อุษาสวาท...เมื่อชาติกำเนิดที่สูงส่ง กลับกลายเป็นหนามแหลมคอยทิ่มตำจิตใจ

Books and My Quotes

เพจคุยเรื่องหนังสือ รวมเรื่องราวประทับใจจากหนังสือที่รัก จากแอดมินคนเดียวคนเดิมจากเพจซีรีส์ที่รักค่ะ

          #บันทึกการอ่านนวนิยายของฉัน #คุยถึงหนังสือในตู้ #อุษาสวาท #โสภาคสุวรรณ
อุษาสวาท

          #ความทรงจำระหว่างบรรทัดจากหนังสือที่รัก #หนังสือที่รัก
          นวนิยายเรื่องล่าสุดของโสภาค สุวรรณที่เพิ่งอ่านจบ เป็นนวนิยายที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 2561 เก็บไว้ในตู้หนังสือนานมาก เมื่อคืนอ่านจบแล้วสองเล่ม ขอบันทึกการอ่านไว้วันนี้
          นวนิยายเรื่อง "อุษาสวาท" ลงพิมพ์ในนิตยสารหญิงไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2556-2559 ในภาพประกอบคือฉบับพิมพ์รวมเล่มครั้งแรกโดยสำนักพิมพ์เพื่อนดี ในเดือนพฤศจิกายน 2559 ภาพปกสวยงาม ออกแบบโดย คุณพิธาน เตชะนิติ
          ในคำนำผู้เขียนเล่าว่าเขียนนวนิยายเรื่องนี้ขึ้นเพื่อสะท้อนพฤติกรรมมนุษย์ในแบบต่างๆ นำความรู้ที่อาจารย์แพทย์ทางจิตเวชและประสาทวิทยา ได้ให้ความรู้ไว้ตามหลักสูตรวิชาชีพเมื่อครั้งยังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเวียนนา กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลักสูตรวิชา Psychiatric Music-Therapy ความรู้ที่ช่วยให้มองพฤติกรรม การกระทำ จิตสำนึก และทางออกของแต่ละคนได้อย่างลุ่มลึก และอยู่บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ มิใช่คิดฝันเอาเอง
          นิตยสารหญิงไทยตีพิมพ์ "อุษาสวาท" ใกล้ถึงตอนจบ แต่เกิดเหตุการณ์นิตยสารต้องปิดตัวลงเพราะความผันผวนทางเศรษฐกิจ ทางสำนักพิมพ์เพื่อนดี บริษัท อักษรโสภณ จำกัด จึงรวบรวมและนำตอนจบมาจัดพิมพ์เป็นเล่ม
          นวนิยายเรื่อง "อุษาสวาท" เล่าเรื่องราวชีวิตของตัวละครหลักของเรื่อง แสงอุษา สุริยาธร ณ อยุธยา นางเอกของเรื่องที่มีชื่อเล่นแปลก ฟังเผินๆเหมือนชื่อผู้ชายว่า "ดอน" ที่นำมาจากคำภาษาอังกฤษว่า "Dawn" ที่แปลว่าอรุณรุ่ง
          แสงอุษาเป็นลูกคนกลาง มีพี่ชายชื่อ แสงอาทิตย์ ชื่อเล่นว่า "ทิตย์" และน้องสาวคนเล็กที่แสนเรียบร้อยชื่อ แสงดาว มีชื่อเล่นว่า "ดาว" สามพี่น้องได้รับการอุปการะจากคุณปู่และคุณย่า คือ หม่อมราชวงศ์เรืองรอง สุริยาธร และคุณสารภี ได้อาศัยอยู่ในบ้านที่เป็นส่วนหลังวัง ในขณะที่อาณาเขตส่วน "หน้าวัง" คืออาณาเขต "วังไชยพฤกษ์" ที่มีคุณปู่ใหญ่ และคุณย่าใหญ่ หม่อมราชวงศ์เริงรัศมี และคุณหญิงมาลินี ผู้เป็นประมุขของ "วังไชยพฤกษ์" ด้วยเป็นพี่ชายใหญ่สายตรง ในขณะที่คุณปู่ของแสงอุษาเป็นสายรอง
