บันทึกการอ่าน ฟ้าสางที่ดัคกา ไพรัชนิยายของปลายปากกาของโสภาค สุวรรณ

Books and My Quotes

เพจคุยเรื่องหนังสือ รวมเรื่องราวประทับใจจากหนังสือที่รัก จากแอดมินคนเดียวคนเดิมจากเพจซีรีส์ที่รักค่ะ

          #บันทึกการอ่าน #ฟ้าสางที่ดัคกา #โสภาคสุวรรณ
ฟ้าสางที่ดัคกา

          ฟ้าสางที่ดัคกา เป็นไพรัชนิยายของโสภาค สุวรรณที่พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกราวปี พ.ศ. 2527 ผู้เขียนได้กล่าวไว้ในคำนำว่านำเค้าโครงส่วนหนึ่งมาจากชีวิตของบุคคลจริง ที่เป็นนักการทูตผู้มีตำแหน่งสูงสุด ตามที่ยอมรับนับถือกันในระดับนักการทูตอาชีพ หรือ Career Diplomat ซึ่งก็คือตำแหน่ง เอกอัครราชทูต ผู้เป็นมิตรสนิทที่รักใคร่ ใกล้ชิดนับถือของบิดาผู้เขียน แม้จะอ่อนวัยกว่า หากความเป็นมิตร ทำให้ท่านทูตบอกเล่ารายละเอียดของชีวิตซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการก่อกำเนิดของประเทศบังคลาเทศ ฯพณฯ อับเดล รามัน เอล ราชิด ผู้มีสำนึกในการเป็นชาวเบงกาลีอย่างเต็มตัว
          นวนิยายเรื่องนี้จึงผสมผสานทั้งโครงเรื่องจากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์การเมืองสำคัญในดินแดนเอเชียกลาง การถือกำเนิดของบังคลาเทศที่มีจุดเริ่มต้นจากความขัดแย้งของปากีสถานตะวันออกและปากีสถานตะวันตกในยุคนั้น รวมกับจินตนาการเพื่อเขียนออกมาเป็นนวนิยายรักที่มีฉากหลังคือการเมืองที่สนุกมากอีกเรื่อง
ฟ้าสางที่ดัคกา

ฟ้าสางที่ดัคกา

          ตัวละครหลักหรือพระเอกของเรื่องจึงใช้ชื่อเดียวกับบุคคลต้นแบบคือ อับเดล รามัน เอล ราชิด ในตอนเปิดเรื่องดำรงตำแหน่งเลขานุการโท สถานทูตปากีสถานประจำซาอุดิอาระเบีย นักการทูตหนุ่มวัยสามสิบเอ็ด เกิดที่เมืองดัคดา เป็นชาวเบงกาลีที่มีพื้นเพในครอบครัวเป็นชนชั้นสูง ได้รับการศึกษาจบถึงขั้นปริญญาเอกจากอังกฤษ หลังจากไปเรียนและเติบโตที่อังกฤษตั้งแต่สิบขวบ จึงทำให้รามันเป็นชายหนุ่มที่มีความคิดก้าวหน้าเป็นตัวของตัวเอง
          รามันมีผู้หญิงที่พ่อแม่หมั้นหมายไว้ให้ตั้งแต่แบเบาะตามประเพณีของชาวมุสลิม แต่รามันไม่ยอมรับและตัดสินใจว่าจะเลือกคู่ชีวิตด้วยตัวเอง
          ตอนที่รามันมาพบกับ คริมา หรือ แวว หญิงสาวชาวไทยที่ต่อมากลายเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนั้นแววอายุเพียงสิบหกปี เธอเดินทางมาเยี่ยมบิดาที่เป็นอุปทูตไทยประจำซาอุดิอาระเบีย ระหว่างวันหยุดปิดภาคเรียนจากโรงเรียนแม่ชีในสวิส เธอได้ร่วมออกทริปล่ากระต่ายกลางทะเลทราย ที่คุณณัฐ บิดาเป็นผู้ชักชวนให้รามัน มิตรสนิทรุ่นน้องเป็นคนนำทาง การพบกันครั้งแรกแววไม่ชอบรามัน เธอเป็นคนรักสัตว์ และไม่ชอบการพรากจากเพราะทำให้นึกถึงมารดาที่จากไปก่อนวัยอันควร ทิ้งเธอและพ่ออยู่กันสองคน
          สองปีต่อมาคุณณัฐย้ายไปเป็นที่ปรึกษาทูตไทยประจำปารีส ในขณะเดียวกันรามันก็ได้ย้ายมาเป็นที่ปรึกษาทูตปากีสถานประจำกรุงบอนน์ ที่เยอรมัน ระยะทางที่ใกล้กันทำให้รามันเดินทางมาเยี่ยมสหายรุ่นพี่ แต่บังเอิญคุณย่าที่เมืองไทยป่วย คุณพ่อจึงต้องบินกลับไปเยี่ยมคุณย่าและมอบหมายให้แววเป็นคนดูแลต้อนรับรามันแทนท่าน
          ช่วงเวลานั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของหญิงสาวและชายหนุ่มที่มีอายุห่างกันถึงสิบห้าปี รามันทำตัวสบายๆ ไม่เป็นพิธีรีตอง และแวะมารับแววหลังเลิกเรียนที่มหาวิทยาลัยซอร์สบอนน์ ทั้งคู่ท่องเที่ยวปารีสและใกล้ชิดสนิทสนมจนรู้สึกดีๆต่อกัน หลังจากทริปนั้น รามันก็แวะมาปารีสบ่อยๆ หลายครั้ง ทั้งคู่ปิดบังความสัมพันธ์ที่มี ไม่ให้คุณณัฐรับรู้ เพราะแววเชื่อว่าพ่อจะไม่ยอมรับให้เธอคบกับรามันเพราะความแตกต่างเรื่องเชื้อชาติและศาสนาเป็นสำคัญ
          เรื่องราวดำเนินมาจนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อความขัดแย้งในบ้านเกิดของรามันเป็นเหตุให้มีทีท่าจะเกิดสงครามกลางเมือง เป็นความขัดแย้งจากเชื้อชาติที่ต่างกันระหว่างชาวปากีสถานตะวันตกและตะวันออก จนนำมาสู่การแยกดินแดนออกเป็นประเทศใหม่คือบังคลาเทศ (ช่วงเวลาที่ปากีสถานตะวันออก ได้รับเอกราชจากปากีสถานตะวันตกและแยกออกมาก่อตั้งเป็นประเทศบังคลาเทศคือปี 2514)
          รามันตัดสินใจเดินทางกลับบ้านที่ดัคกา ในปากีสถานตะวันออก ซึ่งขณะนั้นกำลังลุกเป็นไฟ และกลายเป็นสนามรบ ทำให้เขาต้องแยกจากแวว แล้วรามันก็หายสาบสูญไปเพราะถูกจับ แววก็อาศัยเพื่อนสนิทชาวฝรั่งเศสที่มีแฟนเป็นนักข่าวช่วยสืบข่าวที่อยู่รามันจนเจอ แล้วแววก็แอบปิดบังพ่อเพื่อหาทางเดินทางไปพบรามันท่ามกลางอันตรายจากสายลับที่คอยติดตามรามัน
          หลังจากนั้นคือการผจญภัยของคู่รักหนุ่มสาวที่มีหัวใจรักแน่วแน่ และแววก็ตัดสินใจอยู่เคียงข้างรามันจนกว่าจะแน่ใจว่ารามันปลอดภัย เรื่องราวในนวนิยายจึงอ่านสนุกช่วงหลบหนีกลางสงคราม ในขณะเดียวกันหลังสงครามคลี่คลาย ทั้งคู่ก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคบนเส้นทางรักที่มีพ่อของแววเป็นปราการอันเข้มแข็งที่จะไม่ยอมให้ลูกสาวสุดที่รักได้คบหากับสหายสนิทรุ่นน้องอย่างรามัน
          ต้องตามอ่านค่ะว่ากว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างมีความสุขในตอนท้ายได้ รามันต้องแสดงความจริงใจสูงสุดถึงขั้นเข้าพบผู้นำคนใหม่ของบังคลาเทศเพื่อขอย้ายมารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตบังคลาเทศประจำประเทศไทยเพื่อติดตามความจริงและแสดงเจตจำนงว่าต้องการแต่งงานกับแวว หลังถูกจับแยกจากกันหลายปี
ฟ้าสางที่ดัคกา

