“ฝันที่เปลี่ยน” “เราเลิกกันเถอะ คบกันไปก็ไม่มีอนาคต”
ประโยคสั้นๆของธันวายังก้องอยู่ในหู ในความรู้สึก ในความทรงจำ ดังอื้ออึงหมุนวนในความทรงจำอันเจ็บปวด ยาวนานถึงสิบปี
พิมผลักประตูร้านกาแฟเล็กๆตรงหัวมุมเข้าไปเพื่อผ่อนคลาย ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศในร้านช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น
พิมนั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน สลัดความคิดรบกวนจิตใจออกไป พลางวางเอกสารและกระเป๋าถือลงบนเก้าอี้ข้างๆ หลังจากเหน็ดเหนื่อยคุยงานมาทั้งวัน อากาศร้อนอบอ้าวภายนอกทำให้เหนื่อยกว่าที่ควรจะเป็น
เธอนึกถึงภารกิจหนักหน่วงวันนี้ที่ผ่านไปด้วยดี จึงเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
พิมเข้ากรุงเทพมาทำงานทันทีหลังเรียนจบ เธอตัดสินใจเลือกที่จะเริ่มสร้างชีวิตของตนเองให้มั่นคง ก้าวหน้า และทิ้งพิมคนเดิมที่อ่อนแอไว้ข้างหลัง
ความมั่นคงในจิตใจที่จะเริ่มต้นชีวิตที่สดใสก้าวหน้าไม่เป็นรองใคร เป็นแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้พิมละทิ้งตัวตนเดิมๆ
เธอมุมานะเรียนหนังสือจนจบออกมาด้วยคะแนนที่น่าพอใจ ตัดสินใจเข้ากรุงเทพเพื่อทำงานที่มั่นคงและรายได้ดีพอที่เธอจะสร้างเนื้อสร้างตัวให้พ่อแม่อยู่สุขสบายยามแก่เฒ่า
ความพยายามของพิมไม่เป็นหมัน เธอได้รับโอกาสทำงานในองค์กรชั้นนำแห่งหนึ่ง ตำแหน่งงานในฝ่ายดูแลและวางแผนกลยุทธ์ที่ได้รับครั้งแรกก็น่าพอใจ เป็นจุดเริ่มต้นที่สดใสในชีวิต
เธอทำงานในบริษัทนี้มาได้ราวห้าปีกว่าแล้ว หน้าที่การงานค่อยๆก้าวหน้า และมีแนวโน้มว่าสิ้นปีนี้คงมีข่าวดีมากๆ จากคำเปรยของหัวหน้างานที่รับปากและให้โอกาสเธอ
ระหว่างจิบกาแฟคลายเหนื่อย เธอก็นึกถึงแรงผลักดันสำคัญในชีวิตที่ทำให้มีเธอในวันนี้ พิมนึกถึงความหลังแสนหวานอันหลอกลวงระหว่างเธอกับธันวาขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจอีกแล้ว ธันวามักตามติดอยู่ในความคิดคำนึงของพิมเสมอๆ มันเป็นแผลแห้งๆที่ทิ้งสะเก็ดไว้ในใจ
เธอจำได้ถึงคำพูดสุดท้ายที่เขาพูดทิ้งท้ายไว้ “เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ”
พิมประหลาดใจงุนงงสับสนกับประโยคนั้น จะให้พิมเปลี่ยนความรู้สึกรัก ที่กลับกลายเป็นเกลียดและไม่เข้าใจ เปลี่ยนเป็นมิตรภาพแห่งความเป็นเพื่อนในชั่วข้ามคืนนั้นคงเป็นไปไม่ได้ และคงไม่มีวันเป็นไป
กาลเวลาทำให้พิมเข้าใจได้ว่า ธันวาเดินจากไปเพราะความไม่เหมาะสมและการไม่ยอมรับจากครอบครัวของธันวา
ธันวาเลือกที่จะทำตามคำสั่งของพ่อ เขาไม่ให้ค่ากับความจริงใจและความรู้สึกของเธอ
ครอบครัวธันวาเป็นครอบครัวข้าราชการทั้งพ่อและแม่ พ่อของธันวามีตำแหน่งระดับสูงขึ้นๆทุกปี และกำลังจะได้ย้ายเข้าไปใหญ่ในกระทรวงที่กรุงเทพ
ช่องว่างระหว่างพิมและธันวาห่างออกจากกันมากขึ้นๆ
ครอบครัวพิมเป็นคนธรรมดาๆทั่วไป พ่อมีร้านขายของชำเล็กๆ ค้าขายของเล็กๆน้อยๆในตลาด