          บิดาของแสงอุษา คือหม่อมหลวงเริงเมือง และมารดา เดือนเด่น สมรสกันตามที่ผู้ใหญ่จัดการ กลับถูกแยกให้ออกไปอยู่ต่างหากนอกวัง บรรดาลูกทั้งสามถูกแยกเพราะพฤติกรรมของบิดาที่เป็น "แกะดำ" หรือ "โครงกระดูกในตู้" แห่งราชสกุล เพราะชีวิตผิดพลาด แต่กลับเลือกที่จะระบายทุกข์ลงขวดเหล้า ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมา ไม่สามารถรับผิดชอบเลี้ยงดูครอบครัวได้ มีพฤติกรรมเป็นที่อับอายต่อบรรดาญาติๆร่วมวังไชยพฤกษ์
          แสงอุษาเป็นลูกสาวที่พ่อรักมากที่สุด พี่ชายและน้องสาวของเธออยู่ในโอวาทผู้ใหญ่ ได้รับความดูแลเอาใจใส่จากคุณปู่ใหญ่ และคุณปู่ ได้เรียนโรงเรียนดีๆ อย่างอัสสัมชัญ ได้ฝึกนาฏศิลป์และดนตรี ในขณะที่แสงอุษาถูกพ่อจับแยกไปเรียนโรงเรียนแถวพระโขนงใกล้บ้านเช่าของพ่อ เธอเป็นเด็กสาวที่เก้งก้าง ใครๆ ก็ว่าเธอเป็นม้าดีดกะโหลก ไม่เรียบร้อยนุ่มนวล เธอจึงกลายเป็น "แกะดำ" ตัวใหม่ของราชสกุล ที่บรรดาญาติพี่น้องรังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอแข็งกร้าวไม่ยอมลงให้ทุกคน โดยเฉพาะเมื่อมีใครมากล่าวร้ายตำหนิติเตียนบิดา แสงอุษาจะไม่มีวันยอมและสู้กลับจนทะเลาะวิวาทกับบรรดาญาติๆ จนถูกคุณปู่ที่แสนเจ้าระเบียบเข้มงวดลงโทษกักบริเวณ และร้ายที่สุดคือกร้อนผมจนสั้นกุดกลายเป็นเหมือนเด็กผู้ชาย
          พระเอกของเรื่องนี้คือ นาวาอากาศตรี ภูริช พิทักษ์ภูเบศร หรือคุณหม่อน บุตรชายคนเดียวของคุณภาธร พิทักษ์ภูเบศร นักธุรกิจใหญ่เจ้าของธุรกิจโรงแรม สายการบิน สำนักพิมพ์ และอื่นๆอีกมาก ผู้เป็นสหายร่วมศึกษาที่อังกฤษกับคุณปู่ใหญ่
          ครั้งแรกที่ภูริชพบกับแสงอุษา เขาอายุ 27 ปี เป็นนายทหารแห่งกองทัพอากาศที่ได้เหรียญกล้าหาญ ผู้ใช้ชีวิตสมถะอยู่บ้านพักหลวง ใช้รถมือสองเก่าๆที่รวบรวมเงินซื้อเองโดยไม่ยอมพึ่งพาบิดา เพราะแผลในใจที่มีต่อพ่อครั้งยังเด็กหลังแม่ตายแล้วถูกทอดทิ้งให้ไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็ก
          ในขณะที่แสงอุษาเป็นเพียงเด็กสาวมัธยมปลาย ที่ปู่ย่าทิ้งขว้าง ไม่ส่งเสริมให้ออกงานของตระกูล เพื่อแสดงการแสดงในงานประจำปีของวัง เธอจึงกลายเป็นเหมือนเด็กรับใช้ที่ได้อยู่ที่ก้นครัวและแอบมองญาติพี่น้องตัวเองรับงานอันมีเกียรติ ที่อยู่ของเธอจึงไม่ใช่เวทีบนท้องพระโรงหน้าวังอันโอ่อ่า แต่เป็นเพียงมุมหนึ่งจากซุ้มอาหารภายในงาน
          ตอนที่ภูริชต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเธอ เมื่อบิดาร่วมมือและขอให้คุณปู่ใหญ่ จัดงานประจำปีของราชสกุล พร้อมถ่ายแฟชั่นลงนิตยสารฉบับครบรอบสามสิบปี นิตยสารที่แม่ผู้เป็นที่รักของภูริชก่อตั้งเริ่มต้นไว้ โดยตั้งใจให้นำเรื่องราวของเจ้าจอมกุหลาบ ต้นราชสกุลสายคุณปู่ของแสงอุษา มาจัดแสดง และแสงอุษาคือเหลนคนเดียวที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายจนใครๆว่าถอดแบบความงดงามของเจ้าจอมกุหลาบมาเป็นนางแบบ
