#บันทึกการอ่านนวนิยายของฉัน #คุยถึงหนังสือในตู้ #หิมะสีแดง #โสภาคสุวรรณ #ความทรงจำระหว่างบรรทัดจากหนังสือที่รัก #หนังสือที่รัก

เมื่อพูดถึงไพรัชนิยาย หรือนวนิยายที่มีฉากต่างประเทศ จะคิดถึงนวนิยายของโสภาค สุวรรณ บันทึกวันนี้จะคุยถึงเรื่องนี้ "หิมะสีแดง" ที่ได้อ่านครั้งแรกสมัยเรียน วันนี้มาอ่านใหม่แล้วบันทึกช่วยจำเก็บไว้ค่ะ
หิมะสีแดงเป็นนวนิยายที่เริ่มต้นช่วงแรกของเรื่องในปี ค.ศ. 1945 ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง ฉากหลังคือแคว้นโบฮีเมีย ในเช็คโกสโลวาเกีย ยุคที่เยอรมันปกครองชาวเช็คฯ ในวันที่นางเอกของเรื่อง คุณหญิงอมีเลีย ยังเป็นทารกแรกเกิด
คุณหญิงอมีเลียเป็นธิดาสาวคนเล็กคนแรกของตระกูล บิดาคือกร๊าฟ อาร์นุฟ (เทียบแบบอังกฤษคือท่านเคานต์อาร์นุฟ) และแกรฟิน เอมิล (แกรฟินเทียบแบบอังกฤษคือ เคาน์เตส) ผู้ปกครองชาวเยอรมันที่ถูกส่งมาประจำกรุงปราค ทั้งครอบครัวถูกลอบสังหารด้วยการวางยาพิษทั้งตระกูล จากกลุ่มองค์กรลับต่อต้านนาซีที่ต้องการขับไล่ชาวเยอรมันออกจากแคว้น
คุณหญิงอมีเลียคือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวเพราะความใจอ่อนสงสารของนางมาร์ธา ภรรยาของสามีจารชนผู้ลงมือฆาตกรรม เธอแฝงตัวอยู่ร่วมในครอบครัวนี้ ได้รับความไว้วางใจให้เป็นแม่นมเด็กน้อยผู้น่าสงสาร เธอขอร้องสามีให้ไว้ชีวิตเด็ก ต่อมาสามีฆาตกรของนางถูกจับ แต่นางพาคุณหญิงอมีเลียหลบหนี และเปลี่ยนชื่อนางเป็น เวร่าห์ มาคอฟสกา ปกปิดความจริงทั้งหมดแล้วมาใช้ชีวิตอยู่กับญาติในบ้านพักกลางป่าแถบหมู่บ้านอีลาวา ในเขตแดนพื้นที่ทางตะวันตกของสโลวาเกีย เลี้ยงดูเด็กน้อยจนเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวสวยที่ได้เรียนบัลเลต์ เรียนดนตรี และการละครจากมหาวิทยาลัยกรุงปราค จนกลายเป็นดาราบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงประจำโรงละครโอเปร่าแห่งกรุงปราค
เวร่าห์เติบโตขึ้นมาพร้อมกับฟรานซ์ บุตรชายของญาติที่อาศัยอยู่ด้วย ฟรานซ์เป็นเด็กหนุ่มคงแก่เรียน เจ้าอุดมการณ์ ตัดสินใจเรียนต่อนิติศาสตร์ และสนใจการเมือง ทั้งคู่ชอบพอกันรักกัน ฟรานซ์เป็นรักแรกของเวร่าห์ ที่ชักนำให้เวร่าห์หันมาสนใจเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มต่อต้านกองทัพแดง ในยุคที่เธอเติบโตขึ้นมาเช็คโกสโลวาเกียถูกรัสเซียยึดครอง แล้วประเทศที่เธออยู่อาศัยในช่วงหลังสงครามโลกก็กลายเป็นประเทศไร้เสรีภาพเพราะอยู่ในระบบคอมมิวนิสต์

ทั้งคู่เข้าร่วมกิจกรรมการแสดงต่อต้านรัสเซีย จนถูกทหารหน่วยความมั่นคงหมายหัว แล้วสุดท้ายในการประท้วงครั้งสำคัญกลางกรุงปราค ฟรานซ์ก็เสียชีวิตเพราะถูกยิงท่ามกลางเหตุการณ์จลาจล ในขณะที่เวร่าห์ถูกให้ออกจากงานนักแสดงบัลเลต์ในโรงละครโอเปร่า แล้วต้องหนีหลบภัยมาอยู่กับแม่ที่หมู่บ้านกลางป่า สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้าด้วยการพาแม่มาร์ธาหลบหนีข้ามแดนไปหาอิสรภาพที่ออสเตรีย