แม่ช่วยพ่อดูแลร้าน พิมเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเล็กๆที่ฐานะธรรมดาพอมีพอกินไม่ร่ำรวย ไม่มีต้นทุนในชีวิตที่พอจะเกื้อหนุนให้ชีวิตของใครดีขึ้นได้
ธันวาเลือกหนทางที่จะไขว่คว้าหาความสำเร็จ และปัจจัยใดๆที่ไม่เหมาะไม่ควรกับเส้นทางนั้น เขาก็ตัดสินใจละทิ้งมันไว้ข้างหลัง
พูดง่ายๆ เพราะครอบครัวพิมจน และไม่คู่ควรกับเขา
พิมเคยนึกถึงตนเองในวันเก่าๆ ที่คิดเพียงว่าวันเวลาแห่งความสุขคือการที่มีครอบครัวกับคนที่รัก พิมฝันจะเป็นแม่บ้านดูแลสามี จัดเตรียมบ้านให้สวยงามน่าอยู่ ไม่เคยมีความทะเยอทะยานในเรื่องชีวิตหากมีความรักและความสุขเล็กๆในครอบครัวก็เพียงพอแล้ว
พิมนึกถึงภาพฝันที่ธันวากลับมาบ้านหลังเลิกงาน เธอจะเปิดประตูรอต้อนรับเขาด้วยอ้อมกอดอบอุ่นในบ้านแสนสุข
เป็นความเพ้อฝันของสาวน้อยเมื่อเกือบสิบปีก่อน ที่วันนี้ต่างออกไปแล้ว
ภาพฝันนั้นเลื่อนลอยและค่อยๆห่างออกไป
พิมมีภาพฝันอันใหม่ไว้หล่อเลี้ยงและเยียวยาจิตใจอันบอบช้ำมาทดแทนแล้ว
ภาพหญิงสาวผู้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ปรับปรุงตนเองเป็นหญิงสาวคนใหม่ที่มั่นใจในตัวเอง และไม่จำเป็นต้องมีชายใดมาเป็นที่พึ่งพิง
เธอจะไม่ยอมเป็นไม้เลื้อยที่อาศัยเกาะรัดไม้ใหญ่และมีชีวิตเพื่อผู้อื่น เธอจะมีชีวิตที่เป็นของตัวเองและอยู่อย่างองอาจได้ด้วยตนเอง
เธอให้คำมั่นกับตัวเอง เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้พิมละจากความคิดคำนึง
ณภัทร หัวหน้าเธอนั่นเอง เขาโทรมาสอบถามความคืบหน้าของงานที่มอบหมายให้เธอจัดการวันนี้ เธอรายงานความสำเร็จของการพูดคุยตกลงทางธุรกิจเบื้องต้นว่าผ่านไปได้เรียบร้อยดี ราวสัปดาห์หน้าทางบริษัทคู่ค้าจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อมาเพื่อคุยรายละเอียดเพิ่มเติม
ณภัทรหัวหน้างานของพิม เป็นชายหนุ่มโสดวัยสามสิบกลางๆ เป็นคนค่อนข้างเคร่งขรึม พูดน้อย จะคุยกันเรื่องงานเป็นส่วนใหญ่
พิมร่วมงานเป็นลูกน้องเขามาห้าปีแล้ว ยังไม่เคยได้ยินเรื่องครอบครัวของเขา คนหนุ่มสมัยนี้ค่อนข้างใช้ชีวิตอิสระ เขาค่อนข้างเก็บตัว มีชีวิตสันโดษ
พิมนั้นชื่นชมในบุคลิกความเป็นผู้นำของเขา ตลอดเวลาการทำงานร่วมกัน มีระยะห่างเพราะนิสัยและบุคลิกส่วนตัวของทั้งคู่ แต่ความใกล้ชิดจากการทำงานทำให้พิมรับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่าง
พิมนั้นยังเข็ดกับความรัก และเป็นเพราะตั้งเป้าหมายชีวิตอยู่ที่ความสำเร็จในงานและชีวิตอันมั่นคงเท่านั้น เธอจึงไม่เคยรับรู้และมองเห็นอะไรบางๆที่เชื่อมเธอและณภัทรอยู่โดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นไม่นาน ดีลธุรกิจที่พิมคุยไว้เบื้องต้นก็สำเร็จลงด้วยดี การเซ็นต์สัญญาความร่วมมือผ่านไปด้วยดี
เย็นวันหนึ่งหลังเลิกงาน พิมยังไม่ออกจากที่ทำงาน เธอยังนั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะทำงาน โทรศัพท์คุยกับแม่เรื่องคอนโดมีเนียมที่พิมตัดสินใจซื้อไว้เป็นที่อยู่อาศัยหลักในกรุงเทพ