          ตอนนั้นแสงอุษาเป็นเพียงเด็กกะโปโลที่ผมสั้นกุดนุ่งกางเกงยีนส์ปะก้น ปะหัวเข่าสวมเกี๊ยะติดดอกไม้ แฟชั่นวัยรุ่นที่เธอชอบและทำตามเพื่อนสนิท เพื่อแสดงท่าทีเป็นตัวเองอย่างที่สุดที่จะออกนอกกรอบแห่งขนบของราชสกุล ในขณะที่ภูริช ชายหนุ่มที่เติบโตมาจากเด็กชายที่แม่ตายตั้งแต่ยังเด็ก บิดาโศกเศร้ากลับไม่สนใจเขา ส่งเขาไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่เด็ก ภูริชเติบโตขึ้นมาได้ด้วยความรักดูแลเอาใจใส่จากเพื่อนสนิทของมารดา คือแพทย์หญิงจินตหรา ที่เป็นแพทย์ประจำตระกูลของวังไชยพฤกษ์
          นวนิยายเรื่องนี้ถ่ายทอดถึงปมปัญหาทางอารมณ์ของแสงอุษาที่ถูกสภาพแวดล้อมในวังกดทับจนเธอต่อต้าน เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง และมีพฤติกรรมไม่ยอมใครทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องราวที่มากระทบหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับบิดา แสงอุษาจะสะเทือนใจและต่อต้านทุกคนอย่างที่สุด
          บทพระเอกคือชายหนุ่มคนกลางคนเดียวที่เคยผ่านประสบการณ์ชีวิตในช่วงวัยรุ่นคล้ายๆกัน เขาผ่านความทุกข์จากการถูกทอดทิ้ง เกือบพาตัวเองดิ่งเหวไปกับการตัดสินใจอันวู่วามประสาวัยรุ่นมาแล้ว เมื่อมาพบเธอ เขาเหมือนเห็นตัวเองในอดีตอีกครั้ง และสุดท้ายยอมรับคำขอร้องจากผู้ใหญ่ให้เข้ามาช่วยเกลี้ยกล่อมดึงให้แสงอุษาหลุดพ้นจากปมความทุกข์ในจิตใจอันเนื่องมาจากชีวิตพ่อที่เธอกลายเป็นกระโถนท้องพระโรง รับคำดูถูกเหยียบย่ำแทนพ่อตั้งแต่เล็กจนโต
          นวนิยายเรื่องนี้ยาวถึงสองเล่มจบ พล้อตรายละเอียดเรื่องราวก็น่าสนใจอ่านสนุกได้ เพียงแต่ช่วงต้นเรื่องจะงงมากกับชื่อตัวละครมากมายในราชสกุลฝ่ายนางเอก และบทบรรยายที่ใส่รายละเอียดเรื่องความรู้มากกว่าเรื่องอื่น ทำให้อ่านได้ช้า ในขณะที่เส้นเรื่องความรักกว่าจะมาถึงก็เข้าไปเล่มสอง พระเอกตอนที่พบนางเอกครั้งแรก นางเอกอายุสิบห้าสิบหก พระเอกอายุยี่สิบเจ็ด ยังมียศเรืออากาศเอก มีอายุห่างกันราวสิบเอ็ดสิบสองปี
          แต่เมื่อพระเอกเข้ามาช่วยเหลือนางเอกและชักนำให้นางเอกทำตามความฝันด้วยการค่อยๆปลอบประโลม อธิบายช้าๆ อย่างมีเหตุผล ใช้ความเอาใจใส่เห็นอกเห็นใจ จนนางเอกอ่อนลง แล้วชักชวนนางเอกให้ทำตามความฝัน คือการโบยบินออกจากกรงชีวิตภายในวังไชยพฤกษ์
          พระเอกตัดสินใจชักชวนแล้วพานางเอกไปหัดกระโดดร่ม และสุดท้ายดึงนางเอกที่ทอดทิ้งการเรียนเพราะโศกเศร้าเรื่องพ่อจนทำอะไรไม่ได้ ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ให้ลุกขึ้นมาสอบเข้ามหาวิทยาลัย และสุดท้ายพระเอกก็สนับสนุนจนนางเอกเรียนจบด้วยดี ได้ต่อปริญญาโทด้วยการเรียนการบินที่ต่างประเทศ จบมาเป็นนักบินพาณิชย์ได้ในที่สุด เรื่องนี้จบแฮปปี้และมีบทบรรยายถึงฉากหมั้นและฉากแต่งงานที่ละเอียดที่สุดเท่าที่อ่านนิยายมา