          #โปรยปกหลัง
          “ผมจะไม่ยอมให้ใครมาเอาตัวคุณไปจากผมเป็นอันขาด…นอกจากพระผู้เป็นเจ้าข้างบนโน้นเท่านั้น…” เขาแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีครามสวยปราศจากเมฆหมอกใดๆ ทั้งสิ้น
          “ผมภาวนาทุกครั้งที่ทำละหมาด…ถ้าเป็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าแต่แรกเริ่มที่ทำให้เรารู้จักและรักกันละก็ ขอให้ทุกอย่างราบรื่น…อย่าให้มีอันเป็นให้ต้องพลัดพรากเลิกราจากกันเลย…”
          รามันกอดไหล่บางๆ เข้าหาตัวยิ่งขึ้น “ถ้าผมตาย มันก็อีกเรื่อง … แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ละก็…ผมจะสู้… จำที่ผมบอกคุณได้มั้ยแวว ประเทศชาติคือความภาคภูมิใจ เป็นศักดิ์ศรีของตัวผม แต่คุณเป็นหัวใจ เป็นชีวิตของผม…สองสิ่งนี้แยกจากกันไม่ได้เป็นอันขาด…คุณจำไว้ให้ดีทีเดียว”
          คริมาถอนสะอื้น…หล่อนจะลืมได้อย่างไรกัน
          #ภาพประกอบเรื่อง
  • ฟ้าสางที่ดัคกา : โสภาค สุวรรณ
  • ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 มกราคม 2554
  • สำนักพิมพ์ศิลปาบรรณาคาร
  • บริษัท บูรพาสาส์น (1991) จำกัด
  • จำนวนหน้า : 595 หน้า
  • ราคาปก 350 บาท
Kapook Creator เป็นเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้สร้างสรรค์ที่เข้าร่วมโครงการ หากพบเนื้อหาที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกติกา สามารถคลิกแจ้งปัญหาได้ที่นี่
เรื่องอื่นๆของ Books and My Quotes
Advertisements
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
บันทึกการอ่าน ฟ้าสางที่ดัคกา ไพรัชนิยายของปลายปากกาของโสภาค สุวรรณ อัปเดตล่าสุด 25 มีนาคม 2567 เวลา 11:52:06 1,796 อ่าน
TOP