พ่อกับแม่นัดหมายเข้ามาดูและช่วยเหลือเรื่องการตกแต่งและเตรียมตัวย้ายเข้า ความที่พิมงานยุ่ง บางวันต้องประชุมจนดึก เธอรู้สึกผ่อนคลายเมื่อรับรู้ได้ว่าพ่อกับแม่ยินดีและมีความสุขกับชีวิตในเมืองของเธอ
เธอนั่งเล่นโทรศัพท์เพลินๆ ระหว่างรอเวลาให้การจราจรคลี่คลายกว่านี้ จึงจะออกจากออฟฟิศไปหาอะไรอร่อยๆเป็นมื้อเย็นก่อนกลับที่พัก
เธอเพลิดเพลินกับเพลงหวานๆใสๆช่วยผ่อนคลาย โดยไม่ทันรู้ตัวว่า มีใครบางคนเดินเข้ามาข้างหลัง
เสียงฝีเท้ามาหยุดลงข้างๆโต๊ะ พิมเงยหน้าทันทีที่รู้สึกตัว ณภัทรมายืนมองเธออยู่เงียบๆ สายตามองเธอแบบครุ่นคิด
พิมทักทายออกไปก่อนว่า “พี่ภัทรมีอะไรสั่งงานพิมเพิ่มรึเปล่าคะ” เธอเหลียวมองออกไปนอกกระจก จากชั้นบนมองลงไปยังถนนหน้าตึกสำนักงาน
“พิมยังไม่กลับบ้านหรอก เบื่อรถติด เดี๋ยวรถหายติดค่อยออกไป” ใบหน้าของณภัทรยังคงเดิมดูเคร่งขรึม แต่ผ่อนคลายมากขึ้น เขายิ้มบางๆ เอ่ยกับเธอว่า
“นี่ใจเราจะคุยแต่เรื่องงานกับพี่รึยังไง” เขาพูดพลางขยับแขนเสื้อทั้งสองข้างแล้วพับขึ้น
“เมื่อวันก่อนเพิ่งเสร็จโปรเจ็คใหญ่ พี่เลยคิดว่าวันนี้จะให้รางวัลเราซะหน่อย”
พิมมองกลับไปบนใบหน้าผ่อนคลายและมีรอยยิ้มบางๆนั้น ความรู้สึกแปลกใหม่เข้ามากระทบ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก รู้แต่ว่าเธอประทับใจรอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มผู้เคร่งขรึมข้างหน้า
พิมมองเขาตาโต ณภัทรมองใบหน้าของหญิงสาวผิวขาวผอมบางตรงหน้า สายตาร่าเริงแจ่มใสยินดีพร้อมๆกับคำพูดเสียงใสตอบกลับมาว่า
“โอย ดีใจจังพี่ณภัทรจะให้รางวัล จะพาพิมไปเลี้ยงมื้อใหญ่หรือคะ”
ณภัทรตอบเธอว่าคืนนี้อยากพาเธอไปเลี้ยงข้าวตอบแทนที่เธอเหน็ดเหนื่อยทุ่มเทกับงานจนสำเร็จ แล้วพรุ่งนี้ค่อยพาทีมงานทั้งฝ่ายไปอีกรอบ
พิมยิ้มกว้าง พูดเสียงใส “ไปค่ะ กำลังหิวเลย พิมได้กำไรนะเนี่ย รับเลี้ยงดับเบิ้ลสองรอบเลย”
หลังจากนั้นไม่นาน ณภัทรก็ขับรถออกจากตึกสำนักงาน พาพิมฝ่ารถติดไปยังร้านอาหารฝรั่งเล็กๆในซอยที่อยู่ใกล้ถนนหลัก ถัดไป
ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้าน ไม่ทันสังเกตเห็นชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ก่อนในโต๊ะด้านใน ชายหนุ่มคนนั้นมองตามหญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน
ชายหนุ่มคนนั้นสะดุดตาหญิงสาวตั้งแต่แวบแรก เขายังจำใบหน้าและแววตาอันเศร้าโศกในวันสุดท้ายที่พบกันเมื่อสิบปีก่อนได้ดี
แต่วันนี้เธอต่างออกไป เธอยังคงเหมือนเดิมสดใสร่าเริงยามมีความสุข เหมือนเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่วันนี้ดูแตกต่างตรงที่บุคลิกใหม่ที่มั่นคงและเป็นตัวของตัวเอง ต่างจากสาวน้อยหัวอ่อนในวันนั้น
พิมเดินเข้าร้านมากับณภัทร เมื่อเลือกที่นั่งและสั่งอาหารเรียบร้อย เธอก็กวาดสายตามองไปรอบๆร้าน
