แง่คิดดี ๆ จากนวนิยายเรื่อง "ปาก" แม้รูปสวย รวยทรัพย์ ก็หมดราคาได้เพราะปาก

Books and My Quotes

เพจคุยเรื่องหนังสือ รวมเรื่องราวประทับใจจากหนังสือที่รัก จากแอดมินคนเดียวคนเดิมจากเพจซีรีส์ที่รักค่ะ

          #บันทึกการอ่านนวนิยายของฉัน #คุยถึงหนังสือในตู้ #ปาก #ววินิจฉัยกุล #ความทรงจำระหว่างบรรทัดจากหนังสือที่รัก #หนังสือที่รัก
ปาก

          นวนิยายเรื่องล่าสุดที่ดองไว้นาน วันนี้ได้เข้ากระบวนการ "ทลายกองดอง" เรียบร้อยไปอีกเรื่องค่ะ นวนิยายเรื่อง "ปาก" ของ ว.วินิจฉัยกุล
          ตอนที่อ่านจบ มีความรู้สึกว่าตัวละครในเรื่องนี้มีลักษณะคล้ายกับเรื่อง "ใบไม้ร่วง" คือมีสองคู่ที่มีเรื่องราวดำเนินเคียงกันมาให้เราเปรียบเทียบ ในเรื่องนี้ คือ คู่ของ "หมออุรส" กับ "รอย" และคู่ของ "เมรัย" และ "ตอง"
          นวนิยายเรื่องนี้พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2530 โดยสำนักพิมพ์บำรุงสาส์น ผ่านมา 36 ปี ไม่รู้สึกว่าล้าสมัย บทสนทนารวมถึงฉากและโครงเรื่องยังร่วมสมัยอยู่มาก เรื่องราวธีมหลักของนวนิยายก็คือสะท้อนชีวิตตัวละครหลักอย่าง "รอย" และกลุ่มเพื่อนหรือสังคมที่คบหาที่ล้วนเป็นบุคคลชนิดพิเศษที่มองตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางทุกสิ่งทุกอย่าง อะไรหรือสิ่งใดที่แตกต่างจากความคิดตัวเองล้วนไม่ใช่พวก แล้วพร้อมจะใช้ภาษากระด้าง หยาบคาย ดูถูก เหยียดหยาม จนบางทีเข้าขั้นหมิ่นประมาทผู้คนโดยไม่สนใจอะไร เรียกว่าต่อให้รูปสวยรวยทรัพย์ แต่พอเปิดปากพูดออกมา หมดราคาทันที
          ตัวละครหลักฝ่ายหญิงที่ผู้เขียนออกแบบมาให้เปรียบเทียบกันคือ "เมรัย" และ "รอย"
          เมรัย ตามที่ผู้เขียนบรรยายไว้ว่าเป็นหญิงสาวเรียบร้อยหน้าตาน่ารักแบบญี่ปุ่น ได้ชื่อแปลกๆว่า "เมรัย" เพราะคุณแม่ชอบดื่มเหล้าแก้แพ้ท้องขณะตั้งครรภ์เธอ เมรัยเรียนจบนิติศาสตร์ แล้วจำเป็นต้องย้ายมาอยู่กับคุณย่าที่จังหวัดเล็กๆ จังหวัดหนึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก เพื่ออยู่เป็นเพื่อนคุณย่า พร้อมช่วยคุณพ่อควบคุมงานก่อสร้างบ้านพักยามเกษียณ ระหว่างรอคุณพ่อเกษียณในปีหน้า
          เมรัยเข้ามาทำงานที่สำนักงานทนายความของ ชาตย์ พี่ชายคนโตในครอบครัวของคุณชาญ ทนายความเก่าแก่ผู้กว้างขวางและเป็นนักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัด คุณชาญมีภรรยาคือคุณนายพเยีย ผู้เลื่องลือเรื่องความเค็ม ครอบครัวนี้มีบุตรชายสองคน คือ ชาตย์ ที่รับสืบทอดกิจการสำนักงานทนายความของพ่อ บุตรชายคนรองคือ ตอง ทำงานเป็นนายช่างชลประทานอยู่ที่เขื่อนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี และมีบุตรสาวคนเล็กคือ รอย หญิงสาวสวยทันสมัย โดดเด่น เรียนเก่ง ได้ทุนไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ จบกลับมาก็ยิ่งทำตัวฟุ้งเฟ้อ หลงตัวเอง และมีนิสัยปากร้ายและไม่เคยยอมให้ใคร ทำทุกอย่างตามใจโดยถือตัวเองเป็นที่ตั้ง
          รอยเป็นลูกสาวที่แม่ไม่รัก เพราะเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ เป็นเพียงเด็กที่คุณชาญขอมารับอุปการะเพราะเห็นแก่ผู้มีบุญคุณในอดีต คุณพเยียจึงแสดงออกถึงความรักลูกไม่เท่ากันชัดเจน แล้วเลี้ยงดูรอยให้เติบโตมาด้วยความขาดและคำพูดด่าทอจิกกัดบ่นลูกสาวทุกเรื่อง ในขณะที่ตามใจบุตรชายแท้ๆของตัวเองทั้งสองคน