แต่ชะตากรรมโหดร้ายที่เธอได้รับคือการถูกข่มเหงจากนายทหารหน่วยลับที่ตามล่าเธอเพื่อแลกกับการไว้ชีวิตให้เธอพาแม่หนีข้ามฝั่งมาอย่างปลอดภัย และได้มาอาศัยอยู่กับญาติแม่ที่ออสเตรีย และที่นี่ทำให้เธอได้พบกับชายหนุ่มชนชั้นสูงชาวออสเตรีย นิโคลัส คอตนิกซ์ พระเอกของเรื่องที่ภายนอกคือภาพชายหนุ่มหล่อโดดเด่นเสเพล ไม่ปรากฏว่าทำงานใดๆเป็นหลักแหล่ง นอกจากภาพการเข้าสังคมและเที่ยวเล่นกินดื่ม มีสาวสวยมากหน้าหลายตามาพัวพัน ภายนอกที่นิโคลัสแสดงออกมานั้น แท้จริงแล้วเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จากงานตำรวจลับ ที่สุดท้ายก็ตัดสินใจพาตัวเองมาใกล้ชิดเวร่าห์เพื่อสืบหาหลักฐานความผิดทางการเมืองและจารกรรมที่สาวมาถึงปีเตอร์ ญาติผู้พี่ที่เธอและแม่มาอาศัยอยู่ด้วย
ในนวนิยายช่วงหลังของเรื่องมีฉากหลังคือออสเตรีย และเหตุการณ์มากมายที่นิโคลัสเข้าหาเวร่าห์ จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์คือหลอกใช้เธอเพื่อประโยชน์ในการสืบหาคนร้าย แต่ความใกล้ชิดทำให้นิโคลัสและเวร่าห์ก็มีใจให้กัน จนกระทั่งถึงจุดหักเหสำคัญในวันหนึ่งที่เวร่าห์และปีเตอร์ ญาติผู้พี่ถูกรวบตัวจับกุมในขณะที่เข้าร่วมก่อการเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วางระเบิดที่เป็นปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ และการเรียกร้องสิทธิ์ของชนกลุ่มน้อย แล้วพบว่านิโคลัสคือหัวหน้าตำรวจในหน่วยสืบราชการลับเจ้าของคดี
นวนิยายของโสภาค สุวรรณแนวนี้ก็มักจะมีรายละเอียดเหตุการณ์มากมายพร้อมฉากหลังสถานการณ์การเมืองภาพใหญ่ พร้อมความรู้เรื่องสถานที่สำคัญๆต่างๆในเรื่องราวที่มักจะมีการเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วยุโรป การบรรยายธรรมชาติอันงดงามของภูมิประเทศ ใครชอบอ่านเรื่องราวผจญภัยผสมท่องเที่ยวที่สุดท้ายจบลงด้วยความรักโรแมนติกน่าจะชอบอ่าน
ส่วนตัวชอบนวนิยายเรื่องนี้ ชอบความสัมพันธ์รักที่เริ่มต้นจากการเข้าหาเพื่อหลอกใช้ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นรักที่ทำอย่างไรก็ไม่ลืม เรื่องราวช่วงครึ่งหลังของเรื่องคือเหตุการณ์ที่พระเอกเมื่อรู้ความจริงถึงเบื้องหลังชีวิตนางเอกทุกอย่าง ก็ช่วยเหลือให้เธอได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นคุณหญิงอมีเลีย หญิงสาวชาวเยอรมัน ผู้เป็นทายาทที่เหลือหนึ่งเดียวของตระกูลทูลิงเก็น ตระกูลชนชั้นสูงที่สืบเชื้อสายมาตั้งแต่ยุคจักรวรรดิในยุโรป
นวนิยายเรื่องหิมะสีแดงนี้พิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2518 ผ่านมาเกือบห้าสิบปี มาอ่านอีกครั้งก็ยังสนุก ระหว่างอ่านก็จะนึกภาพไปถึงหนังหรือซีรีส์รักของฝรั่งแนวโรแมนติกที่ชอบดู นึกถึงวิวสวยๆ ธรรมชาติงดงามในยุโรป ชื่นชมผู้เขียนที่เขียนเรื่องราวที่เหมือนเรื่องแปล เป็นไพรัชนวนิยายชวนฝันอันมีเอกลักษณ์งดงาม ใครชอบอ่านแนวนี้น่าจะชอบเช่นกันค่ะ เพียงแต่ขณะที่อ่านไพรัชนิยาย เราคนอ่านบางทีก็ต้องสวมแว่นสายตาจินตนาการในใจมองผ่านเหตุการณ์และพฤติกรรมตัวละครในแบบวัฒนธรรมฝรั่ง ก็จะทำให้อ่านสนุกค่ะ