โปรยปกหลัง

อุษาสวาท

          ชาติกำเนิดที่สูงส่ง กลับกลายเป็นหนามแหลมคอยทิ่มตำจิตใจของแสงอุษา อดีตที่ผิดพลาดของผู้เป็นบิดา ทำให้เธอถูกตราหน้าไว้ว่าจะต้องเป็นลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น
          จนเมื่อ "เขา" ก้าวเข้ามาฉุดเธอขึ้นจากอดีตที่บอบช้ำ และผลักดันจนเธอติดปีกบินได้อย่างงดงาม สายใยบางเบาจากความเข้าใจ ความปรารถนาดี ได้แปรเปลี่ยนเป็นความรัก และร้อยรัดทั้งคู่เอาไว้อย่างไม่ทันรู้ตัว

ตอนที่ประทับใจจากนวนิยาย

          โดยปกติเป็นคนชอบบันทึกฉากบอกรักในนวนิยายเก็บไว้อ่าน ตอนที่ประทับใจมักจะเป็นฉากแบบนี้ เก็บไว้อ่านเพลินๆยามคิดถึงค่ะ ฉากนี้คือผ่านมาห้าปี นางเอกเรียนจบปริญญาตรีจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วไปเรียนการบินพาณิชย์ที่ออสเตรเลียอีกปีครึ่งจบกลับมาเมืองไทย ตลอดช่วงเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัย ใช้ชีวิตอยู่บ้านเดียวกับพระเอก มีพระเอกเหมือนพี่ชายที่แสนดีคอยดูแล
อุษาสวาท