          เรื่องราวในนวนิยายก็คือความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสี่ที่มาเกี่ยวข้องกัน เมื่อเมรัยรู้สึกประทับใจคุณหมออุรส ในขณะที่คุณหมออุรสเป็นนายแพทย์หนุ่มที่สาวๆทั้งจังหวัดหมายปองว่าจะได้ถูกเลือก แต่คุณหมอเป็นคนที่ค่อนข้างหลงตัวเองอย่างมาก ตั้งมาตรฐานคู่ชีวิตไว้สูงลิบ และไม่เคยพอใจใคร ทุกคนที่ผ่านมาล้วนมีคุณสมบัติที่อ่อนด้อยไม่คู่ควร แม้กระทั่งเมรัยเอง เมื่อได้พบหมออุรส เธอก็ถูกกระทำให้รู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำไม่คู่ควร จนเมรัยเสียใจและสุดท้ายก็ถอยออกไป
          ในขณะที่หมออุรสกลับมาหลงเสน่ห์คุณสมบัติและรูปลักษณ์ภายนอกของรอย รวมถึงภาพจอมปลอมที่รอยสร้างขึ้นมาตบตาคุณหมอจนมืดบอด ตลอดจนแผนการเพื่อจับหมออุรสจนสุดท้ายทั้งคู่ได้แต่งงานกันในเวลาอันรวดเร็ว
          ในขณะที่เมรัยเริ่มรับไม่ไหวกับเพื่อนในสำนักงานทนายความที่มีกลุ่มหญิงสาวปากจัด ชอบดื่มเหล้า เข้ากลุ่มเมากับพวกผู้ชายแล้วก็คุยกันสองแง่สองง่ามถึงเรื่องใต้สะดือจนเป็นพฤติกรรมปกติ ในขณะที่เมรัยผู้ไม่เข้าพวก ถูกกันอยู่นอกกลุ่ม
          และในที่สุดเธอก็ตัดสินใจลาออกทันทีเมื่อได้งานใหม่ที่สมัครไว้ที่กรุงเทพฯ แล้วเมรัยก็ย้ายมาใช้ชีวิตในเมืองหลวงพร้อมปรับปรุงบุคลิกตัวเองใหม่ให้ทันสมัย
          ความสัมพันธ์ของเมรัยกับตอง พี่ชายของรอย เริ่มต้นขึ้นในช่วงที่ยังทำงานอยู่กับชาตย์ ตองรู้สึกสนใจเมรัย ชอบบุคลิกนิสัยเรียบร้อยโอบอ้อมอารีช่วยเหลือคนอื่นของเมรัย แต่นิสัยตองที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีแต่เสียงบ่นหยาบคายของมารดาเช่นคุณนายพเยีย ก็ทำให้เขากลายเป็นชายหนุ่มปากไว ตรงไปตรงมา พูดอะไรทีกระแทกใจคน ตามนิสัยตรงเกินไป แต่แท้จริงแล้วจริงใจและมีพื้นฐานนิสัยที่เป็นคนที่ดีคนหนึ่ง
          ตองได้ย้ายเข้ากรมที่กรุงเทพฯ ในจังหวะเดียวกับที่เมรัยย้ายที่ทำงาน ตองที่สนใจเมรัยอยู่ก่อนแล้ว ก็ตั้งใจเดินหน้าจีบเมรัยแบบเปิดเผยตามลักษณะนิสัยตรงไปตรงมาจริงใจแบบชายหนุ่มบ้านๆ ซื่อๆ ตามตื๊อจนบางทีเมรัยรำคาญบ่นว่าตาบ้าซื่อบื้อ
          ส่วนตัวชอบบุคลิกของตองมาก บทสนทนาหลายตอนที่ซื่อๆ ตรงๆ ไม่เกรงใจใครนั้นทำให้รู้สึกดีว่าบางทีมีคนแบบนี้คอยกระแทกพวกปากร้ายบ้างก็ดี เพราะคนส่วนใหญ่ในสังคมเลือกที่จะหลีกเลี่ยงไม่ปะทะแล้วจำทนกับพวกปากเสียที่บางทีก็เหลือทนจริงๆ
          นวนิยายเรื่องนี้มีละครที่สร้างออกมาในปี พ.ศ. 2561 ออกอากาศทางช่อง GMM25 ได้นักแสดงสาว สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข รับบท รอย แก้ว-จริญญา ศิริมงคลสกุล รับบท เมรัย ส่วนฝ่ายชาย มีตูมตาม-ยุทธนา เปื้องกลาง รับบท ตอง และ ไผ่-พาทิศ พิสิฐกุล รับบทหมออุรส
          ส่วนตัวได้ดูละคร พบว่าสร้างตามบทประพันธ์ ที่มีรายละเอียดเรื่องราวสนุก นักแสดงนำแสดงดีสมบทบาททุกคน แต่ฉากบทสนทนาของสาวๆ ในสำนักงานทนายความรวมถึงบทรอยที่ปากร้ายปากจัดนี่คือต้องกรอข้ามเพราะทนฟังคำหยาบคายหนักๆไม่ไหว คือบทละครโทรทัศน์เติมแต่งสีสันจนจัดจ้านเกินรับไหว ในละครจะชอบบทตองที่ตูมตาม ยุทธนาแสดงมาก คือดูแล้วรู้สึกว่าบทในละครจะเด่นกว่าและน่ารักกว่าในนิยายที่มีบทน้อยกว่าคู่ของหมออุรสและรอย