โปรยปกหลัง

เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้น กองทัพของฮิตเลอร์ บุกเช็คโกสโลวาเกีย (1939-1945) พวกนาซีได้กระทำการทารุณกับชาวเช็คฯ โดยเฉพาะการทำลายหมู่บ้านไลดิซ และฆ่าชาวเมือง ชาวเช็คฯ ได้ตั้งองค์กรลับๆ ต่อต้านนาซี และมีความโกรธแค้นมาก จนถึงกับฆ่าผู้ปกครองชาวเยอรมันที่กรุงปราคเสีย และขับไล่ชาวเยอรมันออกจากแคว้นโบฮีเมีย ในเช็คโกสโลวาเกีย
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปล แต่เป็นเรื่องซึ่งเขียนขึ้นเพราะผู้เขียนได้มองเห็นปัญหาความวุ่นวายอันสืบเนื่องจาก "สงคราม" และ "ลัทธิ"
ขณะที่เราๆ ท่านๆ กำลังมองดูว่า อนาคตของบ้านเมืองจะเป็นไปในรูปใด จึงใคร่เชิญอ่านเรื่องแสดงถึงบทบาทของเยาวชนที่มีต่อ "ประชาธิปไตย" ที่เขาต้องการ ปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้เป็นปัญหาจากอดีต โยงมาให้น่าคิดเปรียบเทียบถึงบ้านเมืองในปัจจุบัน
ตอนที่ประทับใจ ฉากรักในนวนิยาย
ฉากประทับใจเป็นฉากสำคัญของความสัมพันธ์รักระหว่างเวร่าห์และนิโคลัส เมื่อหญิงสาวรู้สึกตัวว่าภาพจำแห่งรักแรกค่อยๆ เลือนหาย และปล่อยให้หัวใจโอบรับชายหนุ่มคนใหม่เข้ามาแทนที่ เธอใช้ความรักความไว้ใจที่มีต่อเขา เล่าเรื่องความลับอันโหดร้ายที่เผชิญมาในอดีตที่ฝังเป็นแผลในใจให้เขารับรู้
"คุณมีเขาคนเดียวหรือ?" เสียงถามมาอีก "จะบอกว่าคุณเป็นสาวบริสุทธิ์"
หล่อนนิ่งอึ้ง คมมีดที่ว่าได้กรีดลึก และเลือดกำลังทะลักออกมาชุ่มโชก หล่อนหลับตานิ่ง ก้อนแข็งๆ วิ่งขึ้นมาที่คอหอย เวร่าห์มีความรู้สึกว่าหล่อนกำลังจะกลับไปมีอาการ เช่นในวันแห่งความทรมานท่ามกลางดงสนและหิมะละลายอีกครั้ง
"คุณเป็นอะไรไปเวร่าห์" นิโคลัสขยับเข้าใกล้ จับแขนที่สั่นน้อยๆ อย่างแปลกใจ เขาผงกศีรษะขึ้นมอง ก่อนจะเลื่อนตัวสูงขึ้น เวร่าห์หลับตาแน่น ริมฝีปากเม้มสนิท เขาอุทานเบาๆ เมื่อเห็นหยาดน้ำตาใสๆ เอ่อล้นที่ดวงตาทั้งสองข้างซึ่งปิดสนิท มันค่อยๆไหลรินลงมาตามร่องแก้ม มือทั้งสองข้างของหล่อนกอดทรวงอกเต่งตึงที่เห็นรางเลือนในความมืด ผ้าเนื้อนิ่มนั้นแนบไปกับเรือนร่างงดงามที่นอนนิ่งไม่ไหวติง เขารวบมือของหล่อนมากุมไว้แน่น มันเย็นเฉียบจนน่าใจหาย อาการมึนและปวดหนึบที่ศีรษะของเขาแทบจะไม่เหลือเลย
"เวร่าห์" เขากระซิบเรียกที่ข้างหู บีบมือของหล่อนเบาๆ
ใบหน้าที่ดูซีดขาวในความมืดของหล่อน เบือนเข้าหาหมอนหนุน น้ำตาไหลลงสัมผัสผ้าขาวสะอาดเป็นดวงใหญ่ เขาสัมผัสด้วยปลายนิ้วอ่อนโยนขณะที่กระหวัดวงแขนไปรอบร่างระหง กดคางลงกับผมยาวสลวยสีทองอ่อนนุ่มด้วยความรู้สีกประหลาดล้ำ ใบหน้าของหล่อนแนบอยู่กับแผ่นอกกว้าง
ใบหน้าที่ดูซีดขาวในความมืดของหล่อน เบือนเข้าหาหมอนหนุน น้ำตาไหลลงสัมผัสผ้าขาวสะอาดเป็นดวงใหญ่ เขาสัมผัสด้วยปลายนิ้วอ่อนโยนขณะที่กระหวัดวงแขนไปรอบร่างระหง กดคางลงกับผมยาวสลวยสีทองอ่อนนุ่มด้วยความรู้สีกประหลาดล้ำ ใบหน้าของหล่อนแนบอยู่กับแผ่นอกกว้าง