ในร้านตกแต่งสวยงาม มีดนตรีคลอเบาๆ ตามโต๊ะมีคนมานั่งรับประทานอาหารอยู่บ้างประปราย และแล้วสายตาเธอก็หยุดชะงัก เมื่อมองเห็นเขา
ชายหนุ่มที่เธอเคยรักเมื่อสิบปีก่อน วันนี้นั่งดื่มเครื่องดื่มอยู่คนเดียว ใบหน้าดูอิดโรยเหนื่อยหน่าย ไม่เหมือนชายหนุ่มที่ร่าเริงในวันเก่าๆ
เขามองกลับมาเหมือนรู้ตัวว่าเธอเห็นเขาแล้ว เธอเมินสายตาผ่านไปแบบไม่สนใจ หันกลับไปคุยอย่างร่าเริงกับชายหนุ่มที่มาด้วยกันตรงหน้า
ธันวาตัดสินใจลุกขึ้นเดินเข้าไปหาพิม เขาตรงปรี่ไปทักทายเธอ
พิมนั้นรู้ตัวและเตรียมตั้งรับ เธอนึกไม่ถึงว่าวันที่รอคอยจะมาถึงเร็วถึงเพียงนี้
วันที่เธอเฝ้ารอคอยด้วยความหวังและปรารถนาในส่วนลึกว่า สักวันหนึ่งธันวาจะกลับมายืนตรงหน้า และเธอจะแสดงให้เขาเห็นว่า “ไม่มีเธอ ฉันก็ยังมีความสุขดี”
ณภัทรจับสังเกตอาการของคนทั้งคู่ได้ เขานั่งนิ่งไม่ปริปาก มองดูกิริยาและฟังบทสนทนาราวกับละครฉากหนึ่งตรงหน้า
“พิม ดีใจจังที่ได้เจอ” พิมทำหน้านิ่ง หันมามองหน้าธันวาด้วยสายตาเรียบๆ ใบหน้าเฉยเมยไม่มีรอยยิ้ม เธอพูดเรียบๆกลับไป สายตาแน่วแน่เป็นประกาย
“ใครดีใจก็ดีใจไป พิมไม่สนใจหรอก” ธันวายิ้มเก้ออยู่ตรงหน้า เมื่อพิมไม่พูดอะไรเพิ่มเติม เหมือนเขาเป็นตัวอะไรสักตัว หรือเป็นอากาศธาตุที่ลอยผ่านไปมาไร้ตัวตน
พิมหันไปยิ้มแย้มพูดคุยกับชายหนุ่มที่มาด้วยกันต่อ
ธันวาทำได้เพียงถอยหลังกลับมาที่โต๊ะของตัวเองด้วยใบหน้างุนงง ระหว่างมื้ออาหาร พิมรับรู้ว่ามีคำถามในสายตาของณภัทร เธอเลือกที่จะไม่อธิบาย ไม่เล่าเรื่องใดๆทั้งสิ้น ความรักความหลังเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว
เธอมีเป้าหมายในชีวิตคือการเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เปล่าประโยชน์ที่จะพูดถึงเรื่องที่ผ่านมา อนาคตต่างหากคือเรื่องที่เธอสนใจและยังมีความหวัง
คืนนั้นณภัทรขับรถมาส่งพิมถึงที่พัก พิมรู้ว่าเขายังมีอะไรในใจ ความเป็นคนเคร่งขรึมของเขา ทำให้เขาเลือกที่จะไม่พูดออกมา
พิมไม่อยากให้วันสิ้นสุดสมปรารถนาได้เยาะเย้ยรักเก่าที่ลืมเลือนไปแล้ว และวันเริ่มต้นความรู้สึกแปลกใหม่กับชายหนุ่มตรงหน้าผ่านไปอย่างไม่เข้าใจกัน
ก่อนลงจากรถ พิมหันมาบอกเขาว่า “ผู้ชายที่ร้านเมื่อกี้แค่คนเคยรู้จักไม่สลักสำคัญอะไรค่ะ”
เธอยิ้มสดชื่น หันไปมองเขาพร้อมพูดอย่างร่าเริง
“คืนนี้พิมจะบันทึกเรื่องมื้ออาหารมื้อรางวัลของพี่ภัทรใส่สมุดบันทึกเสียหน่อย”
เมื่อเธอก้าวลงจากรถ เธอหันไปสำทับแกมหยอกเย้าเขาอีกครั้งว่า
“คืนนี้พี่ภัทรไปนั่งคิดนอนคิดเตรียมไว้เลยนะว่าพรุ่งนี้จะเลี้ยงอะไรพิม”
ก่อนปิดประตูรถ พิมเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามหายไปแล้ว แววตาตรงหน้าดูแวววาวสดใส ใบหน้าโปรยยิ้มพลางพยักหน้าให้กับคำพูดของเธอ
เสียงเขาเบาๆเอ่ยออกมาจากลำคอแทบจะไม่ได้ยิน “พี่จะคิดถึงพิมนะครับ คืนนี้”
แก้วเจ้าจอม #เรื่องสั้นของแก้วเจ้าจอม
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตาม
กติกา สามารถคลิก
แจ้งปัญหาได้ที่นี่