โปรยปกหลัง

          "ชั้นก็ไม่ชอบเหมือนหล่อนละย่ะ" อีกฝ่ายจีบปากตอบ พลางชำเลืองค้อนไปทางห้องลองเสื้อ "พูดจางี้สำรากยังกะหมา เด็กถูพื้นที่นี่มันยังพูดเพราะกว่าตั้งเยอะ แปลกนะไหนว่าเป็นนักเรียนนอก พูดจาไหงฟังไม่ได้ซักคำ"
          "เมื่อก่อนมันก็พูดขัดๆหู แต่ไม่มากเหมือนเดี๋ยวนี้…" ตรูตารำพันต่อด้วยความเจ็บใจ "เสียงมันไม่ใช่ไม่เพราะอย่างเดียว มันพูดห้วนกระโชกโฮกฮากด้วย ยิ่งเวลามันพูดกับพวกเราด้วยกันมันไม่เกรงใจ เสียงมันงี้ยังกะพูดกับขี้ข้ามัน…คุณแจ๊คเค้าบ่นมาหลายทีแล้วว่าเสียงมันไม่ดี ปากมันก็จัด"
          "มันเสียที่ปาก" เจ้าของร้านสรุป "คนบางคนพอเสียตรงนี้ มันเสียไปหมดจริงๆ ใครเค้าก็เซ็งกันหมด"