"ผมไม่เคยคิดมาก่อน อย่างที่บอกคุณแหละว่าจะรู้สึกถึงความปรารถนา อันมีค่ากว่าการตักตวงสิ่งที่ต้องการ แต่ผมจะบอกคุณว่า… ความปรารถนานั้นกำลังก่อขึ้นในใจ มันมากขึ้นทุกที…ไม่ใช่ความปรารถนาทางธรรมชาติหรอกเวร่าห์ สิ่งนั้นเกิดขึ้นและจบได้รวดเร็วแล้วจางหายไปเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง แต่ความปรารถนาที่ผมกำลังจะบอกคุณ คือความต้องการอยู่ร่วมกันอย่างถาวร ยากจะแยกกันได้แม้ตามหลักความจริง จะลงเอยด้วยวิธีการเดียวกันก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งซึ่งมีอานุภาพจะยังคงอยู่…สิ่งนั้นผูกมัดเราเข้าด้วยกันแน่นแฟ้น ความรักอย่างไรล่ะ…ไม่ใช่ความใคร่…ความรักที่ต้องการรากฐาน เวลาและการพิสูจน์ตัวของมันเอง ผิดกับความใคร่ที่เกิดชั่วแวบ ดุจฟ้าคะนอง แล้วจางหายไปเหมือนไม่มีพายุเกิดขึ้น…"
เขาลูบไล้เส้นผมไปมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะแนบใบหน้าที่สากด้วยจอนหนากับใบหน้าซีดขาวของหล่อน กระซิบถามว่า
"ผมไม่แคร์หรอกว่าคุณจะเคยเป็นของฟรานซ์มาก่อน แต่บางทีคนเรา…โดยเฉพาะมนุษย์ผู้ชายก็เห็นแก่ตัวอย่างที่สุด ถึงตัวเองจะผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน และไม่แปลกอะไรกับผู้หญิงที่คิดจะแต่งงานด้วย…กระนั้นก็เถอะเวร่าห์ ผู้ชายก็อยากจะรู้ว่าผู้หญิงที่เขาคิดว่าหล่อนเป็นคนสุดท้ายของเขาในชีวิตนั้น ได้ผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง…คุณจะต้องไม่โกรธผมนะที่รัก ผมเพียงแต่จะถามว่า คุณเป็นของฟรานซ์มาแล้วใช่ไหม ถ้าเปล่า… คุณมีคนอื่นอีกหรือไม่ ภายหลังการตายของฟรานซ์…คุณเคยเป็นของใครมาบ้าง หรือคุณบริสุทธิ์สะอาด"
ร่างระหงในอ้อมแขนของเขาไหวสะท้าน นิโคลัสกระชับวงแขนให้แน่นยิ่งขึ้น ซุกหน้ากับซอกคอขาวสะอาดของหล่อน เวร่าห์สะอื้นออกมาดังๆ เขาชะงักนิดหนึ่ง แล้วถามต่อไปว่า "คุณมีใครอีกใช่ไหม…เขาเป็นคนชาติอะไร บอกผมได้ไหม ใกล้ไกลเราเพียงใด ผมไม่อยากชิงของใคร…และจะไม่แตะต้องสิ่งที่มีเจ้าของ โดยเฉพาะ…ถ้าผมปรารถนาจะเป็นเจ้าของสิ่งนั้นไปชั่วชีวิต ผมก็ไม่ต้องการหัวใจครึ่งเดียวที่ถูกแบ่งแยกในเวลาเดียวกัน…ก็อย่างที่ผมบอกคุณแต่แรก ถ้าผมจะตักตวงสิ่งที่ต้องการทางธรรมชาติจากคุณ ผมจะไม่เสียเวลาแม้แต่นาทีเดียวสำหรับการตัดสินใจ…ทั้งไม่แคร์ด้วยว่า หัวใจของคุณจะแบ่งให้ใครบ้าง"
หิมะสีแดง : โสภาค สุวรรณ
- จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายโดย บริษัท รวมสาส์น (1997) จำกัด
- พิมพ์ครั้งแรก - พ.ศ. 2518
- พิมพ์ครั้งที่ 2 - พ.ศ. 2532
- พิมพ์ครั้งที่ 3 - พ.ศ. 2534
- พิมพ์ครั้งที่ 4 - พ.ศ. 2539
- ปกในภาพประกอบคือฉบับพิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2539


Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่