          ภูริชอดใจไม่ได้เมื่อเหนี่ยวร่างโปร่งบางซึ่งยืนห่างแค่เอื้อมเข้ามากอดไว้กับอกทันทีทันใด…
          แสงอุษาเป็นฝ่ายตกประหม่า เก้อเขินอย่างบอกไม่ถูก ถึงกระนั้น…หล่อนก็รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด… สัมผัสจากวงแขน และอ้อมกอดที่เหมือนจะหล่อหลอมความรู้สีกซึ่งต่างมีต่อกัน โดยไม่ต้องถ่ายทอดด้วยคำพูด…ให้สิ่งที่ว่าพรั่งพรูเข้ารวมเป็นหนึ่งเดียว
          "ดอน…" เสียงเรียกเบาๆข้างหู แสงอุษาตระหนักในบัดดลว่า… "เขา" มิได้ทำอะไรที่เกินเลยไปกว่านั้นแม้แต่นิดเดียว นอกจากกอดหล่อนแน่นขึ้นอีกนิด พลางกระซิบ
          "พี่คิดว่า…เราสองคนเข้าใจกันดีแล้วจริงไหม…ห้าปีกว่านี่นะถึงไม่นาน ก็ไม่น้อยจนเราไม่มีโอกาสรู้จัก สร้างความรัก นับถือ ศึกษาเรื่องทัศนคติ การใช้ชีวิตว่ามีจุดหมายปลายทางแตกต่างอย่างไร… พอที่เราจะปรับเปลี่ยนใช้ทางสายกลาง…การให้อภัยไม่ว่าชีวิตข้างหน้าจะมีอุปสรรค…ทุกข์สุขดีร้ายอย่างไร…หรือไม่…ดอนเข้าใจอย่างพี่หรือเปล่า"
          "พี่หม่อน" แสงอุษาเงยหน้าขึ้นมองเขา แสงไฟจากโคมติดผนังซึ่งเป็นไฟฟ้าช่อแก้วมีตุ้มระย้ายาวทิ้งสายลงมาเรียงราย เป็นระยะห่างๆ ตลอดโถงทางเดินระหว่างห้องชุดปีกขวาและปีกซ้าย สะท้อนแสงตาดำขลับของหล่อนอย่างชัดเจน
          "พี่หม่อนแน่ใจหรือคะที่รู้สึกอย่างนั้น"
          "พี่ไม่ใช่คนที่พูดอะไรพร่ำเพรื่อ เพ้อเจ้อ…ขอไปที หรือฉวยโอกาสเอาเปรียบใคร…เธอรู้จักพี่ในด้านนี้ดีพอไม่ใช่หรือ" เขาย้อนถามแต่แล้วก็ไม่รอคำตอบ หากกล่าวสืบไปทันที
          "พี่เชื่อ…หัวใจและความปรารถนาของเธอกับพี่ ไม่ผิดแผกแตกต่างกันเลย…ใช่ไหม"
          ชายหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งลูบหลังหล่อนไปมาอย่างอ่อนโยน เหมือนจะยืนยันความจริงใจของตนเอง ให้หญิงสาวผู้อ่อนวัยกว่าได้สัมผัสกับความอบอุ่น ปลอดภัยไร้กังวลทั้งสิ้นทั้งปวง
          "พี่เข้าใจดีว่า เธอเพิ่งจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตัวเอง ได้ทำงานตามสายอาชีพที่ฝันไว้…ไม่มีวันที่พี่จะเห็นแก่ตัว เรียกร้องให้เธอเสียสละ ละลายฝันจนสลาย…ไม่เลยนะ…ดอน…"
          "ค่ะ" แสงอุษาตอบ ทุกๆประโยคที่ผ่านหูไปเมื่อครู่ ได้เปิดโอกาสให้หญิงสาวเกิดความรู้สึกปีติปราโมทย์ และอบอุ่นอย่างประหลาด เมื่อตระหนักว่า "เขา" ผู้ซึ่งตระกองกอดหล่อนไว้แนบอก คือสุภาพบุรุษสุดสง่าอีกคนหนึ่งที่น่านับถือ ยกย่อง…เป็นผู้ที่หล่อนรู้สึกรักอย่างดื่มด่ำ ซาบซึ้ง…อบอุ่น ปลอดภัยเมื่อมีเขาชิดใกล้ คอยดูแล ปกป้องผองภัยมิให้แผ้วพาน…"
อุษาสวาท

อุษาสวาท

          อุษาสวาท : โสภาค สุวรรณ
  • ลงพิมพ์ในนิตยสารหญิงไทย พ.ศ. 2556-2559
  • จำนวนสองเล่มจบ ฉบับพิมพ์ครั้งแรกโดยสำนักพิมพ์เพื่อนดี
  • ตีพิมพ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559
  • ภาพปก-ออกแบบ : พิธาน เตชะนิติ
  • ราคาชุดละ 570 บาท
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่
เรื่องอื่นๆของ Books and My Quotes
Advertisements
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อุษาสวาท...เมื่อชาติกำเนิดที่สูงส่ง กลับกลายเป็นหนามแหลมคอยทิ่มตำจิตใจ อัปเดตล่าสุด 14 ธันวาคม 2566 เวลา 15:31:10 13,490 อ่าน
TOP