ตอนที่ประทับใจ

          ชอบตอนหนึ่งที่ตลกมากในบรรดานวนิยายที่มีพระเอกนางเอกที่จีบกัน คู่นี้คือคู่ฮาค่ะ ตองเข้ากรุงเทพฯ มาหาที่พัก แล้วบังเอิญมาเจอกับเมรัยที่อพาร์ตเมนต์ เลยมาเช่าที่นี่อยู่ด้วย แล้วตองก็เข้าใจผิดเมื่อเห็นเมรัยเปลี่ยนโฉมใหม่แต่งตัวสวย แต่งหน้าแต่งตา แล้วอพาร์ตเมนต์นี้มีแต่พวกผู้หญิงทำงานที่รับงานพิเศษเป็นเพื่อนเที่ยวกินดื่มกับผู้ชาย ตองที่แอบสนใจเมรัยก็คิดไปไกลจนเข้าใจผิดแล้วรู้สึกเสียดาย แต่อยากใกล้ชิดกับเมรัย เลยขอนัดเดท ตอนนี้อ่านไปขำไปค่ะ เรื่องนี้ไม่มีหวาน มีแต่ฮาเพราะขำบทพระเอกผู้มีบทน้อยกว่าพระเอกในนิยายเรื่องอื่นๆค่ะ
          เขาคิดว่าเมรัยคงจะมี "งานพิเศษ" เหมือนผู้หญิงสาวอีกหลายๆคนที่พักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งนี้ เพราะว่าลักษณะดูคล้ายกันมาก
          ผู้หญิงสาวสวย แต่งตัวดีเกินเงินเดือนที่ตนได้รับ พักอยู่อพาร์ตเมนต์ที่มีความสะดวกสบายมากพอสมควรอย่างนี้ มักจะมีอาชีพพิเศษ นอกเหนือไปจากอาชีพที่หล่อนประกอบอยู่ตอนกลางวัน ตองเองจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าพ่อแม่ของเมรัยอยู่จังหวัดเดียวกับพ่อแม่เขา แต่ว่าทำงานหน้าที่อะไรเขาจำไม่ได้แล้ว ถึงกระนั้นก็เถอะถ้าหากพ่อแม่เป็นเศรษฐี เรื่องอะไรจะปล่อยให้ลูกสาวมาเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่คนเดียว ให้อยู่กับญาติมีบ้านช่องอยู่ให้เรียบร้อยไม่ดีกว่าหรือ
          นอกจากนั้น เขายังเห็นกับตาว่าตอนค่ำมีผู้ชายหน้าตาเหมือนอาเสี่ยขับรถมาส่งหล่อนถึงที่พัก ท่าทางเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าจะเป็นเพื่อนฝูงกัน หล่อนก็คงเป็น "เพื่อนเที่ยว" หรือ "อีหนู" ของอาเสี่ยพวกนี้แหละว้า ท่าทางดูปราดเปรียวผิดหูผิดตาไปกว่าครั้งก่อนมาก ตอนนั้นยังดูสงบเสงี่ยมเรียบร้อยไม่น่าสงสัยอะไรจนนิดเดียว
          เขาอยากจะทดลองดูบ้างเหมือนกันว่า อย่างหล่อนจะคิดสนนราคาสักเท่าไร เพื่อนเขาบอกว่าผู้หญิงประเภทนี้ราคาแพง หล่อนจะเลือกแต่ฝรั่ง หรือไม่ก็เศรษฐีกระเป๋าหนักที่จ่ายไม่อั้น ประเภทหนุ่มเมียเผลออะไรพวกนั้น
          ปกติตองไม่ชอบใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายถึงเพียงนี้หรอก แต่ว่าเขาเกิดชอบผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา จนอยากจะทดสอบเป็นลูกค้าหล่อนดูสักครั้ง
          เขาก็เลยลองเข้ามาชวนหล่อนดูก่อน จะติดต่อผ่าน "เอเย่นต์" ก็ไม่รู้ว่าหล่อนอยู่เอเย่นต์ไหน จะถามใครก็ไม่สะดวก เพราะเรื่องส่วนตัวของเขาเรื่องอะไรจะต้องไปป่าวประกาศให้คนอื่นรู้
