึ่งเป็นทนายความที่มีอาการออทิสติกสเปคตรัมคงจะไม่ได้แต่งงาน แต่เธอเรียนรู้จากคดีว่า คนที่จะเป็นผู้ใหญ่พร้อมแต่งงานควรจะเตรียมอาหารด้วยตัวเองได้ และควรจะเป็นอิสระจากการควบคุมของพ่อแม่ แต่เธอเองยังเตรียมอาหารให้ตัวเองไม่ได้น่าจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ แต่เธอคิดไว้ว่าถ้าวันใดวันหนึ่งเธอมีความรักและอยากแต่งงาน พ่อไม่จำเป็นต้องจูงมือส่งตัวเจ้าสาว เธอจะจูงมือคนรักเดินเข้าพิธีแต่งงานเอง เธออยากให้พ่อมีชีวิตที่เป็นอิสระจากการดูแลเธอ เธออยากให้พ่อแต่งงานใหม่และมีความสุขกับชีวิตที่เป็นของพ่ออย่างแท้จริง

          สองตอนแรกก็เขียนบันทึกออกมายาวเหยียด ตามประสาซีรีส์ดีๆ ที่น่าประทับใจและมีมุมมองมากมายให้เราเขียนถึง ต้องรอติดตามชมตอนต่อไปกันในสัปดาห์หน้า

          ซีรีส์เรื่องนี้ยาว 16 ตอนจบ ติดตามกันได้ทาง Netflix ค่ะ

ดูตัวอย่างซีรีส์จากคลิปเพลงประกอบซีรีส์

          เขียนบันทึกตอนเที่ยงคืนหลังดูจบสองตอนแรก 1 กรกฎาคม 2565

          วันนี้ขอแชร์บทความที่เขียนไว้และชอบมากอีกบทเป็นฉากประเด็นความรักที่เราถกเถียงกันมาก

          วันนี้รีรันอีกรอบเพื่อขอแสดงความยินดีกับพัคอึนบินที่ได้รางวัลแดซัง รางวัลเกียรติยศสูงสุดจากซีรีส์เรื่องนี้

          #BaeksangArtsAwards2023 #ExtraordinaryAttorneyWoo

          #ExtraordinaryAttorneyWoo #อูยองอูทนายอัจฉริยะ #ถ้าเราบอกว่าใช่ความรักนี้ยังเป็นของเรา

          เมื่อคืนนี้ใครดูอูยองอูตอนล่าสุดตอนที่สิบคงจะยิ้มอารมณ์ดีกับฉากคิสซีนน่ารักของอูยองอูและอีจุนโฮกันนะคะ

          ทั้งคู่จูบกันภายใต้แสงไฟที่ติดๆดับๆ ริมระเบียงทางเดินหน้าห้องพักของอีจุนโฮ ในคืนที่อูยองอูขอเป็นฝ่ายมาส่งอีจุนโฮกลับบ้านบ้าง เป็นหนึ่งในหลายกิจกรรมออกเดตเพื่อศึกษากันก่อนจะตัดสินใจคบหากันเป็นแฟน การเดตที่ต่างฝ่ายต่างรับส่งดูแลกัน ดูเหมือนไม่มีความหมาย สูญเปล่า งี่เง่า แต่กลับทำให้ทั้งคู่เข้าใกล้กันมากขึ้นๆ ทีละนิดและเต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ

          คดีความล่าสุดที่เพิ่งจบลงทำให้อูยองอูรู้สึกสะท้อนใจเมื่อมองย้อนกลับมาที่ตัวเอง เมื่อชายหนุ่มที่ถูกสั่งจำคุกเพราะแสดงความรักกับแฟนสาวที่เป็นผู้บกพร่องทางสติปัญญา ทั้งคู่ยืนยันว่ารักกัน ทำทุกอย่างเพราะความรัก แต่ครอบครัวคนรอบข้างมองว่าเป็นการทำร้ายทั้งจิตใจและร่างกาย ความรักนี้จึงไม่อาจเป็นจริง และจบลงที่ชายหนุ่มต้องเข้าเรือนจำ

          ในขณะที่อีจุนโฮก็เผชิญหน้ากับความยุ่งยากจากความสัมพันธ์ครั้งนี้ เมื่อเกิดเหตุชกต่อยกับเพื่อนที่เอ่ยปากทักทายคัดค้านการคบกันของเขากับอูยองอู ทุกคนบอกเขาว่าความรู้สึกนั้นไม่ใช่ความรัก มันเป็นเพียงความเห็นใจเพราะสงสารเท่านั้น อีจุนโฮโกรธและไม่ยอมรับคำกล่าวหาที่เพื่อนๆ ด้อยค่าความรู้สึกอันแท้จริงของเขาที่มีต่ออูยองอู

          แม้ว่าหลังจบคดี อูยองอูที่คิดถึงเรื่องราวของตัวเอง และบอกอีจุนโฮว่าการที่มีเพียงความรู้สึกชอบให้กับคนพิการนั้นไม่เพียงพอ แม้เธอเองจะยืนยันว่ามันคือความรัก แต่ถ้าคนอื่นมองว่าไม่ใช่ มันก็คงจะไม่ใช่

          อีจุนโฮปลอบโยนและให้ความมั่นใจกับเธอว่า ถ้าคนอื่นมองว่าไม่ใช่ แต่เราบอกว่าใช่ มันก็คือความรัก

          แล้วทั้งคู่ก็สบตากันเนิ่นนานจนสุดท้ายอูยองอูเป็นฝ่ายโน้มตัวขึ้นมาใกล้เขาแล้วค่อยๆบรรจงจูบเขาอย่างแผ่วเบา อีจุนโฮตอบรับความรู้สึกนี้ด้วยจุมพิตกลับที่นิ่งนานจนอูยองอูที่มักจะทนอยู่นิ่งไม่ได้นานผละตัวออก

          เธอตั้งคำถามด้วยความสงสัยไม่มั่นใจกับเขาว่าเวลาจูบฟันจะชนกันแบบนี้ไหม อีจุนโฮตอบเธอว่าอ้าปากอีกสักนิดก็ดี หลับตาลงหน่อยมันก็จะดีขึ้น แล้วทั้งคู่ก็โน้มใบหน้าเข้าหากันอีกครั้ง แล้วจุมพิตแสดงความรักนิ่งนานภายใต้ความมืดริมระเบียง ฉากจุมพิตกันของอูยองอูและอีจุนโฮก็กลายเป็นฉากรักโรแมนติกสุดประทับใจในค่ำคืนนี้

          สัปดาห์หน้ามาตามกันต่อค่ะ เรื่องนี้สิบหกตอนจบ เรื่องราวเดินทางมาถึงตอนที่สิบแล้ว รอลุ้นกับชีวิตอูยองอูต่อทั้งเรื่องพ่อแม่ที่กลับมาพบกันอีกครั้ง ความจริงเรื่องเธอเป็นบุตรสาวนอกสมรสของทนายแทซูมีที่ควอนมินอูผู้ไม่ยอมปล่อยวางที่จะเอาชนะพยายามสืบหาความจริงเพื่อเล่นงานอูยองอู

          มาคุยกันต่อในบันทึกครั้งหน้าค่ะ

          บันทึกหลังดูซีรีส์ 29 กรกฎาคม 2565 ปิดท้ายโพสต์ด้วยคลิปน่ารักถูกใจ

รวมคัทซึนของอูยองอูและอีจุนโฮที่มีคนตัดต่อและโพสต์ไว้บนยูทูปค่ะ

ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix, เว็บไซต์ ENA