          ได้ยินคำปฏิเสธของเมรัย ตองเข้าใจว่า หล่อนหมายความว่าวันนี้หล่อนมีลูกค้าเสียแล้ว
          "แล้ววันอาทิตย์หน้าล่ะครับ ผมจองไว้ได้ไหม" เขาถามยิ้มๆ พยายามไม่นึกเสียดายที่มาจองตัวช้าไปหน่อย
          เมรัยชะงัก มองหน้าอีกฝ่าย
          "ยังไม่ทราบเลยค่ะ" หล่อนชักไม่ค่อยชอบใจขึ้นมานิดๆ เรื่องอะไรถึงได้ตามตื๊ออยู่ได้ "ไม่ทราบว่าจะมีธุระอะไรหรือเปล่า"
          "ก็ผมขอจองไว้ก่อนล่ะฮะ ถ้าหากว่ามีธุระกับคนอื่น เลื่อนไปก่อนได้ไหมฮะ" ตองชักอึดอัดใจ เกรงว่าหล่อนจะเข้าใจผิดว่าเขาชวนหล่อนไปเที่ยวเฉยๆ โดยไม่จ่ายค่าตัวให้หล่อน จึงอธิบายเพิ่มว่า "ผมว่างเฉพาะช่วงกลางวัน ตั้งแต่เที่ยงถึงบ่ายสามโมงนั้นแหละ ไม่ได้ชวนคุณไปทั้งวันหรอก คุณพอว่างไหมล่ะ"
          เมรัยรู้สึกระคายหูอย่างยิ่ง สีหน้าหล่อนตึงขึ้นขณะตอบเสียงห้วนว่า
          "ไม่ทราบ คิดว่าไม่ว่าง คุณอย่าเสียเวลาชวนฉันหน่อยเลยค่ะ ฉันมีธุระที่จะไปที่อื่นด้วย"
          "ผมไม่ได้ชวนคุณไปฟรีๆนะ" ตองเห็นว่าหล่อนคงยังไม่เข้าใจอยู่ดี อาจจะเป็นเพราะเขาไม่มีทีท่าว่าเป็น "อาเสี่ย" ก็เป็นได้ "ผมจะออกค่าใช้จ่ายให้เท่าที่คนอื่นเขาออกกัน ไม่ตุกติกกับคุณหรอก หรือว่าจะให้วางมัดจำก็ตามใจ"
          เมรัยยืนตะลึง หล่อนนึกว่าหูฟั่นเฟือนไปเสียอีก
          "อะไรนะ" หล่อนถามเสียงแหลมปรี๊ด
          ตองควักกระเป๋าธนบัตรออกมาด้วยท่าทางเอาการเอางาน ดึงธนบัตรใบละห้าร้อยบาทออกมาสองใบ ยังไม่ทันจะยัดใส่มือหล่อน เมรัยก็ได้สติ
          "คุณทำอะไรของคุณ" เสียงหล่อนสั่นเทาด้วยโทสะ
          อ่านจบตอนนี้ด้วยความขำพร้อมเข้าใจได้เลยว่า "ตอง" น่าจะเป็นพระเอกในนิยายเรื่องแรกที่นางเอกบ่นว่า "ตาบ้า" "ซื่อบื้อ" เกือบจะตลอดเรื่องเพราะอะไร
ปาก

          ปาก : ว.วินิจฉัยกุล
  • พิมพ์ครั้งที่ 1 : สำนักพิมพ์บำรุงสาส์น พ.ศ.2530
  • พิมพ์ครั้งที่ 2 : สำนักพิมพ์วัตสาตรี พ.ศ.2534
  • พิมพ์ครั้งที่ 3 : สำนักพิมพ์ทรีบีส์ พฤษภาคม พ.ศ.2551
  • ภาพประกอบคือ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 4 โดยสำนักพิมพ์ทรีบีส์ เดือนมิถุนายน พ.ศ.2558
  • ภาพปก โดย ฟารุต สมัครไทย
  • ราคาปก 280 บาท
  • จำนวน 385 หน้า
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่
เรื่องอื่นๆของ Books and My Quotes
Advertisements
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แง่คิดดี ๆ จากนวนิยายเรื่อง "ปาก" แม้รูปสวย รวยทรัพย์ ก็หมดราคาได้เพราะปาก อัปเดตล่าสุด 5 มกราคม 2567 เวลา 00:32:56 2,644 อ่าน
TOP